ในยุคที่เส้นแบ่งของ “สถานที่ทำงาน” หรือ “ออฟฟิศ” เริ่มเลือนรางและมีความยืนหยุ่นลื่นไหลมากขึ้น ทำให้การทำงานของหลายสาขาอาชีพสามารถนิยาม “everywhere” หรือ “ทุก ๆ ที่” เป็นสถานที่ทำงานของตนเองได้ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่จะมีพื้นที่มากมายเกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว หนึ่งในนั้นก็คือ GWM Experience Center (เกรท วอลล์ มอเตอร์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ เซ็นเตอร์) ที่เพิ่งเปิดตัวสด ๆ ร้อน เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา
มองจากภายนอก พื้นที่ขนาดกว่า 1,600 ตารางเมตร กินบริเวณชั้น 3 และ 4 ของห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม GWM Experience Center อาจดูคล้ายกับโชว์รูมแสดงรถยนต์ ตลอดจนนวัตกรรมและเทคโนโลยีของทางค่ายสำหรับผู้ที่สนใจอยากจับจองเป็นเจ้าของรถ แต่หากได้ลองก้าวเข้ามาแล้ว จะเข้าใจได้ทันทีว่า GWM Experience Center ไม่ได้เป็นโชว์รูมรถอย่างที่ตาเห็นแน่นอน
- dtac เป็นมากกว่า ผู้ให้บริการมือถือ เร่งเครื่องขยายบริการดิจิทัล เพิ่มฐานผู้ใช้งาน
- ชวนรู้จัก “Metaverse” เมกะเทรนด์ สุดฮอต ที่ต้องรู้ กับโลกเสมือนจริงแห่งอนาคต
เรียกได้ว่า GWM Experience Center เป็นแหล่งแฮงก์เอ๊าท์ กึ่ง โค-เวิร์กกิ้งสเปซ (co-working space) ที่ให้คนทั่วไป ไม่จำเป็นต้องเป็นลูกค้าของ GMW ให้สามารถเข้ามานั่งพักผ่อนหย่อนใจ นั่งประชุมทำงาน นั่งพบปะเม้าท์มอยกับเพื่อนฝูง นั่งจิบกาแฟดื่มด่ำวิวมุมสูงริมแม่น้ำเจ้าพระยา หรือลองเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษที่ทางเกรท วอลล์ มอเตอร์ สรรหามาให้ทำหรือร่วมเวิร์คชอปในแต่ละสัปดาห์
เป็นเซ็นเตอร์แห่งแรกในไทย ที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตั้งเป้าหมายมุ่งให้เป็นพื้นที่ที่ 4 (The 4th Space) นอกเหนือจากบ้าน ที่ทำงาน และสถานที่ไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการจัดแสดงสุดยอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์อันล้ำสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของทางค่าย
พื้นที่ภายในออกแบบให้โล่ง โปร่ง สบาย โดยดึงเอาเส้นสายและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของ GWM แฝงเข้าไปได้อย่างลงตัว และตกแต่งประดับประดาด้วยต้นไม้และวัสดุจากธรรมชาติ พร้อมโทนสีที่เรียบง่ายแต่ทันสมัย ให้ความรู้สึกสบายที่จะนั่งทำงานหรือนั่งผ่อนคลาย
ทั้งนี้ ภายใน GWM Experience Center ได้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 7 โซนหลัก เพื่อตอบโจทย์ความสนใจและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมแต่ละคน โดย
โซนที่ 1 คือ MOBILITY EXPERIENCE PARK ซึ่งเป็นด้านหน้าของศูนย์ในพื้นที่ชั้น 3 จัดแสดงรถยนต์รุ่นต่าง ๆ ของเกรท วอลล์ มอเตอร์เป็นหลัก แต่จุดเด่นของโซนนี้อยู่ที่ จอ LED Sphere ลูกโลกขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.8 เมตร หนักกว่า 350 กิโลกรัม แสดงเรื่องราวและไอเดียที่น่าสนใจต่างๆ ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ เป็นหลัก โดยโซนแห่งนี้ยังมีพื้นที่สำหรับจัดงานอีเว้นท์ งานสัมมนา หรือจัดฉายภาพยนตร์ ตลอดจนสารคดีต่าง ๆ ได้ รองรับผู้เข้าร่วมงานไม่เกิน 100 คน
โซนที่ 2 คือ TECHNOLOGY LAB สำหรับจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัยของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่ดีต่อผู้บริโภค สิ่งแวดล้อม และโลก โดยนำเสนอผ่านกำแพงจอ LED ขนาดใหญ่ ความละเอียดสูง พร้อมระบบเซ็นเซอร์ ที่ให้ผู้สนใจสัมผัสเพื่อรับชมเรื่องราวเกี่ยวกับรถยนต์ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น เกี่ยวกับนวัตกรรม เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ และฟีเจอร์สุดพิเศษของรถแต่ละรุ่นได้อย่างเต็มที่
ขณะที่ในโซนที่ 3 คือ CONFERENCE HALL ซึ่งเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่จุได้ 40 ที่นั่ง และมีกำแพงกั้นเสียงที่สามารถแบ่งห้องประชุมออกเป็น 2 ห้อง ในกรณีที่ต้องการใช้งานประชุมพร้อม ๆ กัน จุดเด่นของห้องประชุมนอกจากภาพวิวสวย ๆ ของริมแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว ตัวห้องประชุม ยังมีเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกที่ครบครันสำหรับรองรับงานประชุม ทั้งหน้าจอสมาร์ทบอรด์ แบบทัชสกรีนที่สามารถเขียนได้แบบกระดานไวท์บอร์ดทั่วไปแต่สามารถบันทึกข้อความที่เขียนเป็นไฟล์ PDF ส่งไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ต่อไปได้ อย่าง คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค แท็บเล็ต หรือโทรศัพท์ นอกจากนี้ ยังมีโปรเจคเตอร์นำเสนองาน และอุปกรณ์สำหรับประชุมผ่านวิดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์
ด้านโซนที่ 4 คือ LIVING ROOM & SKY GARDEN โดยกินบริเวณพื้นที่ชั้น 3 และ 4 ของ GWM Experience Center ซึ่งทั้งสองชั้นจัดแบ่งเป็น Indoor และ Outdoor ให้ผู้ที่มาเยือนได้นั่งทำงานหรือจิบชา กาแฟ หรือจัดเป็นพื้นที่เวิร์คชอป ทำกิจกรรมต่าง ๆ ขณะที่บริเวณด้านนอกจัดเป็นสวนลอยฟ้า (Sky Garden) สำหรับรับลมชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จะช่วยสร้างความรื่นรมย์และแรงบันดาลใจได้ไม่ยาก
ขณะที่ โซนที่ 5 คือ GWM STORY ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดเล็ก สำหรับบอกเล่าประวัติความเป็นมาของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 1984 ไปจนถึงวิวัฒนาการของแบรนด์และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทั้งเรื่องราวของขั้นตอนและรายละเอียดการผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยสูง รวมไปถึงเส้นทางความสำเร็จของแบรนด์ที่ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมได้ทำความรู้จักและเรียนรู้เกี่ยวกับ เกรท วอลล์ มอเตอร์ บน Interactive Wall ขนาดกะทัดรัด
โซนที่ 6 คือ CAR MAPPING ที่ติดตั้งโมเดลจำลองรถ ORA แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ นำเข้ามาทำตลาดในไทยปีนี้ โดย Car Mapping จะเปิดโอกาสให้ผู้เยี่ยมชมปล่อยพลังความคิดสร้างสรรค์ด้วยการลงสีรถผ่านหน้าจอได้ตามที่ต้องการ จากนั้นจะมีการประมวลผลผลงานลงบนโมเดลรถผ่านระบบโปรเจคเตอร์และไฟ LED ทำให้สีสันที่ระบายไว้ปรากฏลงบนโมเดลรถยนต์ ORA ได้อย่างสวยงาม และสามารถบันทึกไฟล์ภาพหรือถ่ายรูปเพื่อนำผลงานไปอวดในโซเชียลมีเดียได้
ส่วนโซนสุดท้าย โซนที่ 7 คือ GWM CAFE & CO-KITCHEN ซึ่งประกอบไปด้วยพื้นที่ 2 ส่วนคือ ส่วนที่เป็น คาเฟ่ ให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมสามารถสั่งเครื่องดื่มกาแฟในรสชาติที่ชื่นชอบ โดยมีลูกเล่นที่สนใจคือ โต๊ะกาแฟที่เป็นจอดิจิทัลขนาดใหญ่ที่เมื่อวางแก้วเครื่องดื่มลงบนโต๊ะ ระบบเซนเซอร์จะตรวจจับตำแหน่งของแก้วพร้อมแสดงรูปเต่าและปลา พร้อมเปิดให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมได้เขียนและแชร์ไอเดียรักษ์โลกในรูปแบบต่าง ๆ โดยใช้ Interactive Pen เพื่อแสดงผลไปยังจอด้านหลัง นอกจากนี้ ในโซนนี้ยังมีพื้นที่อีกส่วนที่จัดเป็น Co-Kitchen ไว้สำหรับการทำกิจกรรมเกี่ยวกับการประกอบอาหารได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ สำหรับเด็ก ๆ หรือผู้ใหญ่หัวใจเด็กที่อยากยืดเส้นยืดสาย ทาง GWM Experience Center ยังมีสไลเดอร์ขนาดยักษ์ให้ลองเล่นเพลิน ๆ
งานนี้ ใครที่สนใจ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นใช้บริการศูนย์อย่างไร ทางศูนย์ได้จัดเจ้าหน้าที่ Experience Center Specialist ในเสื้อเชิ้ตแบบฟอร์มสีฟ้าอ่อน คอยดูแล ให้คำแนะนำ และช่วยจัดกิจกรรมในแต่ละโซน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มาเยี่ยมชมได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมี Intelligent Ambassador หรือ iAM ที่จะช่วยให้ข้อมูล ตอบคำถาม และให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์
สำหรับ GWM Experience Center จะเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.30 น. และสามารถติดตามข่าวสารอัพเดทเพิ่มเติม รวมถึงการจองเข้าร่วมเวิร์คชอป หรือกิจกรรมที่น่าสนใจของ GWM Experience Center ได้ที่ GWM Application และ Facebook GWM Thailand ได้
