TH | EN
TH | EN
หน้าแรกTechnologyมหิดลใช้ AI ช่วยแพทย์วินิจฉัยผู้ป่วย COVID-19 ปอดติดเชื้อ

มหิดลใช้ AI ช่วยแพทย์วินิจฉัยผู้ป่วย COVID-19 ปอดติดเชื้อ

COVID-19 ในยุคแรก มาพร้อมกับความกังวลเรื่องผลกระทบต่อปอดและระบบทางเดินหายใจ จนเมื่อมีสายพันธุ์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นเช่นในปัจจุบัน ก็ยังคงพบอย่างน้อย 1 ใน 3 ของผู้ป่วยโควิดมีอาการปอดอักเสบ

โครงการ “RAMAAI” หรือ “ระไม” คือผลผลิตของความร่วมมือและตั้งใจจากทีมบุคลากรทางการแพทย์ ทีมผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี ที่ไม่ย่อท้อต่อวิกฤติโควิด โดยมีเป้าหมายหลักเดียวกันคือ เพื่อเป็นตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้การวินิจฉัย รักษา โรคปอดอักเสบเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพในช่วงการระบาด อันเป็นภาวะวิกฤติของประเทศ

ในทันทีที่ผู้ป่วยโควิดมีอาการที่บ่งชี้ หรือสงสัยภาวะปอดอักเสบ จะถูกส่งถ่ายภาพรังสีเอกซเรย์ เพื่อส่งต่อให้รังสีแพทย์ให้ประกอบการวินิจฉัย ซึ่งหากพบการติดเชื้อที่ปอด ผู้ป่วยจะต้องเปลี่ยนแนวทางการรักษา โดยมุ่งรักษาที่อาการปิดอักเสบก่อนเป็นอันดับแรก

ดังนั้น ขั้นตอนดังกล่าวจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ซึ่งรังสีแพทย์ และแพทย์ผู้ให้การรักษาจะรอช้าไม่ได้หากเป็นนาทีวิกฤติแห่งความเป็นและความตาย

ทีมอาจารย์แพทย์ประจำภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี นำโดย อาจารย์ แพทย์หญิงชญานิน นิติวรางกูร ได้ร่วมกับ ภาควิชาระบาดคลินิกและชีวสถิติ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล สร้างสรรค์และพัฒนา “RAMAAI” ขึ้นเพื่อต่อชีวิตผู้ป่วย ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยทำให้รังสีแพทย์ทำงานได้ง่ายขึ้น สะดวกรวดเร็วมากขึ้น ผ่านเว็บไซต์ และ LINE BOT ซึ่งได้ช่วยทำให้โอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย

โดยสามารถนำไปใช้ทั้งในระบบโรงพยาบาล และแพทย์สนาม พัฒนาขึ้นจากฐานข้อมูลของผู้ป่วยจากทั่วโลก เทียบเคียงกับข้อมูลผู้ป่วยโรงพยาบาลรามาธิบดีที่คอยอัปเดตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรับรองผลได้ถึงความถูกต้อง และแม่นยำ

สะดวกทั้งในระบบ web-based โดยการนำภาพถ่ายรังสีเอกซเรย์ของผู้ป่วย ที่เชื่อมต่อจากห้องถ่ายภาพรังสีเอกซเรย์มาดาวน์โหลดเพื่อให้ AI ในระบบได้ประมวลผล แสดงให้แพทย์ได้ใช้ประกอบการวินิจฉัยได้ในทันที หรือจะส่งภาพปรึกษาผ่าน LINE BOT ก็ย่อมได้

อาจารย์ ดร.สุเมธ ยืนยง อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้ดูแลฝ่ายเทคนิค กล่าวเสริมว่า จุดเด่นของ “RAMAAI” อยู่ที่การออกแบบให้ใช้งานง่าย แม้แต่แพทย์ที่ไม่ได้มีความชำนาญเฉพาะด้านรังสีวิทยาก็สามารถใช้งานได้ 

การทำงานของระบบไม่ได้มุ่งออกแบบเพื่อให้ใช้แทนการวินิจฉัยโดยแพทย์ในระบบปกติ แต่จะใช้เพื่อช่วยแพทย์วินิจฉัย โดยสามารถจำแนกภาพได้ครอบคลุม 3 ประเภท คือ 1) ภาพถ่ายรังสีเอกซเรย์แบบปกติที่ไม่มีลักษณะบ่งชี้ 2) ภาพถ่ายรังสีเอกซเรย์ที่แสดงอาการปอดติดเชื้อจาก COVID-19 และ 3) ภาพถ่ายรังสีเอกซเรย์ที่แสดงความผิดปกติอื่น ๆ

ในอนาคต เพื่อให้เกิดการต่อยอดประยุกต์ใช้นวัตกรรมขยายผลออกไป ทีมวิจัยเตรียมพัฒนา “RAMAAI” ให้สามารถรองรับการวินิจฉัยความผิดปกติทางปอดให้ครอบคลุมถึง 14 กลุ่มโรคหรือความผิดปกติ ได้แก่ โรคถุงลมโป่งพอง โรคมะเร็งปอด โรควัณโรค และโรคหัวใจโต เป็นต้น 

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เดลล์ เผยนวัตกรรมซอฟต์แวร์สตอเรจ เร่งการขับเคลื่อนระบบอัตโนมัติ

บลูมเบิร์ก คาดปี 2593 การปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการขนส่งทางถนนสุทธิเป็นศูนย์ หากใช้รถไฟฟ้าเพิ่ม

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ