การสำรวจจาก datareportal ปี 2024 พบว่า “YouTube ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่คนไทยใช้เวลาอยู่ด้วยนานที่สุด” ไม่แปลกที่อาชีพอย่าง YouTuber จะเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ควบคู่ไปกับการแบ่งปันประสบการณ์ ความชอบส่วนตัว หรืองานอดิเรกผ่านรูปแบบของวิดีโอ แต่การเป็น YouTuber ได้รับความนิยมมากทำให้เกิดการแข่งขันสูง จะทำอย่างไรให้ช่องของเราสามารถสร้างรายได้และสร้างผู้ติดตามได้อย่างมั่นคง
จัค – หิรัณยพัทธ์ กลิ่นพยอม, Deputy Head, Regional Creator Growth Anymind Thailand เปิดเคล็ดลับการสร้างช่อง YouTube ฉบับมือใหม่เพื่อให้เหล่า YouTuber ได้นำวิธีการพื้นฐานไปปรับใช้ในช่องของตนเอง โดยเริ่มตั้งแต่การทำความเข้าใจแพลตฟอร์ม YouTube การเรียนรู้พฤติกรรม (Journey) ของผู้ชม ตลอดจนกระบวนการทำงานของแพลตฟอร์ม YouTube แบบละเอียด และ Ecosystem ที่เกิดขึ้นระหว่างผู้สร้างคอนเทนต์กับผู้ชม ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างเอกลักษณ์ การเพิ่มจำนวนผู้ติดตาม รวมไปถึงการต่อยอดสร้างรายได้ที่มั่นคง สรุปออกมาเป็น 3 เรื่องที่ต้องรู้…ถ้าอยากสร้างช่อง YouTube ให้ดังและมีรายได้!
ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาหลักต้องเข้าใจ Ecosystem ระหว่างผู้สร้างคอนเทนต์กับผู้ชมก่อน ต้องเข้าใจว่าองค์ประกอบหลักที่เกี่ยวข้องกับ YouTube มี 3 ส่วน ได้แก่ ผู้สร้างคอนเทนต์หรือเจ้าของช่อง (Creator) ผู้ชม (User) และโฆษณา (Advertising) โดยความสัมพันธ์ของทั้ง 3 สิ่งนี้ มีความเกี่ยวเนื่องกันดังนี้
- ผู้สร้างคอนเทนต์หรือเจ้าของช่อง (Creator) หน้าที่คือ การสร้างคอนเทนต์ให้กับผู้ชม (User) เกิดความชื่นชอบเพื่อที่จะกลับมาชมคอนเทนต์ในภายหลัง ได้ฐานผู้ติดตามเพิ่มมากขึ้นเท่ากับได้รายได้จากยอดเข้าชมที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
- ผู้ชม (User) หน้าที่คือ ได้รับชมคอนเทนต์ที่ชอบ แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายบางส่วนให้กับแพลตฟอร์มอย่าง YouTube ในรูปแบบของการรับชม โฆษณา (Advertising)
- โฆษณา (Advertising) หน้าที่คือ บางส่วนจะกลายเป็นรายได้ของผู้สร้างคอนเทนต์หรือเจ้าของช่อง (Creator) แต่ในขณะเดียวกัน YouTube Premium ก็เป็นหนึ่งทางเลือกที่ถูกสร้างมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับ ผู้ชม (User) ด้วยการเสียเงินโดยตรงให้กับ โฆษณา (Advertising) เพื่อปิดการมองเห็นไม่รบกวนการดูคอนเทนต์ที่ชื่นชอบ
– YouTube ประเทศไทย ครบรอบ 10 ปี หนุนชุมชนครีเอเตอร์ และเชื่อมต่อผู้คนทั่วโลก
หากมองเป็นวงจร จะเห็นได้ว่า ทั้ง 3 ส่วนเหมือนห่วงโซ่ที่เอื้อประโยชน์ให้กันและกัน เท่ากับว่าผู้ที่ทำงานบนแพลตฟอร์มของ YouTube จะต้องให้ความสำคัญกับ 3 ส่วนนี้อย่างหลีกไม่ได้
1) Funnel การสร้างผู้ติดตาม (Subscribers) บน YouTube
การจะทำให้คลิปวิดีโอของช่องมีจำนวนผู้ติดตามเพิ่มขึ้น จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับ 3 ปัจจัยหลัก ดังนี้
- Appeal : ส่วนที่ผู้ชมมองเห็น ได้แก่ ภาพปก ชื่อวิดีโอ ชื่อช่อง หากกำหนดให้สิ่งเหล่านี้ ดึงดูดผู้ชมมากเท่าไร โอกาสที่วิดีโอจะได้รับเอนเกจเมนต์จะยิ่งสูงเท่านั้น ยกตัวอย่าง การตั้งชื่อคลิปให้ตรงกับความสนใจของผู้ชมโดยตรง เช่น กลุ่มเป้าหมายของคลิปคือนักร้อง ให้ตั้งว่า “ถ้าอยากเป็นนักร้องต้องฝึกร้องแบบนี้” เป็นต้น
- Engagement : ความมีส่วนร่วม นั่นคือการสร้างเงื่อนไขบางอย่างในวิดีโอ เพื่อให้ผู้ชมอยากมีส่วนร่วมกับคอนเทนต์ของช่องมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็นพูดคุย การไลก์ การแชร์ ยกตัวอย่าง การมีกิจกรรมร่วมสนุกแจกรางวัล เมื่อมีการแชร์คลิปวิดีโอของช่องไปที่โซเชียลมีเดียต่างๆ เป็นต้น
- Satisfaction : การทำให้ผู้ชมเกิดความพึงพอใจ จนผู้ชมกด Subscribe ให้กับช่อง ด้วยสาเหตุต่าง ๆ เช่น การสร้างคอนเทนต์ที่มีสาระประโยชน์ให้กับผู้ชม การสร้างแรงบรรดาลใจ หรือการให้สุนทรีย์บางอย่างแก่ผู้ชมอย่างสม่ำเสมอ
2) วางกลยุทธ์คอนเทนต์ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของช่อง
เมื่อสร้างผู้ติดตามได้เรียบร้อยแล้ว ต้องทำความรู้จักกลุ่มเป้าหมายของคลิปวิดีโอเพิ่มขึ้นเพื่อที่จะรักษาฐานผู้ติดตามเหล่านี้ไว้ ควบคู่ไปกับการสร้างผู้ติดตามใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดลักษณะการทำคอนเทนต์ออกมาในรูปแบบต่าง ๆ ด้วยกลยุทธ์การสร้างคอนเทนต์ที่เหมาะสม แบ่งเป็น 3 ประเภท
- HERO : คอนเทนต์ที่ดังในชั่วข้ามคืน ได้รับความนิยมสูงตามกระแสหรือเทรนด์ปัจจุบัน เหมาะกับการดึงดูดผู้ติดตามหน้าใหม่ให้กับช่อง
- HUB : คอนเทนต์ที่มีลักษณะเฉพาะ ความถี่ในการเผยแพร่สม่ำเสมอ เปรียบเสมอเอกลักษณ์ ซึ่งต่อยอดไปเป็นคอมมูนิตี้ของช่องไปโดยปริยาย คอนเทนต์ลักษณะนี้จะค่อยๆ สร้างฐานผู้ติดตามได้อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ และมั่นคง เช่น คอนเทนต์พาสำรวจป่าไม้ คอนเทนต์สอนเขียนสรุปบทเรียนวิชาต่างๆ เป็นต้น
- HELP : คอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ผู้ชม สามารถแก้ปัญหา ให้เกร็ดความรู้ได้ จำนวนผู้ติดตามจะเปลี่ยนผันไปตามปัจจัยต่าง ๆ อย่าง อัลกอลิทึมของแพลตฟอร์ม หรือการสร้างคอนเทนต์บางคอนเทนต์ที่ตรงจริตผู้ชม เช่น คอนเทนต์ประเภท How to ต่างๆ เป็นต้น
การวางกลยุทธ์ที่ดีจะช่วยให้ช่องมีฐานผู้ติดตามที่แข็งแรง หากมีการสร้างคอนเทนต์ลงช่องอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ มีแนวทางของคอนเทนต์ชัดเจนจะได้รับยอดวิวปริมาณมาก นับเป็นแนวทางการสร้างรายได้อีกทาง หรือแม้กระทั่งการต่อยอดด้วยการขายพื้นที่โฆษณาของช่องให้กับแบรนด์ต่าง ๆ เข้ามาเป็น Sponsor ก็สามารถสร้างรายได้ผ่าน YouTube ได้เช่นกัน
3) ไม่ละเมิดข้อจำกัดของ YouTube เด็ดขาด
นอกจากการเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ชม การวางกลยุทธ์คอนเทนต์ เรื่องสร้างคอนเทนต์ให้ถูกต้องเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เนื่องจากข้อจำกัดของแพลตฟอร์ม YouTube มีระบบตรวจจับความถูกต้องเรื่องลิขสิทธิ์ของภาพและเสียง การตรวจสอบลักษณะคอนเทนต์ที่เป็นอัตรายต่อสังคมอย่างเคร่งครัด ผู้สร้างคอนเทนต์มีความจำเป็นมากที่จะต้องรู้เรื่องเหล่านี้ไว้ เพื่อไม่ให้ช่องโดน “แบน” การปิดกั้นการมองเห็น หรืออาจร้ายแรงถึงขั้นถูกปิดช่อง
คอนเทนต์ลักษณะใดบ้างที่มีความเสี่ยง…
- เนื้อหาที่เข้าข่ายเป็นสแปม (Spam & deceptive practices) : ไม่อนุญาตให้แสดงเนื้อหาที่มีเจตนาหลอกลวง เช่น โพสต์ซ้ำเยอะเกิดไป มีลิงค์อันตรายแอบแฝง เป็นต้น
- เนื้อหาที่เข้าข่ายความอันตรายและความรุนแรง (Violent or dangerous content) : ไม่อนุญาตให้แสดงเนื้อหาที่สื่อถึงความรุนแรงทั้งทางกายและใจ เช่น การทำร้ายร่างกายผู้อื่น การละเล่นหวาดเสียวที่มีความเสี่ยงถึงชีวิต การทำร้ายจิตใจ หรือการบูลลี่ เป็นต้น
- เนื้อหาที่เข้าข่ายกระทบความอ่อนไหว (Sensertive content) : ไม่อนุญาตให้แสดงเนื้อหาอ่อนไหว เช่น ความรุนแรงในเด็ก ภาพโป๊เปลือย การทำร้ายตัวเอง เป็นต้น
- เนื้อหาที่เข้าข่ายค้าขายผิดกฎหมาย (Regulated goods) : ไม่อนุญาตให้แสดงเนื้อหาที่โฆษณาชวนเชือซื้อสินค้าผิดกฎหมาย เป็นต้น
- เนื้อหาที่เข้าข่ายสร้างความเข้าใจผิด (Misinformation) : ไม่อนุญาตให้แสดงเนื้อหาที่ชี้นำผู้ชมให้เกิดความเข้าใจผิด เช่น การสื่อสารที่ผิดเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 จนสร้างความตื่นตระหนกอย่างมากให้กับสังคม เป็นต้น
- เนื้อหาที่ผิดลิขสิทธิ์ : ละเมิดสิทธิทางปัญญาของผู้อื่นโดยไม่มีการอ้างอิงถึง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา รูปภาพ วิดีโอ เสียง เป็นต้น
กรณีผู้สร้างคอนเทนต์เผลอละเมิดข้อห้ามดังกล่าว YouTube มีระบบตักเตือน 3 ระดับ ได้แก่ ระดับที่หนึ่ง ได้รับเครื่องหมายเตือนเมื่อผู้สร้างคอนเทนต์โพสต์เนื้อหาที่เข้าข่าย ระดับที่สอง เมื่อโดนเตือนซ้ำช่องจะไม่สามารถทำกิจกรรมใด ๆ ได้เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ ระดับที่สาม โดนเตือนซ้ำอีก จะไม่สามารถทำกิจกรรมใด ๆ ได้เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ หากยังทำผิดซ้ำอีกช่องจะถูกปิดแบบถาวร ดังนั้นการรักษากฎสากลของแพลตฟอร์มเป็นเรื่องมาตรฐานที่ผู้สร้างคอนเทนต์พึงมี หมั่นสังเกตคอนเทนต์ของช่องตนเองอยู่เสมอจะสามารถป้องกันช่อง จากความเสี่ยงเหล่านี้ได้ เพราะหากช่องไม่สามารถกระทำกิจกรรมใด ๆ ได้ รายได้ที่มาจากช่องทาง YouTube ก็จะหายไปเช่นกัน
คำแนะนำเมื่อโดนเตือนจาก YouTube : ควรรอ 90 วัน เพื่อให้ระบบตรวจสอบอย่างแน่ชัด อย่าลบคลิปวิดีโอเพราะบางครั้งอาจเป็นการตรวจสอบผิดพลาดของระบบ
– ครีเอเตอร์ยุคใหม่ต้องรู้! 3 เทรนด์ YouTube Content ปี 2024
เทคนิคเพิ่มยอดผู้ติดตามง่าย ๆ ด้วย Short VDO
ปัจจุบัน YouTube สนับสนุนการสร้างคอนเทนต์ประเภท Short VDO เนื่องจากพฤติกรรมผู้ใช้งานแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นการรับชมคลิปแนวตั้งมากขึ้น ประกอบกับผลสำรวจว่าการสร้าง Short VDO ควบคู่ไปกับ Long VDO สามารถเพิ่มจำนวนผู้ติดตามได้เร็วมากกว่าช่องที่มีเพียง Long VDO อย่างเดียว แนะนำให้ตัดช่วง Highlight สั้นๆ สร้าง Short VDO เพื่อดึงดูดผู้ชมให้เพิ่มขึ้น เทคนิคนี้จะช่วยให้ช่องมียอดผู้ติดตามเพื่อผ่านเกณฑ์ของ YouTube ที่สามารถสร้างรายได้จากการโฆษณาด้วยเงื่อนไขที่กำหนดว่า
- ช่องต้องมีผู้ติดตามเกิน 10K Subscribe
- มียอดเข้าชม 40K ชั่วโมง/ปี
- หรือ มียอด View 3M (Short VDO) ใน 90 วัน
ตัวอย่างการสร้างรายได้จากฟีเจอร์ Membership บน YouTube
ช่อง “Paul Pattarapon” ช่องที่เชี่ยวชาญเรื่องการบริหารการเงิน การลงทุน สามารถสร้างรายได้เพิ่มจากฟีเจอร์ Membership ของ YouTube โดยเริ่มเห็นโอกาสจากฐานผู้ติดตามที่เชื่อมั่นและชื่นชอบคอนเทนต์ของช่อง ถึงขึ้นเต็มใจให้เงินเพื่อสนับสนุนผู้สร้างคอนเทนต์ กระบวนการสร้างMembership คือ
- เริ่มกำหนดระดับของผู้เข้าชมเป็นขั้นต่างๆ ที่เหมือนกับจ่ายรายเดือนเพื่อเป็น Platinum Members โดยผู้ชมกลุ่มนี้จะได้รับสิทธิพิเศษ ได้รับคอนเทนต์ที่มากกว่าผู้ชมปกติ
- การโปรโมต “Platinum Members” ผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อสื่อสารให้กลุ่มผู้ติดตามเข้ามาเป็น Platinum Members กันมากขึ้น
- เพิ่มความพิเศษให้กับ“Platinum Members” เช่น ให้ Emoji สุดพิเศษที่แสดงถึงความเป็นแฟนตัวยงของช่อง หรือการเข้าถึงคอนเทนต์ Exclusive เป็นต้น
- ได้โอกาสแสดงความคิดเห็นผ่าน Live Stream แบบตัวต่อตัวกับคุณพอล เจ้าของช่องซึ่งมีความเชี่ยวชาญและพร้อมให้คำปรึกษาแบบส่วนตัว
- มีของขวัญสุดพิเศษให้กลุ่ม “Platinum Members” โดยเฉพาะ
สรุปการสร้างช่อง YouTube ให้ดังและมีรายได้ ต้องเริ่มจากการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะสร้างรายได้บนแพลตฟอร์ม YouTube และเรียนรู้ทำความเข้าใจ Ecosystem ของแพลตฟอร์มและผู้ชม เป็นประโยชน์ในการค้นหาอินไซต์ของผู้ชมก่อนออกแบบเนื้อหาเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเพิ่มจำนวนผู้ติดตามของช่อง ตลอดจนการรักษาฐานผู้ชมด้วยกลยุทธ์การสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบต่าง ๆ สุดท้ายคือไม่ละเมิดข้อห้ามของแพลตฟอร์ม ทั้งหมดนี้เป็นขั้นตอนพื้นฐานง่าย ๆ ที่จะทำให้ผู้ที่อยากริเริ่มสร้างรายได้จาก YouTube ได้มีแนวทางปฏิบัติไปในทิศทางที่ถูกต้องเพิ่มขึ้น
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เคเอฟซี จับมือกสศ. นำร่องสร้างหลักสูตรการเรียนที่ยืดหยุ่น แก้ปัญหาเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา




