Story of Business • Technology • Sustainability
Share on
×

Share

WHA ลงทุน 5 หมื่นล้าน ใน 5 ปี มุ่งทรานสฟอร์มองค์กรสู่ดิจิทัล

WHA คาดเติบโตสูงอย่างยั่งยืน

ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป เล็งพัฒนาและสร้างการเติบโตใหม่ ๆ ตลอด 5 ปีข้างหน้า ด้วยงบลงทุน 50,000 ล้านบาท ครอบคลุมทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ พร้อมคาดการณ์รายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติแตะระดับ 21,000 ล้านบาทในปี 2569 หรือ 1.75 เท่าจากปี 2564 โดยที่ยังคงรักษาระดับอัตราผลกำไร EBITDA ที่แข็งแกร่งกว่าร้อยละ 40 และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (IBD) ของบริษัทต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมต่ำกว่า 1.2 เท่า

จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาของบริษัทฯ มีรายได้ที่เติบโตสูงถึงร้อยละ 28 ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย ในปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรรวม 12,000 ล้านบาท พร้อมสินทรัพย์รวมแตะ 83,000 ล้านบาท และคงอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ A-

สำหรับปี 2564 ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป เติบโตทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ โดยมีโครงการใหม่ พันธมิตรใหม่ ผลิตภัณฑ์ใหม่ และการลงทุนใหม่ ตอกย้ำสถานะของบริษัทฯ ในฐานะเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้านโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและไฟฟ้าในประเทศไทยและเวียดนาม

โครงการใหม่ ในปี 2564 บริษัท ได้มีการเปิดตัวโครงการ “ดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม.21” คลังสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทฯ ซึ่งมีพื้นที่อาคารรวม 400,000 ตารางเมตร และความสำเร็จในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 (WHA RY36) ที่มีเนื้อที่รวม 1,280 ไร่ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับใบรับรองการจดทะเบียนการลงทุนสำหรับการสร้างเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน – เหงะอาน เฟส 2 (เนื้อที่ 2,200 ไร่) ในเวียดนาม

ผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงการจัดจำหน่ายก๊าซไนโตรเจนผ่านท่อส่งให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) การเปิดตัวโครงการพลังงานแสงอาทิตย์พร้อมระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) ที่โรงกรองน้ำในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) การพัฒนาแพลตฟอร์มการซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้แก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ และโซลูชันอาคารสำนักงานใหม่ 6 ทำเลทอง ในกรุงเทพฯ และสมุทรปราการ รวมพื้นที่กว่า 100,000 ตารางเมตร

พันธมิตรใหม่ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกับนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย ให้บริการน้ำรีไซเคิลและน้ำปราศจากแร่ธาตุ แก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย (มาบตาพุด) ประเดิมลูกค้ารายแรกเป็นโรงงานผลิตเคมีภัณฑ์ ภายใต้อายุสัญญา 15 ปี โดยมีกำลังการผลิตกว่า 1 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี

การลงทุนใหม่ อาทิ การลงทุนใน Giztix สตาร์ตอัพชั้นนำด้าน e-Logistic ที่ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อเชื่อมต่อผู้ประกอบการด้านขนส่งและโลจิสติกส์ กับผู้ใช้บริการจากทั่วประเทศ ด้วยเงินลงทุน 150 ล้านบาท และการเข้าซื้อหุ้นร้อยละ 29.40 ในบริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด ผู้ให้บริการให้เช่าพื้นที่จัดเก็บทรัพย์สินส่วนบุคคล ภายใต้แบรนด์ “i-Store Self Storage”

จรีพร กล่าวว่า “แม้จะเป็นอีกปีที่ท้าทายด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่จำกัดโอกาสในการเดินทางของลูกค้าและนักลงทุนต่างประเทศ แต่เราก็ยังคงสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตได้อย่างน่าทึ่ง และรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งไว้ได้” พร้อมเสริมว่า “เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของดับบลิวเอชเอ เราได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับปรุงการดำเนินงานของเรา โดยมีวัตถุประสงค์สองด้านคือ หนึ่ง การมอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้แก่ลูกค้า และสองคือ การพัฒนาการดำเนินงานให้ก้าวไปสู่ความเป็นเลิศ ด้วยการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะมาใช้”

สำหรับทิศทางแผนธุรกิจประจำปี 2565 และอนาคต ด้วยเป้าหมายทรานส์ฟอร์มแกนหลักของธุรกิจสู่ดิจิทัล บริษัทได้ริเริ่มโครงการเทคโนโลยีดิจิทัลขึ้นมาถึง 33 โครงการในปี 2564 ครอบคลุมธุรกิจ โดยมุ่งหวังที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้พัฒนาความมั่นคงและประสิทธิภาพของการดำเนินงาน และสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ ใช้เทคโนโลยีเพื่อหาแหล่งรายได้ใหม่ ๆ จากผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ และการใช้ข้อมูลเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนโรดแมปที่ตั้งเป้าหมายจะก้าวเป็นบริษัทเทคโนโลยีให้ได้ภายในปี 2567

ดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล แพลตฟอร์ม เสริมแกร่งการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ด้วยการเดินหน้าวางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเป็นผู้นำในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในทุกกลุ่มธุรกิจ ปัจจุบันได้มีการติดตั้งโครงข่ายสายเคเบิลใยแก้วนำแสง (FTTx) เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม 9 แห่ง และมีแผนจะขยายเพิ่มเป็น 11 แห่งภายในปี 2565

ดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล แพลตฟอร์ม ได้ขยายธุรกิจให้ครอบคลุมการบริหารจัดการเสาโทรคมนาคมใหม่ทั้งหมดภายในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ซึ่งจะรวมถึงการก่อสร้างเสาโทรคมนาคมและสถานีฐาน และการให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมมาเช่าพื้นที่บนเสาโทรคมนาคมเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นในการรับและกระจายสัญญาณเครือข่ายทั้ง 3G, 4G และ 5G นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีกำไรพิเศษจาการจำหน่าย Data Center 2แห่ง ในขณะที่ธุรกิจศูนย์บริการระบบข้อมูลสารสนเทศ (Data Center) บริษัทฯ มีกำไรจากการจำหน่ายดาต้าเซ็นเตอร์ 2 แห่ง จากการปรับปรุงแผนธุรกิจดิจิทัลของบริษัทฯ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกของปี 2565

ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป มีแผนที่จะจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้น เพื่อเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลและนำนวัตกรรมรวมถึงเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัท โดยบริษัทกำลังมองหาธุรกิจสตาร์ตอัพที่เติบโตขึ้นมาในประเทศมาเป็นพันธมิตรด้านเทคโนโลยีที่สำคัญ

สำหรับงบลงทุน 50,000 ล้านบาท ที่บริษัทได้ตั้งไว้สำหรับการลงทุนภายใน 5 ปี นั้น ประกอบด้วย งบลงทุนสำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ 18,000 ล้านบาท ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม 18,000 ล้านบาท ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน 10,000 ล้านบาท และอีก 4,000 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในธุรกิจดิจิทัล ธุรกิจสตาร์ตอัพและเทคโนโลยี เพื่อขับเคลื่อนดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะและทรานสฟอร์มองค์กรสู่บริษัทเทคโนโลยีอย่างสมบูรณ์

“เราเชื่อว่าข้อจำกัดต่าง ๆ ที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะเริ่มคลี่คลาย เศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ในช่วง 5 ปีข้างหน้า เราจะเดินหน้ากระบวนการทรานสฟอร์มธุรกิจทุกฮับให้เป็นดิจิทัล โดยใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะและนวัตกรรมเพื่อยกระดับการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ความพร้อมทางด้านดิจิทัลและความสามารถในการนำเทคโนโลยีใหม่มาปรับใช้ตามแผนการลงทุนของบริษัทฯ จะส่งผลต่อความสามารถของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปในการต้อนรับนักลงทุน และเปลี่ยนสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รวมถึงช่วยขับเคลื่อนนโยบายอุตสาหกรรม 4.0 ของรัฐบาลได้เป็นอย่างมาก” จรีพร กล่าวสรุป

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

RentSpree สตาร์ตอัพไทยในอเมริกา สร้างรายได้กว่า 300 ล้านบาทในปี 2021

BMW ร่วมกับ EVme มอบประสบการณ์เช่ารถยนต์ไฟฟ้า MINI cooper SE และ BMW iX3 แบบครบวงจร

×

Share

ผู้เขียน