ยังคงสามารถเรียกเสียงฮือฮาสร้างกระแสทั่วโลกได้อยู่เสมอ สำหรับ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีนักธุรกิจผู้ก่อตั้งรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา (Tesla) และบริษัทด้านธุรกิจการขนส่งอวกาศ สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) เมื่อล่าสุด เจ้าตัวได้ออกมาเปิดเผยว่าจะเปิดทางให้ผู้ใช้งานทวิตเตอร์สามารถสร้างรายได้จากคอนเทนต์ของตนเองที่โพสต์ลงบนทวิตเตอร์
ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของทวิตเตอร์ มัสก์ ทวิตผ่านทวิตเตอร์ว่า เหล่านักสร้างคอนเทนต์สามารถเปิดใช้งานคุณสมบัติการสร้างรายได้ (monetization feature) โดยคลิกที่ตัวเลือก “Subscriptions” ในการตั้งค่าเพื่อสมัครเข้าใช้งาน
ทั้งนี้ ตัวฟังก์ชัน Subscriptions จะเปิดทางให้ผู้ใช้งานทวิตเตอร์สามารถเรียกเก็บเงินจากผู้ติดตามของตนในราคารายเดือนจากระดับราคาที่ทางทวิตเตอร์ให้บริการ โดยเมื่อชำระเงินแล้ว ผู้ติดตามบัญชีของผู้ใช้งานทวิตเตอร์จะสามารถเข้าถึงเนื้อหาพิเศษของผู้สร้างซึ่งไม่ได้เปิดให้สาธารณะเข้าชม
มัสก์ ได้ยกตัวอย่างคอนเทนต์พิเศษในรูปแบบต่าง ๆ อย่าง บทความ (ข้อความขนาดยาว) คลิปวิดีโอขนาดยาว หรือพื้นที่ชุมชนที่จำกัดการใช้งานเฉพาะสำหรับผู้ที่สมัครสมาชิกเท่านั้น โดยสามารถระบุเครื่องหมายกำกับไว้ด้วยว่าเป็นสมาชิกของบัญชีผู้ใช้งานทวิตเตอร์รายใด
อ้างอิงจากแถลงการณ์ของทวิตเตอร์ ฟีเจอร์ใหม่นี้จะอนุญาตให้นักสร้างคอนเทนต์สามารถเก็บ 97% ของรายได้สูงถึง 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,710,125 ล้านบาท) ในส่วนของรายได้ตลอดชีพ (lifelong earnings) หลังจากนั้นส่วนแบ่งรายได้จะลดลงเหลือ 80% สำหรับผู้สร้างคอนเทนต์ ซึ่งสัดส่วนจำนวนเงินจะน้อยลงหากมีการสมัครรับข้อมูลผ่านแอปโดยตรง เนื่องจาก Apple App Store และ Google Play มีการหักเปอร์เซ็นต์
ขณะที่ มัสก์ ทวิตข้อความเสริมว่าจะจัดโปรโมชันด้วยการไม่หักค่าบริการในช่วง 12 เดือนแรก หลังจากนั้นจะหักค่าบริการในส่วนของ Subscriptions เพื่อรับคอนเทนต์พิเศษที่ 10% แต่ค่าบริการ Subscription ในส่วนของระบบปฎิบัติการ iOS และ Android จะหักที่ 30% ในปีแรก ก่อนจะลดลงเป็น 15% ในปีที่ 2
ขณะเดียวกัน Twitter ได้ร่วมมือกับ Stripe ยักษ์ใหญ่ด้านบริการทางการเงินเพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการการจ่ายเงินจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นไปตามที่มัสก์เคยเปรย ๆ ไว้ผ่านทางบัญชีทวิตเตอร์ของตนเองก่อนหน้านี้ว่า บริษัทจะเริ่มแบ่งปันรายได้จากการโฆษณากับผู้สร้างเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม โดยในส่วนของผู้สร้างจะได้รับเงินสำหรับโฆษณาที่แสดงในการตอบกลับทวีตของพวกเขาเหล่านั้น
อย่างไรก็ตาม การสมัครเข้าใช้ฟังก์ชันดังกล่าว ผู้สร้างคอนเทนต์จะต้องจ่ายเงินให้ทวิตเตอร์สำหรับค่าใช้บริการในส่วนนี้ที่เดือนละ 8 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 273.62 บาท) เพื่อให้มีโอกาสได้รับส่วนแบ่งรายได้จากโฆษณา
กระนั้น ทวิตเตอร์ เตือนว่าบริการสมัครรับข้อมูลไม่สามารถเรียกคืนเงินได้แม้ว่าบัญชีของผู้สร้างจะถูกระงับไปก็ตาม โดยในกรณีดังกล่าว ผู้ใช้จำเป็นต้องยกเลิกการสมัครด้วยตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระเงินอัตโนมัติรายเดือนสำหรับบัญชีทวิตเตอร์ที่ไม่ได้ใช้งาน
แม้มักส์จะย้ำว่า เป้าหมายสูงสุดของตนก็คือการสร้างความมั่งคั่งให้กับเหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์ทั้งหลาย แต่บรรดาผู้สื่อข่าวสายไอที เปิดเผยว่า ไม่ใช่ครีเอเตอร์ทุกคนที่จะสมัคร Subscriptions ได้ โดยทวิตเตอร์ กำหนดให้ผู้ใช้ที่พยายามเปิดใช้งานฟังก์ชันดังกล่าว ต้องมีผู้ติดตามอย่างน้อย 500 คน ทวีตอย่างน้อย 25 ครั้งภายใน 30 วันที่ผ่านมา และมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ที่ มัสก์เข้ามารับช่วงต่อกุมบังเหียนทวิตเตอร์ในช่วงเดือนตุลาคมปี 2022 มัสก์พยายามหาวิธีเพิ่มรายได้ของแพลตฟอร์ม รวมถึงการดึงดูดเหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์เข้ามาสู่แพลตฟอร์มของทวิตเตอร์มากขึ้น
นอกจากนี้ มัสก์ยังมีแผนที่จะแนะนำ จดหมายข่าว และฟีเจอร์สอื่น ๆ ของทวิตเตอร์ในอนาคต ซึ่งรวมถึงแนวคิดล่าสุดที่มักส์ จะเปิดให้ทาง สำนักข่าวและสื่อ ต่าง ๆ สามารถเก็บเงินค่าอ่านบทความที่ทวิตลงบนทวิตเตอร์รายเดือนได้ หรือสำหรับผู้ใช้งานที่ไม่อยากจ่ายรายเดือนก็ยังสามารถจ่ายเป็นรายบทความที่ต้องการได้
มัสก์ มั่นใจว่า แนวคิดดังกล่าวจะกลายเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ที่สร้างรายได้ให้กับทวิตเตอร์ และผู้สร้างทวิตเตอร์ ซึ่งทางทวิตเตอร์จะหักส่วนแบ่งรายได้ในส่วนนี้ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยว่าจะหักเท่าไร
ท่ามกลางสารพัดเป้าหมายที่ต้องการปั้นให้ทวิตเตอร์ยังคงความเป็นสื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยม มัสก์คาดว่า ทวิตเตอร์จะสามารถสร้างรายได้ 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากธุรกิจการชำระเงินในปี 2023 นี้ และจะเติบโตถึง 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2028
ขณะเดียวกัน มัสก์ยังตั้งเป้าให้ทวิตเตอร์สามารถเติบโตโดยมีการจ้างพนักงานที่ประมาณ 11,072 ภายในปี 2025 เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ราว 7,500 คน
ที่มา Investors King, xda-developers
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
LINE สนับสนุนพรรคการเมือง ใช้เทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารอย่างถูกต้องและเชื่อถือได้
WHA ลงทุน 20% ใน SO เสริมธุรกิจครบวงจร รองรับการเติบโตภาคธุรกิจโลจิสติกส์ และนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ
