จากใจ “สมชัย เลิศสุทธิวงค์” เขียนถึงเส้นทางการทำงานในบทบาทซีอีโอของ AIS ที่เดินทางมาครบ 8 ปี ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา ….
1 กค. ของเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ผมได้รับมอบหมายให้เป็น CEO ของ AIS ในเวลานั้นตัวผมไม่ได้อยู่เมืองไทย เพราะกำลังคุยงานกับ Huawei ที่ประเทศจีน เพื่อเตรียมนำเทคโนโลยี 4G มาใช้ในเมืองไทย
พอกลับมาถึง วันที่ 2 กค. ผมก็ทำ townhall กับพนักงานทุกคน บอกว่านับจากวันนี้ AIS จะต้องเปลี่ยนตัวเองจาก Mobile Operator สู่ Digital Life Service Provider ให้ได้
ยังจำได้ว่ามี พี่ ๆ หลายคนใน AIS ทักมาว่า มันเป็นภารกิจที่ท้าทายมาก ผมจะหาเหตุผลอะไรไปชวนให้พนักงานต้องเปลี่ยนตัวเอง ในขณะที่เรายังเป็นเบอร์ 1 ที่แข็งแรงมากในตลาด ผมจึงตอบไปว่า เราต้องเปลี่ยนแปลงในวันที่เราแข็งแรง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในอนาคต ดีกว่าที่ต้องถูกบังคับให้เปลี่ยนในวันที่เราจะปรับตัวไม่ทัน
ซึ่งผมยังคงเชื่อเช่นนั้น…
วันนี้ครบ 8 ปี ที่ผมเป็น CEO AIS เลยอยากเล่าว่า มีอะไรบ้างที่ยังเป็นสิ่งที่ผมว่าเรายังต้องมุ่งมั่นทำให้สำเร็จให้ได้ และ มีอะไรบ้างที่ทำได้ดี เผื่อจะได้บันทึกเป็น บทเรียน สำหรับการบริหารงานองค์กรขนาดใหญ่อย่าง AIS ของผม
ขอเริ่มจากสิ่งที่ผมมองว่าเรายังน่าจะทำเพิ่มเติมให้สำเร็จตามที่มุ่งมั่นไว้
ข้อแรก ผมมีฝันว่า AIS จะสร้าง digital platform ของคนไทย เพื่อให้คนไทยได้ใช้งาน แบบไม่ต้องพึ่งของต่างชาติ แต่ต้องยอมรับว่า เรายังทำมันไม่ได้ดั่งที่หวัง และยังคงต้องทุ่มเทเพิ่มเติมให้บรรลุผลให้สำเร็จให้ได้
เรื่องที่สอง ในช่วงเวลาที่โลกถูก Disrupt อย่างรุนแรง อันเป็นความท้าทายของมวลมนุษยชาติ ตลอดจนองค์กรใหญ่ ๆ ทุกแห่งไม่มากก็น้อย ช้าหรือเร็ว ก็ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยากสำหรับทุกที่ โดยเฉพาะองค์กรใหญ่ๆที่ประสบความสำเร็จมานานในอดีต ซึ่งเราก็เป็นเช่นนั้น
มีประโยคที่ Steve Jobs กล่าวไว้ว่า “If you want to make everyone HAPPY. Don’t be a Leader. Sell ICE CREAM” เพราะในการจะเปลี่ยนองค์กรตามที่ตั้งใจ Culture คือ หัวใจสำคัญอันดับ 1 แม้เราจะอยู่ในอันดับต้นๆของบริษัทที่น่าทำงานด้วย ได้รับรางวัลมากมาย แต่ความเป็นจริง คนภายในของบริษัทที่เคยเก่ง เคยดี แต่พอถูก digital เข้ามา Disrupt อย่างรวดเร็วและมีความ Dynamics ขั้นรุนแรง ก็อาจต้องเร่งเพิ่มเติมศักยภาพไม่ให้กลายเป็นอ่อนแอ แม้บริษัทจะมีแผนงานด้านบุคลากรที่ชัดเจน
ผมก็ยังมีความท้าทายในการพัฒนาให้ Gen เดิมที่มีอยู่เข้มแข็งขึ้นได้ทัน เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับ Genใหม่ที่รับเข้ามา และทำงานอย่างมีความสุขด้วยกันได้
ปรากฏการณ์ Great Resignation ที่เกิดขึ้นวันนี้อย่างที่เราเห็นกัน การหมุนเวียนของคนใหม่และเก่าเมื่อมาร่วมงานกันอาจทำให้บรรยากาศไม่เหมือนเดิม ที่เคยอยู่แบบคนคุ้นเคยกันมานาน แม้ว่าทุกบริษัทในปัจจุบัน จะเจอปัญหาแบบนี้ ไม่เว้นแม้แต่ บริษัท start up หรือ tech company ที่ sexy และจ่ายเงินเดือนมากมาย แต่ผมก็ยังตั้งใจว่า จะมุ่งมั่นทำให้ทุกคนมีความสุขกับการทำงานอย่างเหมาะสม เพื่อให้มีผลงานที่ยอดเยี่ยมกว่านี้
ถึงวันนี้ ผมยังตั้งคำถามตัวเองอยู่เสมอว่า ในฐานะ Leader จะทำอะไรเพิ่มเติมได้อีก ซึ่งผมเชื่อว่ายังมี และยืนยันว่าจะผลักดันอย่างสุดกำลังในทุกวิถีทาง เพื่อให้ดียิ่งกว่าที่ทำมา
อีกมุมที่ผมรู้สึกภูมิใจและขอบคุณพลังงานดี ๆ ในองค์กรที่ร่วมใจกันผลักดันให้บรรลุเป้าหมาย ก็จะมีประมาณนี้ครับ
- สามารถนำองค์กรทำงานอย่างมืออาชีพผ่านวิกฤติจากการเปลี่ยนผ่านในระบบสัญญาร่วมการงาน มาสู่ระบบใบอนุญาตได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ถูกปิดเครือข่าย ตอนประมูลคลื่น 900 มาไม่ได้ในตอนแรก ทั้งนี้เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของพนักงานทุกคน และ Regulator ที่ยังยึดมั่นในหลักการ ถึงแม้ว่าจะยังมีความท้าทายในเรื่องทำนองนี้อยู่ แต่ก็เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ด้วยข้อเท็จจริง ความบริสุทธิ์ โปร่งใสของเรา ทุกอย่างก็น่าจะผ่านไปได้
- แม้จะสร้าง Digital Platform ของคนไทยไม่สำเร็จในตอนนี้ แต่ก็ได้วางรากฐานที่แข็งแรงให้กับบริษัทและคนไทย คือ การมี 5G infrastructure ที่ทันสมัย ครอบคลุมทั่วประเทศ, การมี FBB และ enterprise business มาให้บริการ และ การมี digital services ต่าง ๆ อย่าง AIS play, Game, Digital Finance เป็นต้น ซึ่งถือเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งและยั่งยืนให้กับ AIS และคนไทยสามารถพัฒนาต่อไปได้
- แม้ว่า AIS จะผ่านวิกฤติต่าง ๆ มามากมาย ทั้งเรื่องการที่มักถูกโยงใยในเรื่องการเมืองเข้ามาบ้างเป็นครั้งคราว วิกฤติโควิดที่ยังไม่จางหาย รวมถึงเศรษฐกิจที่ท้าทายและการแข่งขันที่รุนแรงในวันนี้ แต่ AIS ยังรักษาความเป็นผู้นำไว้ได้ ทั้งเรื่อง market share, ผลกำไร ทำให้เราสามารถดูแล stakeholder ทุกคนได้อย่างดี ทั้งลูกค้า คู่ค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น และสังคม ที่สำคัญคือ ในช่วงที่ประเทศเกิดวิกฤติรุนแรงอย่างโควิด เราสามารถที่เข้าไปช่วยแบ่งเบาภาคสาธารณสุข สนับสนุนภาครัฐ และไม่เคยละเลยหน้าที่ในฐานะ corporate citizen ที่ยังคงสร้างงาน กระจายรายได้ จ่ายภาษีอย่างครบถ้วนให้แก่ประเทศ
ในโอกาสครบ 8 ปีเต็มกับบทบาท CEO AIS ของผม ก้าวต่อไปนับจากนี้ คือ การที่ต้องส่งผ่านไปยังรุ่นหลังให้แข็งแรงที่สุด ทั้งการแก้ไขข้อผิดพลาดที่เคยมี และการเดินต่อไปในอนาคตตามที่วางไว้ คือ การเป็น Cognitive Telco หรือ องค์กรอัจฉริยะ ที่จะรู้จักลูกค้าของเรามากขึ้น ตอบความต้องการได้เร็วขึ้น เป็น infrastructure ให้กับคู่ค้าของเราในทุกอุตสาหกรรม เพื่อส่งต่อสินค้าและบริการของเขา มาใช้ในชีวิตประจำวันของลูกค้าเรา แบบ real time, interactive และ personalization
ผมขอยืนยันว่า แม้ผ่านมาแล้วถึง 8 ปี ผมยังมีพลังอย่างเต็มที่ ที่จะก้าวเดินต่อไป จนกว่า successor ผมจะรับช่วงต่อได้ พวกเรา ทั้งผมและพนักงาน AIS กว่า หมื่นชีวิต พร้อมจะช่วยกัน พัฒนา และขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลประเทศให้อย่างดีที่สุดต่อไป
1.07.2022