เคทีซีประกาศแผนงานปี 2566 วางรากฐานองค์กรใหม่อย่างแข็งแกร่ง ด้วยแนวคิด “A Transition to the New Foundation” เปิดโอกาสผู้บริหารรุ่นใหม่รับมือการเปลี่ยนแปลง ทำหน้าที่สร้างรายได้และดันผลกำไรทำนิวไฮต่อเนื่อง เชื่อภายใน 3 ปีพุ่งสู่ระดับหมื่นล้านบาท
พอร์ตสินเชื่อรวมปีกระต่ายเติบโต 15% เกินแสนล้านบาท ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเติบโต 10% พอร์ตสินเชื่อบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” โต 7% ยอดอนุมัติสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” เพิ่ม 9,100 ล้านบาท สินเชื่อกรุงไทยธุรกิจ ลีสซิ่งเพิ่ม 3,000 ล้านบาท และ NPL อยู่ในอัตราที่ต่ำกว่าปี 2565
ระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เผยแผนธุรกิจปี 2566 ว่า เคทีซีทำกำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาทุกปี ยกเว้นช่วงปีโควิด แต่จากนี้ไปจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยปี 2566 จะทำนิวไฮได้อีก และเป็นปีเตรียมการเพื่อทำนิวไฮในปี 2567 จากเป้าหมายภายใน 3 ปี จะมีกำไรระดับ 10,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปี 2566 ที่เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเคทีซี ทั้งโครงสร้างองค์กร กลยุทธ์ กระบวนการ เทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อขับเคลื่อนเคทีซีไปสู่รากฐานองค์กรที่แข็งแกร่ง ภายใต้แนวคิด “A Transition to the New Foundation” โดยเฉพาะการพัฒนา Mindset ของคนในองค์กรให้มีดีเอ็นเอเดียวกัน ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
บูรณาการไอที ขับเคลื่อนกลยุทธ์องค์กรสู่การปฏิบัติ
การปรับเปลี่ยนเพื่อเตรียมองค์กรให้เป็นโครงสร้างแบบแนวราบ (Flat Organization) และมีหน่วยงานใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น จะบูรณาการด้านไอทีเข้าเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์องค์กรสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม มี 3 สิ่งที่ต้องทำ คือ 1. Enterprise Architecture การจัดการโครงสร้างให้สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งด้านธุรกิจ ด้านไอทีและระบบปฏิบัติการ
2. Enterprise Skill Assets ต้องเตรียมบุคลากรที่มีศักยภาพ มีผลการดำเนินงานที่ดี ส่งเสริมให้คนเคทีซีพัฒนาทักษะสำคัญด้านต่างๆ ที่สร้างความก้าวหน้าในหน้าที่การงานและเป็นประโยชน์กับองค์กร รวมทั้งเตรียมรับคนเพิ่มเข้าทีม
และ 3. Enterprise Data Assets การบริหารจัดการข้อมูลที่ครอบคลุมทั้งกระบวนการ จะต้องบูรณาการข้อมูล วิธีการจัดเก็บ การเลือกข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาใช้ประมวลผลและวิเคราะห์ลูกค้า เพื่อดำเนินการด้านการตลาด การคำนวณกำไร การขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต
ขณะเดียวกัน ปี 2566 ยังมี 3 ผลิตภัณฑ์ที่จะทำกำไรได้สูงกว่าปี 2565 หนุนการพัฒนาโครงสร้างองค์กรสู่ The New Foundation และการทำกำไรในปี 2567 ประกอบด้วย บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อรถยนต์
กรองดี-เก็บเงินได้
ไม่ใช่ตั้งเป้าเพียงการเติบโตของธุรกิจ แต่หลักการสำคัญที่ยึดมั่นของเคทีซีคือ ต้องเก็บเงินลูกค้าได้ ซึ่งการทำธุรกิจที่ผ่านมา แม้ช่วงสถานการณ์โควิด 3 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีปัญหาและยังทำกำไรเพิ่มขึ้น เพราะกรองลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้น ฉะนั้น ลูกค้าเอ็นพีแอลและลูกค้าผิดนัดชำระหนี้จึงมีต่ำมากประมาณครึ่งหนึ่งของอุตสาหกรรม
“เคทีซีไม่เคยขายหนี้ออกไปเลย ซึ่งการขายออกคือการนำเงินในอนาคตทบกลับไป เท่ากับจะไม่ได้เงินในอนาคตแล้ว”
ขณะเดียวกัน เคทีซียังมุ่งบริหารต้นทุนทางการเงินให้มีประสิทธิภาพ ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้และเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจ โดยจะระดมเงินกู้ยืมระยะยาวประมาณ 15,000 ล้านบาท เพื่อรองรับหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในปี
2566 จำนวน 4,640 ล้านบาท รวมทั้งสนับสนุนการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อเคทีซี
ทั้งนี้ คาดว่าเมื่อสิ้นปี 2566 เคทีซีจะมีสัดส่วนเงินกู้ยืมระยะสั้นต่อเงินกู้ยืมระยะยาว (Original Term) 20:80 และต้นทุนการเงินอาจเพิ่มขึ้นตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจากปี 2565 อยู่ที่ 2.5%-3.0%
บัตรเครดิตขยายลูกค้ากำลังซื้อสูง
ธุรกิจบัตรเครดิต ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่เคทีซีให้ความสำคัญมาตลอด และปีที่ผ่านมาเกือบทุกหมวดใช้จ่ายต่างเติบโตสูงกว่าปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดรุนแรงของโควิด-19
ประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุดสายงานการตลาดบัตรเครดิต กล่าวถึงการเปลี่ยนผ่านของธุรกิจบัตรเครดิตว่า แผนกลยุทธ์การตลาดบัตรเครดิตในปี 2566 เน้นแนวคิด Less is MORE หรือการทำสิ่งที่สำคัญเพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด โดยปรับกระบวนการทำงานในทีมการตลาดให้กระชับคล่องตัวมากขึ้น บน 5 แกนสำคัญ คือ
1. บริหารพอร์ตลูกค้าที่มี 2.5 ล้านใบ ผู้ถือบัตร 2 ล้านคนให้มีคุณภาพมากที่สุด ด้วยการสร้างสรรค์โปรแกรมการตลาดเพื่อให้ลูกค้าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง และการนำระบบออโตเมชั่น (Automation) เข้ามาใช้ในกระบวนการของการบริหารความสัมพันธ์กับสมาชิกบัตร
2. ขยายฐานลูกค้ากลุ่มรายได้ต่อเดือนตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและมีประมาณ 10% ของฐานลูกค้า ด้วยสิทธิพิเศษด้านไลฟ์สไตล์ที่ตรงใจ เริ่มด้วยส่วนลดพิเศษที่ร่วมมือกับเครือซาร่า
3. จัดโปรแกรมกระตุ้นการใช้จ่ายที่ตอบโจทย์ฐานสมาชิกบัตรเคทีซี เน้น 3 หมวดใช้จ่ายหลัก คือ หมวดร้านอาหารและร้านอาหารในโรงแรม (Dining & Hotel Dining) หมวดช้อปปิ้งออนไลน์ และหมวดท่องเที่ยวที่กำลังจะกลับมา โดยเดินหน้าความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจอื่นๆ ที่มีเป้าหมายทางธุรกิจเดียวกัน ในการทำกิจกรรมการตลาดที่ตอบโจทย์ทุกหมวดใช้จ่ายสำคัญของสมาชิก และเพื่อสร้างการจดจำและผูกพันกับแบรนด์
4. ร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นในการจัดแคมเปญการตลาดและกิจกรรมการขยายฐานสมาชิกบัตรในต่างจังหวัด และ 5. บริหารจัดการการสื่อสารการตลาด (Marketing Communications) ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด โดยเน้นการทำคอนเทนท์ มาร์เก็ตติ้ง (Content Marketing) ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ นำข้อมูลสำคัญสู่กลุ่มเป้าหมาย
ปี 2566 ตั้งเป้ามีสมาชิกสมัครบัตรใหม่ 180,000 ใบ และคาดว่าจะมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเติบโต 10-15% จากปี 2565 หรือประมาณ 264,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโต 22%
“ส่วนการที่กระแสการใช้จ่ายเงินอิเล็กทรอนิกส์ประเภทต่างๆเป็นที่นิยมใช้งานกันมากขึ้น ไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต หากเป็นการเสริมกันมากกว่า”
MAAI by KTC เดินหน้าขยายช่องทางการแลกรับคะแนน ผ่านร้านค้าถุงเงิน สแกนง่าย แลกได้ไม่จำกัด
เคทีซี เดินหน้า พัฒนาแอปฯ KTC Mobile ด้วยฟีเจอร์ใหม่
สินเชื่อบุคคลเพิ่มโอนเงินผ่านพร้อมเพย์
พิชามน จิตรเป็นธรรม ผู้บริหารสูงสุดสายงานสินเชื่อบุคคล กล่าวถึงธุรกิจสินเชื่อบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” (KTC PROUD) ว่า เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใช้สินเชื่อได้ครบทุกฟังก์ชัน ณ วันนี้บัตรใบเดียวทำได้ทั้งเบิกใช้วงเงิน รูด โอน กด ผ่อน และยังร่วมมือกับมาสเตอร์การ์ด ให้จับจ่ายใช้สอยผ่านออนไลน์ได้ด้วย
แผนกลยุทธ์ปี 2566 จะพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยมุ่งออนไลน์มากขึ้น เพื่อตอบรับพฤติกรรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เริ่มจากการเปิดช่องทางให้ลูกค้าขอสินเชื่อออนไลน์ได้เองผ่านโมบายแอปในรูปแบบของใบสมัครออนไลน์ (Electronic Application) และช่องทางการเบิกถอนเงินสดออนไลน์ผ่านแอป KTC Mobile ให้สะดวกขึ้น โดยเพิ่มบัญชีพร้อมเพย์ในการโอนเงิน นอกเหนือจากการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร 15 แห่งจากที่ไหนก็ได้
เพิ่มช่องทางเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ต้องการใช้สินเชื่อด้วยต้นทุนรับสมัครที่ต่ำแต่ได้ผลดี รวมทั้งเดินหน้าสร้างความผูกพันระหว่างเคทีซีกับกลุ่มสมาชิก ด้วยการต่อยอดกิจกรรมสัมมนาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ และการส่งเสริมวินัยในการชำระผ่านโครงการเคลียร์หนี้เกลี้ยง ปีที่ 14
ปัจจุบัน มีฐานลูกค้ามากกว่า 750,000 ราย คาดว่าถึงสิ้นปี 2566 พอร์ตลูกหนี้สินเชื่อบุคคลจะเติบโต 7% และมีสมาชิกใหม่ “เคทีซี พราว” อีก 110,000 ราย
สินเชื่อรถยนต์เพิ่ม 9,100 ล้านบาท
เรือนแก้ว เกษมสวัสดิ์ศรี ผู้บริหารสูงสุดสายงานสินเชื่อรถยนต์ วางเป้าหมายปี 2566 ว่า จะมียอดอนุมัติสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” เพิ่ม 9,100 ล้านบาท
จากเป้าหมายดังกล่าว ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีจุดแข็งคือ การให้วงเงินใหญ่สูงสุด 1 ล้านบาท อนุมัติใน 1 ชั่วโมง รับเงินทันที และเปิดโอกาสให้ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่มีข้อจำกัดด้านเอกสารและรายได้ สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น โดยมีธนาคารกรุงไทยกว่า 900 สาขาทั่วประเทศเป็นช่องทางการรับสมัครหลัก รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ของธนาคารกรุงไทย เช่น Next และถุงเงิน
“กระบวนการอนุมัติ ได้นำเทคโนโลยีอุปกรณ์แท็บเล็ตมาช่วย เจ้าหน้าที่ธนาคารสามารถทำรายการผ่านแท็บเล็ตในการรับสมัครสินเชื่อให้ลูกค้าและอนุมัติแบบครบวงจรภายใน 1 ชั่วโมง พร้อมรับเงินทันที ถือเป็นแห่งเดียวที่อนุมัติวงเงินใหญ่ได้ทันที”
นอกจากนี้ จะเน้นการสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” ผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ไปยังแพลตฟอร์มหลักต่างๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเคทีซี พี่เบิ้ม จากการวางบทบาทเป็นสินเชื่อทางเลือกคนไม่ท้อ ดังนั้น จึงเปิดรับทุกกลุ่มอาชีพ โดยเฉพาะคนทำมาหากินที่สู้ชีวิต และผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อก้อนใหญ่จากสถาบันการเงินอื่น
ลงทุนไอที
จากแผนการเติบโตที่วางไว้ นายระเฑียร ระบุว่า ปี 2566 จะต้องลงทุนอีกมาก ทั้งเรื่องคน และไอที โดยมีแผนทำระบบไอที ซอฟต์แวร์ และข้อมูลที่สอดคล้องกับธุรกิจที่ดำรงอยู่ รวมถึงระบบออโตเมชั่น ที่ต้องทำให้เสร็จสิ้น แต่อาจไม่สมบูรณ์ในปีนี้ อาจต้องต่อไปถึงปี 2567
“ธุรกิจเติบโตเร็วมาก จำนวนธุรกรรมมีสูงมาก การพัฒนาคนก็ต้องใช้เงิน แต่ทั้งนี้ไม่มีเป้าว่าจะใช้เงินจำนวนเท่าไร เบื้องต้นคาดว่าต้องใช้เป็นหลักร้อยล้าน แต่ที่ผ่านมาเคยตั้งเป้าการใช้เงินไว้ก็มักใช้ไม่หมด”
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
Payment Gateway-LINK PAY ยอดพุ่ง ขานรับการใช้จ่ายเงินดิจิทัลหลังโควิด
