TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessทิศทางเศรษฐกิจและตลาดทุนปี 2565 กับบทบทของก.ล.ต.

ทิศทางเศรษฐกิจและตลาดทุนปี 2565 กับบทบทของก.ล.ต.

ก.ล.ต. ระดมผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจและตลาดทุน เผยมุมมองต่อแผนยุทธศาสตร์ ก.ล.ต. ผ่านเสวนาออนไลน์ “แผนยุทธศาสตร์ ก.ล.ต. กับทิศทางเศรษฐกิจและตลาดทุนปี 2565” สะท้อนแนวคิดที่มีต่อแผนยุทธศาสตร์ ก.ล.ต.

เป็นแหล่งการออมเงินของประชาชน

ดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย กล่าวว่า โดยภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปีนี้แม้จะมีผลลัพธ์ไปในทิศทางที่ดีอันเนื่องมาจากการฟื้นตัวของภาคการส่งออก แต่ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายในเรื่องของขีดความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 นำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยังไม่เท่าเทียมกับประเทศอื่น ๆ ที่มีศักยภาพในการรับมือกับสถานการณ์และประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้เร็วกว่า

นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงสำคัญในเรื่องของผลกระทบที่เกี่ยวเนื่องมาจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ส่งผลต่อการท่องเที่ยว ราคาของพลังงานที่ปรับตัวสูงซึ่งยังคงต้องจับตามองต่อไป อีกทั้งประเทศไทยนั้นยังต้องเผชิญกับการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) กับดักรายได้ปานกลาง หรือปัญหาหนี้สิน ทั้งในระดับหนี้ครัวเรือน หนี้สินทางธุรกิจ และหนี้สาธารณะ ที่อาจทำให้มีมาตรการทางภาษีเพื่อที่จะสนับสนุนรายได้เข้าสู่ภาครัฐ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัว และการพัฒนาเศรษฐกิจได้

เป็นแหล่งระดมทุนของเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพ

โดยมองว่าตลาดทุนไทยนอกจากจะเป็นแหล่งระดมทุนซึ่งเป็นศูนย์กลางให้กับบริษัทมหาชน และนักลงทุนแล้ว ก็ควรเป็นแหล่งการออมเงินของประชาชนทั่วไปและแหล่งระดมทุนของภาคธุรกิจขนาดย่อมลงมาด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการยกระดับเศรษฐกิจอย่างแท้จริง

ด้าน ไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์ โควิด-19 ตลาดทุนไทยนับว่ายังได้รับผลกระทบไม่มากนัก เมื่อดูจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมีผลกำไรเพิ่มขึ้นรวมกันกว่า 900,000 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงปลายปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากบริษัท จดทะเบียนมีความมั่นคงสูง อีกทั้งตลาดทุนมีการพัฒนาตนเองในหลายด้าน โดยเฉพาะการเป็นที่หนึ่งในแง่ของสภาพคล่อง การออก IPO และ ESG ที่ถือว่าเป็นผู้นำในกลุ่มอาเซียน รวมทั้งการออกผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุนใหม่ ๆ อย่างกลุ่ม Depositary Receipt (DR) และนับจากนี้สิ่งสำคัญคือการพัฒนาไปสู่การมี growth engine ใหม่ ซึ่งจะเป็นการยกระดับ ตลาดทุนไทยที่ไม่หยุดอยู่เพียงแค่ตลาดภายในประเทศ แต่ต้องก้าวสู่ตลาดในระดับภูมิภาค และอีกข้อสำคัญ คือ การเป็นแหล่งระดมทุนของธุรกิจเอสเอ็มอีและธุรกิจสตาร์ตอัพ ซึ่งความโปร่งใสเป็นข้อบังคับหนึ่งในการเข้าสู่ตลาดทุนเพราะเป็นการระดมทุนจากประชาชนทั่วไป

ดังนั้น เอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพที่ต้องการเข้าสู่ตลาดทุนต้องสำรวจและพิจารณา ความโปร่งใสของตนเองอย่างรอบด้าน ว่ามีความพร้อมเพียงพอหรือไม่ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือต่อทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

หนุนผู้ประกอบการทำ Self-regulated

ส่วน ศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ นายกสมาคมสินทรัพย์ ดิจิทัลไทย กล่าวว่า ภาพรวมของสถานการณ์ปัจจุบันของภาคการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital asset) กำลังเริ่มก้าวเข้าสู่ตลาดหมี (Bear Market) คือ กำลังอยู่ในช่วงขาลงของการลงทุน เห็นได้จากราคาที่ทรงตัว รวมถึงมูลค่าการซื้อขายที่ชะลอตัว แต่สิ่งที่ทางสมาคมฯ มองว่าเป็น growth engine ต่อตลาดทุนไทย คงเป็นเรื่องการร่วมขับเคลื่อนการก่อให้เกิดกิจกรรมทางธุรกิจผ่านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล

นอกจากนี้ ควรสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถทำ Self-regulated เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและสามารถตรวจสอบตนเองได้อีกทางหนึ่ง อีกข้อสำคัญคือการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องของสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากเป็นตลาดที่ไร้พรมแดนและเปิดรับการลงทุนจากนักลงทุนในระดับนานาชาติ ซึ่งการบูรณาการการทำงาน เพื่อการตรวจสอบร่วมกันระหว่างหน่วยงานระหว่างประเทศ จะนำไปสู่การสร้างความน่าเชื่อถือในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลได้

ในส่วนของแผนยุทธศาสตร์ ก.ล.ต. ที่มีแผนการนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ในการตรวจสอบข้อมูลทางธุรกรรมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและการทำงานให้มีความลื่นไหลคล่องตัว และสะดวกสบายมากขึ้นในการกำกับดูแล

อย่างไรก็ดี จุดมุ่งหมายสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจจะต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับทั้งองคาพยพ เพราะโลกของการแข่งขันจากเวทีนานาชาติเองเริ่มบีบคั้นให้ประเทศไทยต้องเร่งเดินหน้าการปรับตัวให้เร็วขึ้น เพราะตลาดทุนถือเป็นกลไกสำคัญ ถ้าเราสามารถวางแผนพัฒนาได้อย่างถูกจุด ประโยชน์ที่ได้ย่อมตกแก่ประชาชน รวมทั้งภาคธุรกิจตั้งแต่เอสเอ็มอี สตาร์ตอัพ และธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจสู่การเติบโตอย่างก้าวกระโดดต่อไป

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ