TH | EN
TH | EN
หน้าแรกTechnologyQuick Commerce เทรนด์ใหม่หรือแค่แฟชั่น?

Quick Commerce เทรนด์ใหม่หรือแค่แฟชั่น?

ท่ามกลางการเติบโตอย่างรวดเร็วของอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รูปแบบธุรกิจแบบสั่งซื้อสินค้าและจัดส่งทันใจ (Quick Commerce) กลายเป็นเทรนด์ตลาดที่ร้อนแรงล่าสุด แต่คำถามตามมาคือ ผู้ค้าปลีกได้ให้ความใส่ใจในธุรกิจรูปแบบใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากนี้ เพียงพอแล้วหรือยัง

Kristie Davison, VP Sales, Asia-Pacific บริษัท RELEX Solutions ให้ข้อมูลว่า ความนิยมในการจัดส่งสินค้าในรูปแบบ Quick Commerce เป็นที่รู้จักกันดี จากการให้คำมั่นว่าจะจัดส่งสินค้าอย่างรวดเร็วเป็นพิเศษ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 10-20 นาที เริ่มเข้ามาเป็นที่นิยม ในช่วงที่ตลาดค้าปลีกออนไลน์ของภูมิภาค ได้รับแรงผลักดันจากการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล 

Quick Commerce มีความแตกต่างจากการขายของทั่วไปในรูปแบบเดิม ๆ ที่ต้องจัดการผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท เนื่องจาก Quick Commerce ใช้หน่วยในการจัดเก็บสินค้า (SKU) จำนวนไม่มาก ประมาณ 1,000-4,000 หน่วย การซื้อสินค้าทันใจแบบออนดีมานด์ ลักษณะนี้จะเป็นการซื้อแบบตระกร้าขนาดเล็ก และการซื้อขายมักขึ้นอยู่กับราคาขายแบบพรีเมียม รวมไปถึงค่าบริการ และค่าจัดส่งสินค้า 

ความสามารถในการทำกำไรของแบบรูปแบบธุรกิจนี้ ขึ้นอยู่กับปริมาณการสั่งซื้อ และความหนาแน่นของลูกค้าภายในพื้นที่ให้บริการ อย่างไรก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นทำให้อัตรากำไรลดลง ในขณะที่ปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่น ๆ เช่นอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทั้งหมดนี้อาจทำให้ผู้บริโภคหมดความสนใจลงอย่างรวดเร็ว 

นอกจากนี้ยังมีปัญหาอื่นๆ ที่ผู้ดำเนินธุรกิจจะต้องเอาชนะให้ได้อีก เช่น การดำเนินงานด้านขนส่งระบบโลจิสติกส์ด้วยตนเองและขาดประสิทธิภาพ การพึ่งพาเงินสดของผู้บริโภครวมไปถึงการขาดความไว้วางใจจากผู้บริโภค ที่อาจเกิดขึ้นได้

การเติบโตของอีคอมเมิร์ซ

จากข้อมูลของบริษัทวิจัย Forrester ระบุว่า อีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มียอดขายกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2563 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.43 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2568 โดยในปี 2563 ของชำเป็นกลุ่มสินค้าสำหรับการชอปปิ้งที่เติบโตรวดเร็วที่สุดด้วยอัตราการเติบโต 97% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

แม้ว่าผู้ค้าปลีกที่มีหน้าร้านจริง หรือแม้แต่ผู้ดำเนินธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะใช้กลยุทธ์ Omnichannel เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังมีความท้าทายอีกมากมายที่ผู้ค้าปลีกต้องเอาชนะเพื่อยืนหยัดในสมรภูมิอีคอมเมิร์ซ ซึ่งอัตราการเข้าถึง (penetration rate) สำหรับสินค้าประเภทของชำในตลาดออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังอยู่ในระดับเพียง 2% เท่านั้น

แต่ความท้าทายก็มาพร้อมโอกาส เมื่อบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำมากมายรุก ต่างพากันบุกตลาดทั่วทั้งภูมิภาค เช่น Foodpanda, Grab และ Tokopedia การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของบริการแบบ Quick Commerce ได้ผลักดันให้ผู้ค้าปลีกแบบดั้งเดิมและแบบดิจิทัล ต้องหันมาศึกษาการผสานรวมช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เพื่อเสริมสถานะของตนในตลาด

กุญแจสู่ความสำเร็จประการหนึ่ง คือการจัดการห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถบรรลุผลกำไรและครองตลาดได้ โดยใช้ระบบหรือแอปพลิเคชัน ที่มีความสามารถด้านการคาดการณ์ความต้องการสินค้า ระบบการวางแผนสินค้าคงคลัง และระบบความพร้อมของศูนย์กระจายสินค้า ที่มีไว้สำหรับการชอปปิ้งออนไลน์โดยเฉพาะ (dark store) ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมค้าปลีกให้ก้าวไปข้างหน้า

เทคโนโลยี นวัตกรรมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ

ความสามารถในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานสูงสุด มีความสำคัญต่อการปรับขนาดธุรกิจ ผู้ค้าปลีกไม่เพียงแค่ต้องเตรียมรับประกันสินค้า สำหรับทั้งช่องทางหน้าร้านและออนไลน์ แต่ยังต้องรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ เช่น การจัดการรับคืนสินค้า สำหรับสินค้าที่ไม่ใช่ของชำ และปรับอัตราส่วนสินค้าพร้อมจำหน่ายต่อของเน่าเสียสำหรับของสด

ทุกวันนี้ นวัตกรรมทางเทคโนโลยีได้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของกลยุทธ์ ที่ประสบความสำเร็จในการครองตลาด นวัตกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่ระบบซอฟต์แวร์การจัดการสินค้าคงคลัง ไปจนถึงหุ่นยนต์สำหรับหยิบสินค้าแบบอัตโนมัติ ล้วนมีความสำคัญต่อการทำความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภค ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพและการทำกำไรสูงสุดจากศูนย์กระจายสินค้า และคลังสินค้า

เมื่อมีผู้เข้าร่วมรายใหม่ในสมรภูมิอีคอมเมิร์ซมากขึ้น คาดว่า อุตสาหกรรมนี้จะมีการแข่งขันที่ดุเดือดยิ่งขึ้น เมื่อการรวมกลุ่มของผู้เล่นรายย่อยเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ บริษัทต่าง ๆ จึงต้องมีแผนธุรกิจที่แข็งแกร่งและยั่งยืน และในขณะเดียวกันก็ต้องปรับปรุงความสามารถในการวางแผนที่วัดผลได้ด้วยเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล 

ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีศักยภาพที่ไร้ขอบเขต จากรายงาน e-Conomy ของ Google และ Bain ประมาณการณ์ว่าภายในปี 2573 เศรษฐกิจอีคอมเมิร์ซจะมีมูลค่าสินค้ารวมสูงถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

และแน่นอนว่าธุรกิจ Quick Commerce ก็เป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์ดังกล่าว ถ้าดำเนินการได้อย่างถูกต้อง

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ศิริราช ร่วมกับทรู พัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉิน SAVER ช่วยผู้ป่วยถึงมือแพทย์เร็วขึ้น

รัฐบาลไฟเขียว ทุกหน่วยงานใช้ 4 แพลตฟอร์มดิจิทัลกลาง เชื่อมบริการรัฐสู่ภาคธุรกิจและประชาชน

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ