“ผมไม่เคยนำปัจจัยลบภายนอกใด ๆ มาเป็นเหตุให้ลดเป้าการเติบโตของธุรกิจ ดังนั้น เป้าหมายการเติบโตปีนี้ ยังคงรักษาระดับ 10% ไว้เช่นเดิม”
สุภัค ลายเลิศ กรรมการอำนวยการ และประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท ยิบอินซอย จำกัด กล่าวยิ้ม ๆ ตามสไตล์ พร้อมขยายความเพิ่มเติมว่า การจะทำให้ธุรกิจเติบโตในปีนี้ ส่วนหนึ่งคือ การบุกเบิกตลาดเพิ่ม เช่น ตลาดราชการที่เป็นตลาดหลักมานาน จะเพิ่มหน่วยงานราชการอื่น ๆ ที่มีโอกาส แต่ยังไม่เคยเข้าไปเพิ่มขึ้น เช่น กระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น
เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัทประกาศทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2567 และจัดงานสัมมนาใหญ่ YIP Open House 2024: Digital Revolutionization from Business Modernization แสดงวิสัยทัศน์มุ่งมั่นเป็นองค์กรชั้นนำที่ก้าวล้ำในระดับแนวหน้าของประเทศ
พันธมิตรทางธุรกิจที่ดีกับอีโคซิสเต็มส์
มรกต ยิบอินซอย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยิบอินซอย จำกัด กิจการที่จะมีอายุครบ 100 ปีในอีก 2 ปีข้างหน้า ทุนจดทะเบียน 220 ล้านบาท และมีธุรกิจในเครือ 9 บริษัท เปิดทิศทางธุรกิจในงาน YIP Open House 2024 ว่า จะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีกับคู่ค้า ลูกค้า และพาร์ตเนอร์ เพื่อการนำเสนอสิ่งดี ๆ เพื่อการเปลี่ยนแปลงในการนำดิจิทัลมาใช้ในการทำงาน และการใช้ชีวิตของผู้คน โดยมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จของคู่ค้า และลูกค้า
ธุรกิจในกลุ่มยิบอินซอยครอบคลุมด้าน IT Digital Solutions, High Technology, Trading & Manufacturing, Insurance Broker จากที่ทำธุรกิจนำเข้าส่งออกมาตั้งแต่อดีต จึงมีธุรกิจประกันภัยสินค้าด้วย และอนาคตจะมีธุรกิจด้าน Clean Energy & Smart Agri-Tech Solutions และ Nano Bio Technology
“บริษัททำรายได้เข้าสู่ระดับหมื่นล้านบาทมาประมาณ 2-3 ปีแล้ว และยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง รายได้หลักของบริษัท 70-80% มาจากธุรกิจไอที ดิจิทัล โซลูชันส์ ส่วนรายได้ด้านปุ๋ยเคมี การเกษตรมีประมาณ 15% ที่เหลือเป็นอื่น ๆ”
นอกจากนี้ บริษัทยังให้การสนับสนุนสตาร์ตอัพที่น่าสนใจในด้านการเกษตร และพลังงานสะอาด ซึ่งรายได้ยังน้อย อยู่ระดับเริ่มต้น จึงไม่นำรายได้เข้ามารวมในบริษัท ทั้งยังมีแผนนำบริษัทด้านไอทีเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประมาณปี 2569
ร้อยปีที่ 2 มุ่งสีเขียวเพื่อบริษัทและโลกยั่งยืน
พร้อมวางเป้าหมายธุรกิจในร้อยปีที่สอง ด้วยการมุ่งเน้นการสร้างสังคมที่ดีและมีสุข (The Well-Being of our Society and the World) โดยเริ่มธุรกิจด้านกรีนมากขึ้น เช่นการร่วมทุนกับบริษัทสตาร์ตอัพ 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท โซลารินน์ จำกัด (Solaryn) ซึ่งทำธุรกิจด้านพลังงานสะอาด การผลิตระบบเก็บแบตเตอรี่ (Battery Storage System) Smart Architect System รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ระบบ fleet management ที่จะออกสู่ตลาดในปีนี้
บริษัท โมรีน่า โซลูชั่นส์ จำกัด (Morena) สตาร์ตอัพด้านไบโอเทค ที่นำเทคโนโลยีนาโนโรบอตมาใช้กับภาคการเกษตร และบริษัท อีซีไรช์ ดิจิทัล เทคโนโลยี จำกัด (EASYRICE) สตาร์ตอัพที่ใช้เทคโนโลยีเอไอ ตรวจสอบพันธุ์ข้าวเพื่อการบริโภค ซึ่งแม่นยำและรวดเร็ว ทำหน้าที่แทนหลงจู๊ที่ปัจจุบันหาได้ยาก และยังต่อยอดตรวจสอบเมล็ดพืชอื่นๆ ได้ เช่น กาแฟ รวมถึงสตาร์ตอัพในเครือบางจากอย่างบริษัท วินโนหนี้ จำกัดในแพลตฟอร์มจักรยานยนต์ไฟฟ้า
ทั้งนี้ เพื่อให้ทั้งกลุ่มเป็นธุรกิจสีเขียว โดยมุ่งหวังที่ความสำเร็จของลูกค้าและประชาชนให้มีสุขภาพดี ในฐานะองค์กรขนาดใหญ่ที่ยั่งยืนและประสบความสำเร็จ จึงต้องเป็นหนึ่งในเสาหลักที่จะผลักดันเศรษฐกิจสีเขียว โดยเสริมเข้าไปในการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว
“บริษัทใช้เงินลงทุนกับสตาร์ตอัพประมาณแห่งละ 10-50 ล้านบาทในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ปีนี้ยังไม่มีแผนลงทุนเพิ่ม ต้องรอให้ 4 รายมีผลออกมาบ้างก่อน ซึ่งมั่นใจว่า ทุกรายต้องรอด แต่จะมีผลออกมาเร็วหรือช้าต่างกัน เพียงรอเวลา”
มุ่งมั่นบนเส้นทาง SI
ส่วนของธุรกิจไอที เทคโนโลยีปัจจุบัน สุภัค ให้คำอธิบายว่า ประกอบด้วย 4 แกนหลัก คือ
- Cloud and Infrastructure Modernization ซึ่งยังมีโอกาสทางการตลาดสูงมาก จากการที่ประเทศไทยเริ่มไอทีมาก่อนประเทศอื่น ตั้งแต่ยุคเมนเฟรม จึงเป็นโอกาสที่จะปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้ทันสมัย จึงมีลูกค้าในกลุ่มนี้จำนวนมาก และบริษัทชำนาญในตลาดนี้ จากข้อได้เปรียบที่อยู่ในโลกออน พรีมิส และมีพันธมิตรธุรกิจที่แข็งแกร่งด้านคลาวด์
- Cyber Security จากที่เคยเป็นส่วนย่อยของการลงทุน ปัจจุบันกลายเป็นเรื่องที่ทุกองค์กรต้องให้ความสำคัญ ซึ่งบริษัทพัฒนาทีมขึ้นมา และภายใน 1-2 ปีนี้ตั้งเป้าจะขึ้นเป็นท้อป 3 หรือท้อป 5 ของตลาดนี้
- Digital Business Solutions มีกลุ่มลูกค้าด้านการเงินการธนาคารที่เป็นลูกค้าเดิมต้องการจะปรับปรุงความทันสมัยต่าง ๆ เช่น จากที่เคยลงทุนระบบคอร์ แบงกิ้งเดิม กำลังจะเปลี่ยนผ่านมาเป็นดิจิทัล คอร์แบงกิ้ง
- Data & Analytic Solutions ซึ่งมีทีมวิเคราะห์ข้อมูล และการนำเอไอมาใช้ เพื่อแก้ปัญหาองค์กรต่าง ๆ มีข้อมูลจำนวนมาก แต่นำมาใช้งานได้น้อย
นอกจากนี้ยังมีส่วนงานหลังบ้าน คือ Professional Services จากบริการซ่อมเครื่อง เปลี่ยนเป็น Manage service ดูแลระบบให้ลูกค้า โดยเฉพาะบริการจัดการเครือข่าย การให้บริการ Financial & Banking Services ปลดล็อคศักยภาพธุรกิจทางด้านการเงินและการธนาคาร เพื่อการเติบโตของธุรกิจที่สอดคล้องกับกฎระเบียบและแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กรอบทำงานยืดหยุ่น
ปัจจุบัน ในฐานะบริษัทซิสเต็มส์ อินทิเกรเตอร์ (SI) ชั้นนำแห่งหนึ่ง ซึ่งดำเนินธุรกิจไอทีมากว่า 60 ปี ทั้งซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน ฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะการให้บริการคำปรึกษาในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำ ตลอดจนเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกมากมาย มีวิศวกรผู้เชี่ยวชาญกว่า 700 คน มุ่งมั่นให้บริการครบวงจร
วิสัยทัศน์และทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2567 มีนโยบายการทำงานแบบ Growth mindset หรือกรอบความคิดแบบยืดหยุ่น เติบโตและพัฒนาศักยภาพให้เท่าทันกระแสของการเปลี่ยนแปลง พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อส่งมอบความสำเร็จที่สร้างคุณค่าสูงสุดแก่ลูกค้าแก่พันธมิตรทางการค้า
“เรามุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรชั้นนำที่ก้าวล้ำในระดับแนวหน้าของประเทศ ที่พร้อมตอบสนองความต้องการทางธุรกิจได้รอบด้านของทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นในส่วนภาครัฐ และเอกชนเพื่อขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายความสำเร็จและการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจในยุคดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ”
ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายเน้นการให้บริการกลุ่มลูกค้าธุรกิจการเงินและการธนาคาร โทรคมนาคม พลังงาน สุขภาพ และองค์กรขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน
พร้อมทั้งมองแนวโน้มเทคโนโลยีไอทีปี 2567 ว่า เอไอจะเป็นเทคโนโลยีแห่งปี โดยเฉพาะเจเนอเรทีฟ เอไอ ขณะเดียวกันการอิมพลิเมนต์เทคโนโลยีต้องกระทำอย่างมีกลยุทธ์มากขึ้น โดยการโจมตีทางไซเบอร์ที่องค์กรต้องมองให้ไกลกว่าการมีแค่ระบบรักษาความปลอดภัย (Cyber Security) แต่ต้องไปให้ถึง Cyber Resilience หรือความสามารถในการเตรียมตัวและตอบสนองภัยคุกคาม ตลอดจนการกู้คืนระบบให้กลับมาเป็นปกติ ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดความเชื่อมั่นว่าองค์กรจะต้องไปต่อได้ในทุกสถานการณ์
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
4 อุตสาหกรรมที่น่าจับตามอง ระหว่างการพัฒนา Thailand Taxonomy ระยะที่ 2
จีเอเบิล ปี 66 รายได้แตะ 5,338 ล้าน ชูกลยุทธ์ “Sustain = Smart + Secure” ดันภาคธุรกิจสู่ AI FIRST
