KBTG ชูวิสัยทัศน์ Beyond The Future Day 2020 พร้อม “Think Thailand, Think KBTG” ปักหมุดเป็นบริษัทเทคฯ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็น Tech Hub และ Talent Hub ในประเทศไทย
ในขณะที่ KBank ตั้งเป้าเป็นหนึ่งในธนาคารดิจิทัลที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก KBTG ตั้งเป้าเป็นหนึ่งในบริษัทเทคฯ ที่ดีที่สุดในภูมิภาคเช่นกัน
-The Next Chapter of ONE …. การทรานส์ฟอร์มครั้งสำคัญของ KBTG
-ตลาดหลักทรัพย์ฯ จับมือ KBTG พัฒนาแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลครบวงจร
กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) กล่าวว่า KBTG จะเป็นหนึ่งในบริษัทเทคฯ ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคใน 3 ปี ด้วยความสามารถด้านเทคโนโลยี และกำลังคน ที่จะสร้างเทคโนโลยีเพื่อสินค้าและบริการต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของคนใน 8 ประเทศในภูมิภาค AEC ด้วยกำลังคนในปัจจุบัน 1,500 คน สิ้นปีจะมี 1,900 คน และศูนย์การพัฒนาเทคโนโลยี 3 แห่ง ในไทย จีน และเวียดนาม
KBTG ได้ตั้ง Development Hub ขึ้นใน 3 ประเทศ คือ ไทย เวียดนาม และจีน เพื่อให้การพัฒนาเทคโนโลยีได้ทันกับโครงสร้างการให้บริการของธนาคารกสิกรไทยและพันธมิตรที่มุ่งสู่ดิจิทัล แบงกิ้งมากขึ้น
ส่วนในประเทศจีน KBTG เปิด K-TECH ที่เมืองเชินเจิ้น ประเทศจีน โดยมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านหยวนเรียบร้อยแล้ว (1,500 ล้านบาท) ตั้งเป้าจะรับพนักงานประมาณ 300 คน โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาเทคโนโลยีการทางเงินสำหรับธนาคารกสิกรไทยในประเทศจีนและประเทศอื่น และพันธมิตร
“เราจะเป็นบริษัทเทคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เราจะเป็น Tech Hub/Talent Hub ในประเทศไทย ที่เซินเจิ้นจะทำทั้งการพัฒนาและการหาและทำงานร่วมกับพันธมิตร โดยจะเน้นที่เทคโนโลยีทางด้านการเงิน ที่เวียดนามจะเป็นศูนย์การพัฒนาเทคโนโลยี โดยมีไทยเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาเทคโนโลยี ทั้งนวัตกรรม AI Factory การทำงานกับพันธมิตร และ Deep Tech” กระทิง เรืองโรจน์ กล่าว
ด้วยวิสัยทัศน์ของ KBank และ KBTG ที่เชื่อว่าธนาคารจะอยู่ทุกที่ทุกเวลาและกับทุกคน ธนาคารจะเป็นส่วนหนึ่งของทุกคน
“เราแข่งกับตัวเองว่าเราวิ่งเข้าใกล้วิชั่นเรามากน้อยแค่ไหน ภายใต้กรอบวัฒนธรรมองค์กร One KBTG ที่หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง สู่เป้าหมาย Think Thailand, Think KBTG” กระทิง เรืองโรจน์ กล่าว
เป้าหมายของ KBTG ล้อไปกับเป้าหมายของ KBank ที่ต้องการเป็นผู้นำทางด้านแบงกิ้งในกลุ่มประเทศ AEC ปัจจุบัน ธนาคารกสิกรไทย ประสบความสำเร็จในการให้บริการ QR KBank ใน สปป.ลาว และได้ขยายบริการจากนครหลวงเวียงจันทน์ไปที่สะหวันนะเขตเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการแล้ว 70,000 ราย คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 200,000 ราย
สำหรับในเมียนมา ได้ร่วมกับเอยาวดี ฟาร์มเมอร์ ดีเวลลอปเม้นท์แบงก์ หรือเอแบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารที่ธนาคารกสิกรไทยร่วมลงทุน เตรียมนำแอปพลิเคชัน K+ ไปพัฒนาใช้ในเมียนมาในชื่อ A+ ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับความนิยมเช่นเดียวกับที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย จนเป็นแอปฯ การเงินอันดับหนึ่งในขณะนี้
โดยธนาคารกสิกรไทยในจีนมีเป้าหมายที่จะขยายตลาดไปสู่ลูกค้ารายย่อยในการปล่อยสินเชื่อบุคคล ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่ยังมีช่องว่าง ในลักษณะที่เป็น Digital Lending
สำหรับ K+ Building เป็น 1 ใน 2 แคมปัสของ KBTG ในประเทศไทย คือ Chaeng Valley 2020 เป็นสำนักงานใหญ่ที่มีบทบาทเป็นการพัฒนาและศูนย์ปฏิบัติการ และ Samyan Valley 2025 ที่เน้นการเป็น Co-Innovation Space และศูนย์ปฏิบัติการด้านการขยายต่างประเทศ
“K+ Building คือ ผู้คน คือ จิตวิญญาณ และความมุ่งมั่นที่บอกว่าเราเอาจริงด้านนวัตกรรม” กระทิง เรืองโรจน์ กล่าว
K+ Building อาคาร 5 ชั้น พื้นที่รวม 7,000 ตารางเมตร (ไม่รวมส่วนจอดรถ) มีส่วนของ Working Office ภายในอาคาร K+ สนับสนุนการสร้าง Creativity เพื่อ Generate New Innovation สอดแทรกด้วย Working Café รูปแบบจะไม่ทางการ เนื่องจากเป็นพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่
ภายในอาคารมี K+ Stadium เนื่องจากพื้นที่จำกัด K+ Building จึงต้องออกแบบให้สามารถใช้งานแบบ Multi-Purpose และให้เกิดFlexibilityในการใช้พื้นที่อัฒจรรย์สามารถยืดหดได้ตามฟังก์ชั่นการใช้งาน และยังมีส่วน Sky Garden ให้พนักงานสามารถใช้พื้นที่เพื่อพักผ่อนชมวิว และสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย
One KBTG ทรานส์ฟอร์เมชันครั้งสำคัญที่สุดของ KBTG
ทั้งนี้ จากวิกฤติโควิด-19 ที่ส่งผลให้รูปแบบการดำเนินชีวิตในสังคมปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปสู่วิถีใหม่ที่แตกต่างจากอดีตอย่างรวดเร็ว ทาง KBTG ทำทรานส์ฟอร์เมชันครั้งสำคัญที่สุดภายใต้แนวคิด “วัน เคบีทีจี” (One KBTG) โดยมีแกนสำคัญในการปฏิรูปวัฒนธรรมองค์กร การปฏิรูปกระบวนการทำงาน (Agile Transformation) และการให้พนักงานมีส่วนร่วม (Transformation Community) เพื่อผลักดันให้ KBTG เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาให้ประเทศรอดจากวิกฤติ
จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป มีความคุ้นเคยกับดิจิทัลมากขึ้น สะท้อนจากธุรกรรมซื้อสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซที่เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า ผู้ใช้โมบายแบงกิ้งก็มีอายุมากขึ้นเฉลี่ย 40-50 ปี จากเดิม 25-39 ปี ทำให้ปัจจุบันมียอดผู้ใช้งาน K+ ราว 14 ล้านคน คาดว่าจะมียอดทำธุรกรรมทำสถิติกว่า 20,000 ล้านรายการในปีนี้ รวมถึงการร่วมเป็นพันธมิตรกับองค์กรต่าง ๆ เพื่อให้ครอบคลุมธุรกรรมทางการเงินในทุกอุตสาหกรรม
สำหรับแอปพลิเคชัน “ขุนทอง” มีลูกค้าดาวน์โหลดแล้ว 500,000 ราย แอปฯ “MAKE” ดาวน์โหลดแล้ว 20,000 ราย Eatable ตั้งเป้าผู้ใช้งาน 10,000 ราย และมีพันธมิตรใช้ Contactless Technology 20 ราย โดยล่าสุดได้ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพัฒนาแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อเปิดตลาดทุนแบบใหม่ในประเทศไทย ที่จะช่วยเพิ่มช่องทางการระดมทุนและลงทุนในผลิตภัณฑ์บนแพลตฟอร์มใหม่
ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์การดำเนินงานของ KBTG ซึ่งจะสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรผ่าน 3 แกนหลัก คือ
- เพื่อให้ลูกค้าทุกรายสามารถทำธุรกิจต่อได้ ทำให้คนรู้จักออมเงิน ลงทุน และซื้อประกัน ซึ่งเป็นเสาหลัก
- ทำให้เกิดสมดุลทางการเงินของชีวิต และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าให้มากที่สุดเพราะมีเงินสะสม นำเงินส่วนที่เหลือไปลงทุนเพื่อที่จะเกษียณได้
- เปลี่ยนรูปแบบธุรกิจธนาคารแบบเดิมเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่จะนำนวัตกรรมออกไปให้กับทุก ๆ คนได้ใช้ ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ที่ไหน หรือทำธุรกรรมรูปแบบใด
