TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessThe Next Chapter of ONE …. การทรานส์ฟอร์มครั้งสำคัญของ KBTG

The Next Chapter of ONE …. การทรานส์ฟอร์มครั้งสำคัญของ KBTG

KBTG ทำทรานส์ฟอร์เมชันครั้งสำคัญที่สุดภายใต้คอนเซ็ปต์ ONE KBTG, The Next Chapter of ONEหลังวิกฤติโควิด-19 เปลี่ยนแปลงโลกจนคนไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตรูปแบบเดิมได้อีกต่อไป ผ่านแกนหลักสำคัญ คือ การปฏิรูปวัฒนธรรมองค์กร การปฏิรูปกระบวนการทำงาน (Agile Transformation) และการให้พนักงานมีส่วนร่วม (Transformation Community) เพื่อผลักดันให้ KBTG เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งและเพื่อเป็นกำลังสำคัญช่วยฉุดรั้งประเทศไทยให้รอดจากวิกฤติ

ขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ก่อนวิกฤติโควิด-19 โลกเจอกับวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำมา ประเทศไทยมี GDP อยู่ที่ 2-3% มาหลายปี ถึงแม้ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไป แต่จุดมุ่งหมายของเครือกสิกรไทยยังเหมือนเดิม คือ ต้องการจะเพิ่มอำนาจลูกค้าทุก ๆ คน ทั้งลูกค้าทั่วไปและลูกค้าองค์กร ด้วยความตั้งใจจริง

ขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย

KBTG ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นหัวหอกพัฒนานวัตกรรมและวัฒนธรรมการทำงาน เพื่อเพิ่มผลผลิต และลดต้นทุน ให้เข้าถึงคนตัวเล็ก ๆ ได้ ขณะที่กำไรเท่าเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถทำได้ด้วยดิจิทัล นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ KBTG กำลังพัฒนากันขึ้นมา

“ธนาคารกสิกรไทย เราไม่จำเป็นต้องดูคู่แข่งและไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าแรกในตลาดเสมอไป เพราะวัตถุประสงค์หลัก คือ ต้องการให้ลูกค้าได้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ดีที่สุด และโลกจะจำคนที่ทำสินค้าดีที่สุดและตอบโจทย์มากที่สุด” ขัตติยา กล่าว

ขัตติยา กล่าวต่อว่า ธนาคารในประเทศไทยมีเงินกองทุนชั้นที่ 1 ถึง 15.8% สูงกว่าสิงคโปร์และสหรัฐฯ รวมถึงการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง (LCR) ที่ไทยมีถึง 182% มากกว่าหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ธนาคารไทยแข็งแกร่งไม่แพ้ประเทศใด โดยเฉพาะธนาคารกสิกรไทย

ถึงแม้ว่าธนาคารจะแข็งแกร่งแต่ลูกค้าทั่วโลกอ่อนแอจากวิกฤติโควิด-19 ธนาคารจึงต้องช่วยพาลูกค้าให้รอดไปด้วยกัน ซึ่งกสิกรไทยมีพอร์ตลูกค้า SMEs มากที่สุดในประเทศไทย

“เราจะพาลูกค้าและพาร์ทเนอร์ไปด้วยกัน และจะพาประเทศไทยให้เป็นพี่ใหญ่ในภูมิภาคนี้ให้ได้ ถึงแม้พวกเราจะมาจากคนละความสามารถแต่ว่ามีเป้าหมายเดียวกัน New Chapter ของ KBTG จะเป็นอีกบทหนึ่ง ที่เชื่อมั่นว่าจะทำให้เราประสบความสำเร็จ” ขัตติยา กล่าว

ด้าน “กระทิง” เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป กล่าวว่า สิ่งที่เห็นคือโลกเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นใน 2 ปีมันเกิดขึ้นใน 2 เดือน โลกเทคโนโลยีถูกเร่งเครื่องขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ขณะที่คนไทยและหลายบริษัทก็เห็นว่าโลกเปลี่ยนไปเร็ว

อีคอมเมิร์ซกลายเป็นเรื่องปกติ ทุกคนสั่งของออนไลน์ ทุกวันกลายเป็น 9.9 (วันที่ 9 เดือน 9) ธุรกิจอื่น ๆ ปรับตัวเป็นธุรกิจออนไลน์ และเติบโตขึ้น 100%

“กระทิง” เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป

อินชัวร์เทค (insuretech) ที่ตามหลังฟินเทค (FinTech) ถึง 2 ปี ผลิตภัณฑ์ที่ขายยากอย่างประกันออนไลน์ถูกร่นเวลาขึ้นมา ในช่วงโควิด-19 เพียง 2 เดือน สามารถขายได้ถึง 7,000,000 กรมธรรม์ ยอด 3,000 ล้านบาท ขณะที่ในสิบปีที่ผ่านมาขายได้ 26 ล้านกรมธรรม์ ด้านธุรกิจส่งอาหาร (Food Delivery) โตขึ้น 150% และอีก 2 ธุรกิจที่มาแรงมาก คือ การเรียนที่บ้าน และการออกกำลังกายที่บ้าน ซึ่งทั้งหมดนี้ก่อให้เกิด Work, Play, Stay at Home หรือเรียกว่า ‘At Home’ Economy

“สิ่งที่เกิดขึ้นเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคจากหน้ามือเป็นหลังมือ และโลกจะเปลี่ยนไปในแบบที่คุณไม่มีวันรู้ตัวเลย” กระทิง กล่าว

แต่เรื่องน่าเศร้า คือ การก่อให้เกิดดิสรัปชันกับคนหลายคน ปี 2020 เป็นปีที่มีบัณฑิตจบใหม่ตกงานมากที่สุด ซึ่ง KBTG พยายามช่วยโดยการเปิดคอร์สเรียนฟรี ตั้งเป้าว่าปีนี้จะมีคนเข้ามาเรียนทั้งหมด 5 แสนชั่วโมง

ในอนาคตธุรกิจจะต้องมี Social License และต้องมี Social Obligation คือ การช่วยเหลือเศรษฐกิจและสังคมไทย เพราะหลังจากโควิด-19 จะมีดิสรัปชันอื่นตามมาอีก

สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีคนร่ำรวยที่สุด ยังออกมาบอกว่า สิงคโปร์จะไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะโลกเปลี่ยนไปตลอดกาล

“ฉะนั้น ถึงแม้ว่า KBTG จะรอด เป็นบริษัทที่แข็งแรงที่สุดในประเทศไทย เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในประเทศไทย แต่หน้าที่ของเรา คือ ต้องคอยผลักดันและฉุดให้เศรษฐกิจไทยไปต่อได้” กระทิง กล่าว

KBTG ทรานส์ฟอร์มมาระดับหนึ่งแล้ว แต่จะต้องทำให้เร็วขึ้น ธนาคารกสิกรไทย คือ เบอร์ 1 ทางด้าน SME Bank มีลูกค้า SMEs 40% ของประเทศไทย ซึ่ง SME มี GDP สูงถึง 30% ของประเทศไทย และจ้างงาน 85% ของทั้งประเทศ

ถ้าเปรียบเทียบ คือ ธนาคารกสิกรไทยเป็นชีพจร 2 ห้องของประเทศไทยและเส้นเลือดอีกครึ่งตัว สิ่งที่พนักงานทุกคนทำมันมีค่า เพราะเป็นตัวกระตุ้นหัวใจ 2 ห้องของประเทศไทย เป็นเส้นเลือด 40% ของประเทศไทย และ KBTG คือ สมองของหัวใจก้อนนั้น ขณะเดียวกันหัวใจอีก 2 ห้องที่เหลือและอวัยวะอื่น ๆ เริ่มแผ่ว

โดยธนาคารกสิกรไทยวางยุทธศาสตร์ความเข้มแข็งและกระตุ้นเศรษฐกิจไทยผ่าน 3 แกนหลัก คือ

1.Reimagine SME Banking & Consumer Finance ต้องการให้สินเชื่อลงไปสู่ลูกค้า SMEs ทุกราย โดยยอมลดกำไร เพื่อให้ลูกค้าทุกรายสามารถทำธุรกิจต่อได้

2.Democratize Saving, Investment, Insurance ทำให้คนรู้จักออมเงิน ลงทุน และซื้อประกัน ซึ่งเป็นเสาหลักที่ทำให้เกิดสมดุลทางการเงินของชีวิต เพราะเมื่อเกิดวิกฤติยังมีเงินสะสม นำเงินส่วนที่เหลือไปลงทุนเพื่อที่จะเกษียณได้ และเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินก็ยังมีประกัน

3.Penetrate Regional Market ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนบุคลากรในต่างประเทศเป็น 400 คน ทั้งในเมียนมา และ K-TECH ที่เซินเจิ้น

“เมื่อต้นปีที่ผ่านมากสิกรไทยติดอันดับ 1 ใน 20 ธนาคารที่ดีที่สุดในเอเชียแปซิฟิก และเป็นธนาคารไทยแท้เพียงธนาคารเดียว เพราะกสิกรไทยสามารถสร้างความแตกต่างผ่าน KBTG ซึ่งความฝันของผม คือ เมื่อคนคิดถึงประเทศไทยจะต้องคิดถึง KBTG” กระทิง กล่าว

3 แกนหลัก ปรับการทำงานในองค์กร

นอกจากยุทธศาสตร์การสร้างความแข็งแรงทางธุรกิจแล้ว KBTG ยังปรับการทำงานขององค์กรภายในเพื่อพัฒนาศักยภาพคนในองค์กรให้แข็งแกร่ง และเป็น 1 เดียวกันภายใต้คอนเซ็ปต์ ONE KBTG ผ่าน 3 ภารกิจสำคัญ คือ ONE KBTG Culture, One Step Ahead thru KBTG Transformation และ Be a Part of KBTG Transformation

มีเป้าหมายให้พนักงานทุกคนร่วมสร้างนวัตกรรมในพื้นที่ของตัวเองได้ ปรับระบบการทำงานแบบ Agile มากขึ้น ลดเวลาทำงาน เพิ่มผลผลิตให้กับองค์กร

1.ONE KBTG Culture

วัฒนธรรมมีผลต่อการที่จะทำให้คนรู้สึกและมีพฤติกรรมอย่างไรในองค์กร กลยุทธ์ที่บริษัทวางไว้จะไปข้างหน้าได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมองค์กร

“ยุทธศาสตร์เป็นเหมือนแนวปฏิบัติว่าเราจะดำเนินธุรกิจอย่างไร มีทั้งวัตถุประสงค์ เป้าหมาย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ แต่สิ่งที่จะทำให้ได้ตามนั้น คือ คน ขณะที่คนสร้างวัฒนธรรม คนกับวัฒนธรรมจึงเป็นตัวขับเคลื่อนคอยผลักดันให้ธุรกิจประสบความสำเร็จผ่านการกระทำ” อภิฤดี สิงหเสนี Head of Employee Experience & Cultural Transformation KBTG กล่าว

โดยเมื่อ KBTG ปรับยุทธศาสตร์ วัฒนธรรมองค์กรจึงต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกันด้วย KBTG ศึกษาการเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรผ่านการพูดคุยกับผู้บริหาร กลุ่มเป้าหมาย และการทำเวิร์คช็อป ก่อนจะแบ่งออกเป็น 4 ค่านิยมย่อย ดังนี้

  • One Step Ahead คือ การคิดและสร้างสิ่งใหม่ตลอดเวลา พัฒนาตัวเองโดยไม่ต้องมีกรอบ
  • One Goal พนักงานจะต้องเข้าใจว่าเป้าหมายขององค์กร ของทีม และเป้าหมายส่วนตัวคืออะไร และเชื่อมต่อการทำงานของแต่ละบุคคลให้สนับสนุนเป้าหมายขององค์กรให้สำเร็จในทุก ๆ วัน
  • One Team : คือ การเดินไปด้วยกัน (We before me) คิดเป้าหมายภาพรวมเป็นหลัก โฟกัสกับปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยกันแก้ปัญหา
  • Number One มองหาสิ่งที่ดีที่สุด เสาะหาองค์ความรู้ต่าง ๆ ตลอดเวลาเพื่อเพิ่มศักยภาพของตัวเอง และใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่

2.One Step Ahead thru KBTG Transformation

ธนุสศักดิ์ ธัญญสิริ Assistant Managing Director KTBG Academy กล่าวว่า KBTG ทำทรานส์ฟอร์เมชันมาหลายครั้งแล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นยังไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่รู้สึกได้ การทำงานต่าง ๆ ยังคงเป็นแบบ Silo Base หรือแม้แต่จะหาข้อมูลก็ยังไม่รู้ว่าข้อมูลอยู่ที่ไหน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นข้อความที่ได้ยินมาตลอดเวลา เพราะฉะนั้น การปฏิรูปที่ผ่านมาอาจจะยังไม่ตอบโจทย์ในทุก ๆ ด้าน

ครั้งนี้จึงตั้งทีมเพื่อเข้ามาแก้ปัญหากันอย่างจริงจังผ่าน 5 แกน ดังนี้

  • We are Agile เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานแบบใหม่ ลดปัญหาการทำงานซ้ำซ้อน ให้อำนาจคนในทีมตัดสินใจได้ว่าจะต้องเดินไปในทิศทางไหน ทำให้ขั้นตอนภายในกระชับและสั้นลง ขณะเดียวกันคุณภาพการทำงาน และความปลอดภัย ยังคงต้องมีอยู่
  • How We Code ตรวจสอบคุณภาพของโปรแกรมโดยใช้ความเป็นเลิศทางวิศวกรรม (Engineering Excellence) เข้ามาช่วยให้โค้ดมีคุณภาพมากขึ้น สร้างมาตรฐานของการเขียนโค้ด
  • Automate The Way We Test เพิ่มความรวดเร็วและคุณภาพของโค้ดแบบต้นทางถึงปลายทาง (End-to-End Testing) โค้ดจะต้องมีคุณภาพ ต้องถูกทดสอบมาอย่างดี เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า
  • Towards Fast and Secured Deployment ทำเรื่อง DevSecOps (Development Security Operation) แก้ปัญหาบางอย่างที่อาจจะเจอในกระบวนการท้าย ๆ ให้เจอตั้งแต่ต้นทางได้ และทำให้เป็นอัตโนมัติ
  • Knowledge at Our Fingertips เปลี่ยนเป็นคลังข้อมูลของการพัฒนาระบบโดยดึงข้อมูลที่อยู่ในหลาย ๆ ที่ให้อยู่ในที่เดียวกัน เพื่อให้พนักงานเข้าถึงได้ง่ายและเข้าใจได้ง่ายมากขึ้น

3.Be The Part of KBTG Transformation

ชุติมา เกษมกรกิจ Senior Head of Technology Academy กล่าวว่า KBTG ตั้งทรานส์ฟอร์เมชันคอมมิวนิตี้ โดยชวนพนักงานทุกคนเข้ามาช่วยคิด ช่วยทำ ช่วยทดลอง ช่วยให้ข้อเสนอแนะ เพื่อส่งต่อสิ่งดี ๆ ที่ทุกคนเจอให้ขยายผลไปทั้งองค์กร โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม

  • Agile, DevSecOps, Test Automation องค์กรจะต้องปรับเปลี่ยนให้คล่องตัว เป็น Agile นำระบบออโตเมชันเข้ามาใช้เพื่อลดเวลาการทำงานง่าย ๆ ที่ทำเป็นประจำ
  • Knowledge Management ถูกตั้งขึ้นมาแก้ปัญหาให้พนักงานได้คำตอบที่ใช่ ในเวลาที่ใช่ เพื่อลดเวลาการหาคำตอบของพนักงานในแต่ละคน ผ่านการให้พนักงานเข้ามาเป็น Content Creator
  • Software Development Excellence สร้างมาตรฐานใหม่เพื่อให้นักพัฒนาเก่งขึ้น เทียบเท่ากับคนที่เก่งที่สุด ผ่านการเขียนโค้ดดี อ่านง่าย มีประสิทธิภาพ
  • Process & Service Excellence หรือการลีนองค์กร เป็นการใช้พลังกับเรื่องที่จำเป็นเท่านั้น โดยต้องการทีมงานเข้ามาช่วย

กระทิง กล่าวเพิ่มเติมว่า “เราจะไม่มีทางทำสำเร็จเลย จะไม่มีทางช่วยประเทศไทยปฏิรูปได้เลยถ้าเราไม่ทำงานเป็นทีม แต่เมื่อเราเป็น ONE KBTG เมื่อไหร่ไม่ว่าจะต้องแข่งกับใคร ก็จะสามารถแข่งขันได้ ตั้งแต่นี้ไปเราจะเปลี่ยนจาก Me เป็น We เพราะชัยชนะจะไม่มีความหมายถ้าปราศจากเพื่อนที่มาเฉลิมฉลองด้วยกัน เมื่อเราแพ้เรายังมีเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ คอยดูแลกันคอยจูงกันขึ้นมา เราจะยืนเคียงข้างกัน ต่อสู้ไปด้วยกัน ร้องไห้ไปด้วยกัน และเมื่อเรารวมเป็นหนึ่งเราจะอยู่ยงคงกระพัน”

ด้าน ขัตติยา อินทรวิชัย กล่าวกับ The Story Thailand หลังจบงาน ONE KBTG, The New Chapter of One ว่า กสิกรไทยตั้ง KBTG มาระยะหนึ่ง มีความภูมิใจใน KBTG ตั้งแต่เริ่มตั้งขึ้นมา ตื่นเต้นกับสิ่งที่ KBTG พยายามทำ อย่างแอปฯ K PLUS วันนี้มีคนใช้มากกว่า 13 ล้านคน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความพยายามของทีมงาน KBTG ทั้งหมด รวมถึงธนาคารกสิกรไทย เพราะเทคโนโลยีจะไม่มีความหมายถ้าไม่มีธุรกิจนำเทคโนโลยีนั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์ เพราะฉะนั้น การที่บริษัทโตมาได้ขนาดนี้ต้องเป็นความภูมิใจของทั้งกสิกรไทยและ KBTG ด้วยกัน

“KBTG ยังไปได้อีกไกล เพราะลูกค้าในประเทศไทยก็คงไม่พอ เราอยากนำของดี ๆ ไปให้ทั้งภูมิภาคได้ใช้” ขัตติยา กล่าว

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ