TH | EN
TH | EN
หน้าแรกTechnologyGoogle เปิดตัว Cloud Region แห่งแรกในไทย

Google เปิดตัว Cloud Region แห่งแรกในไทย

Google Cloud ประกาศเตรียมดำเนินการสร้าง Cloud Region เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อรองรับความต้องการระบบคลาวด์ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและทั่วโลก โดยก่อนหน้านี้ Google Cloud ได้ประกาศแผนสร้าง Cloud Region ในประเทศนิวซีแลนด์ มาเลเซีย และเม็กซิโก ซึ่งจะทยอยเปิดใช้งานตามหลัง Cloud Region 5 แห่ง ที่กำลังจะเปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้ ในกรุงเบอร์ลิน ดัมมาม โดฮา เทลอาวีฟ และตูริน

ทั้งนี้ Cloud Region ในประเทศไทย จะให้บริการธุรกิจและระบบคลาวด์ศักยภาพสูงที่จำเป็นต่อองค์กร เพื่อเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ดิจิทัล และสร้างข้อได้เปรียบใหม่ ๆ ในการแข่งขัน ตลอดจนตอกย้ำเจตนารมณ์ของ Google Cloud ที่ต้องการสนับสนุนแผนพัฒนาเศรษฐกิจในเฟสต่อไปของรัฐบาลไทย ทั้งนี้ รายงานจากผลวิจัยของ AlphaBeta ภายใต้การสนับสนุนของ Google เผยว่า หากใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล อาจสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจต่อปีได้สูงถึง 2.5 ล้านล้านบาท (79.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) แก่ประเทศไทย ภายในปี 2573 ซึ่งเทียบเท่ากับ 16% ของ GDP ท้องถิ่นในปี 2563

ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า “ระบบบริการคลาวด์ มีบทบาทสำคัญในการช่วยประเทศตอบสนองต่อการหยุดชะงักทางดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว และชัดเจนเป็นอย่างมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา และเนื่องจากการจัดซื้อและบำรุงรักษาศูนย์ข้อมูลใช้เวลานาน รวมถึงมีค่าใช้จ่ายสูงสำหรับองค์กรขนาดเล็ก เราจึงคาดว่าบริการคลาวด์จะกลายเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนแผนแม่บทแห่งชาติ 20 ปี สำหรับการพัฒนาดิจิทัลและบรรลุวิสัยทัศน์ Thailand 4.0 ในอนาคต”

อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า “เราสนับสนุนการนำระบบคลาวด์มาใช้ และยินดีกับการประกาศเปิดตัว Google Cloud Region แห่งใหม่ในประเทศไทย การเข้าถึงทรัพยากรการประมวลผลที่ยืดหยุ่นและปลอดภัยของ Google Cloud เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับภาคเอกชนในการคว้าโอกาสการเติบโตใหม่ ๆ และสำหรับภาครัฐในการปรับปรุงการส่งมอบบริการที่ทันสมัยและมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง”

“การเพิ่มขึ้นของสตาร์ตอัพหน้าใหม่ ๆ ในระบบนิเวศสตาร์ตอัพของประเทศไทย รวมทั้งการที่ 9 ใน 10 ของคนไทยคุ้นเคยกับการใช้สมาร์ทโฟนในชีวิตประจำวัน ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความความคิดสร้างสรรค์ ความเข้มแข็งของผู้ประกอบการ ตลอดจนการเปิดกว้างในการพร้อมรับเทคโนโยลีใหม่ ๆ อยู่เสมอ” Ruma Balasubramanian, กรรมการผู้จัดการ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Google Cloud กล่าว

“จากการประกาศแผนติดตั้ง Cloud Region ในประเทศไทย Google Cloud วางเป้าหมายที่จะส่งเสริมนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการรุกหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ของประเทศ อาทิ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และส่งมอบระบบโครงสร้างคลาวด์ที่จำเป็นต่อการปรับเปลี่ยนและเติบโตของภาคธุรกิจ ทั้งในด้านการใช้ข้อมูลให้เกิดประโยชน์สูงสุด การทำงานแบบไฮบริด หรือการมีแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดที่มีการพัฒนาอยู่เสมอ และต่อเงื่อนไขข้อกำหนดต่าง ๆ เราจึงรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสในการขยายโครงสร้างคลาวด์ เพื่อยกระดับประเทศไทยไปสู่กลุ่มประเทศที่มีศักยภาพในการแข่งขันสูง ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งคาดว่าจะสร้างมูลค่าได้สูงถึง 36.25 ล้านล้านบาท (1 ล้านล้านดอลลาสหรัฐฯ) ภายในปี 2573 นี้”

ในอนาคต เมื่อระบบเปิดให้บริการ Cloud Region ในประเทศไทยจะช่วยยกระดับการปฏิบัติงานขององค์กรในท้องถิ่น ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และมีความหน่วงต่ำ รวมถึงสร้างระบบรักษาความปลอดภัย 3 โซน ที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้การบริการหยุดชะงัก นอกจากนี้ องค์กรต่าง ๆ ยังสามารถเข้าถึงระบบควบคุมที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าศูนย์เก็บข้อมูลจะได้รับความคุ้มครองโดยระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานสูงสุด ซึ่งรวมถึงข้อมูลเฉพาะที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ นอกจากนี้ Cloud Region ยังติดตั้งอยู่ในศูนย์ Dedicated Cloud Interconnect ของ Google Cloud ในกรุงเทพฯ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ทุกการเชื่อมต่อทั้งระหว่างเครือข่ายภายในองค์กรโดยตรง และเครือข่ายทั่วโลกของ Google Cloud

Cloud Region ของประเทศไทยจะเข้าเป็นหนึ่งใน Cloud Region ของ Google Cloud ที่มีอยู่แล้ว 11 แห่ง ทั้งในเอเชียแปซิฟิก และญี่ปุ่น รวมถึงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สองแห่ง ได้แก่ สิงคโปร์ และจาการ์ตา จากจำนวน Cloud Region ทั้งหมดใน 34 แห่ง และ 103 โซน ที่เปิดใช้งานทั่วโลกขณะนี้ โดยเครือข่าย Cloud Region ทั่วโลกของ Google Cloud พร้อมส่งมอบบริการแก่ลูกค้าทุกขนาดองค์กร ตั้งแต่หน่วยงานภาครัฐ องค์กรขนาดใหญ่ ไปจนถึงวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (SME) รวมถึงสตาร์ตอัพอีกด้วย

Google Cloud ได้รับความไว้วางใจ และส่วนแบ่งการตลาดจากองค์กรขนาดใหญ่ในหลายอุตสาหกรรม ซึ่งรวมไปถึงบริษัทชั้นนำอย่าง บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์, Ascend Money, บิ๊กซี, โฮมโปร, ธนาคารกสิกรไทย, กรุงศรี คอนซูมเมอร์, ธนาคารกรุงไทย, บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด (โรบินฮู้ด), ปูนซีเมนต์ไทย, ทีดี ตะวันแดง และ ทรู ดิจิทัล เป็นต้น โดยทั้งหมดได้เลือก Google Cloud เป็นพันธมิตรด้านนวัตกรรมที่มีความน่าเชื่อถือ จาก 5 ปัจจัยหลัก ดังนี้:

  1. ความเข้าใจต่อการใช้งานข้อมูล : ด้วยแพลตฟอร์มเก็บข้อมูลแบบรวม ที่สามารถจัดเก็บข้อมูลทั้งแบบที่ไม่มีโครงสร้าง และแบบมีโครงสร้างไว้ได้ทุกที่ Google Cloud ช่วยองค์กรลดความซับซ้อนของกระบวนการทำงาน และสร้างข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจที่มีมูลค่าสูง ตลอดจนช่วยธุรกิจตัดสินใจได้อย่าชาญฉลาด และทันสถานการณ์
  2. การสร้างรากฐานเพื่อการเติบโตอย่างอิสระ: องค์กรที่ทำงานบนแพลตฟอร์มที่มีความเป็นอิสระ และยืดหยุ่นสูง ของ Google Cloud สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นขององค์กร ซึ่งแหล่งข้อมูลอิสระที่มีอยู่เดิม และความมุ่งมั่นต่อโครงสร้างมัลติคลาวด์และไฮบริดคลาวด์ของ Google Cloud จะช่วยให้องค์กรมีอิสระในการสร้างสรรค์นวัตกรรม และเปิดโอกาสให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถดำเนินงานได้อย่างคล่องแคล่วและว่องไว
  3. ส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานร่วมกัน: Google Cloud ให้บริการเครื่องมือที่องค์กรจำเป็นต้องใช้เพื่อรองรับวิธีที่ผู้คนเชื่อมต่อ สร้าง และทำงานร่วมกันที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นการกลับไปที่สำนักงาน ทำงานจากที่บ้าน หรือให้บริการลูกค้าในแนวหน้าอย่างใกล้ชิด
  4. ระบบรักษาความปลอดภัยและผู้ใช้งาน: Google Cloud ช่วยปกป้องข้อมูลโดยใช้โครงสร้างพื้นฐานและบริการด้านความปลอดภัยเดียวกันกับที่ Google ใช้สำหรับการดำเนินงานทั่วโลก เพื่อสนับสนุนการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยของทุกองค์กร
  5. สร้างอนาคตที่สะอาดและยั่งยืนยิ่งขึ้น: Google ประกาศเป็นกลางทางคาร์บอนมาตั้งแต่ปี 2550 และกำลังดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการใช้พลังงานที่ปราศจากคาร์บอนทั้งหมดภายในปี 2573 โดยปัจจุบัน เมื่อองค์กรทำงานบน Google Cloud ซึ่งเป็นระบบคลาวด์ที่สะอาดที่สุดในอุตสาหกรรม เวิร์กโหลดขององค์กรเหล่านั้นจะใช้พลังงานหมุนเวียนเต็ม 100% อีกทั้ง Google Cloud ช่วยให้องค์กร แยกคาร์บอนออกจากการดำเนินการต่าง ๆ ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เช่น Carbon Footprint, Active Assist และ Earth Engine เป็นต้น

Daphne Chung ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย ฝ่ายบริการคลาวด์และการวิจัยซอฟต์แวร์ของ ไอดีซี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “Cloud Region แห่งใหม่ของ Google Cloud จะช่วยตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นขององค์กรในด้านแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เป็นอิสระ และเปิดโอกาสสู่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และนวัตกรรมในประเทศไทยที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งการเปิดตัว Cloud Region แห่งใหม่นี้ Google Cloud ช่วยเพิ่มตัวเลือกให้แก่ลูกค้าในการเข้าถึงบริการจาก Cloud Region ในพื้นที่ รวมถึงช่วยรองรับการเข้าสู่สภาพแวดล้อมแบบไฮบริดและมัลติคลาวด์ได้ในเวลาเดียวกัน”

“เครือข่ายทั่วโลกของ Google Cloud มีบทบาทสำคัญต่อธนาคารกรุงไทยในการนำการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และความสามารถด้านการธนาคารแบบเปิดมาดำเนินการให้บริการธุรกิจธนาคาร เพื่อสร้างและรักษาความไว้วางใจของชาวไทยกว่า 40 ล้านคนที่ใช้บริการดิจิทัลของเราเพื่อตอบสนองความต้องการทางการเงินของพวกเขาในทุกวัน” ผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าว “ดังนั้น Cloud Region แห่งใหม่นี้ จึงเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนการคิดค้นนวัตกรรมดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง และกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบการกำกับดูแลในประเทศ ซึ่งจะทำให้เราสามารถให้บริการคนไทยทุกระดับรวมถึงผู้บริโภคที่ไม่มีบัญชีธนาคาร และเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กได้ทุกที่ ทุกเวลา”

“หลังจากที่ได้ย้ายการดำเนินงาน และแอปพลิเคชันของเราไปยังโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ข้อมูลที่เหนือกว่าของ Google Cloud เราได้ส่งมอบบริการและประสบการณ์ที่มีความเฉพาะตัวมากขึ้นให้กับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ผู้จัดส่งสินค้า และผู้บริโภคกว่าที่เคยเป็นมาได้อย่างคุ้มค่าและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น” ธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานบอร์ดบริหาร บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด (โรบินฮู้ด) กล่าว “Cloud Region แห่งใหม่นี้ จะช่วยให้เราเข้าใกล้ทรัพยากรการประมวลผลของ Google Cloud มากขึ้น และสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีคลาวด์ได้อย่างรวดเร็ว และสมบูรณ์ยิ่งขึ้นไปด้วย ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับภารกิจ: การสร้าง ‘super app’ จะมาช่วยเหลือผู้เล่นรายย่อย และฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับรากหญ้าในประเทศให้เกิดการพัฒนาต่อไป”

ขณะนี้ Google ได้ฉลองครบรอบ 11 ปีของการทำงานในประเทศไทย พร้อมด้วยโครงการริเริ่มต่าง ๆ เช่น สะพานดิจิทัล ที่ช่วยธุรกิจ SMEs ก่อตั้ง และขยายธุรกิจทางออนไลน์ และ Go Digital ASEAN ที่ช่วยปูพื้นฐานให้เยาวชนที่ยังไม่ได้รับการจ้างงาน และขาดโอกาสให้มีทักษะในการรู้หนังสือดิจิทัล โดยปัจจุบัน บริษัทมอบผลประโยชน์ประจำปีจำนวน 144.5 พันล้านบาท (4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้กับธุรกิจต่าง ๆ และสนับสนุนงานทางอ้อมจำนวน 63,000 ตำแหน่งในประเทศไทย

แจ็คกี้ หวาง ผู้อำนวยการ Google ประเทศไทย กล่าวว่า Cloud Region แห่งใหม่เป็นตัวอย่างที่สำคัญของการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของ Google ในประเทศไทย และเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของเราในการส่งเสริมโอกาสในการเติบโตแบบครอบคลุมที่จะไม่ทิ้งคนไทยไว้ข้างหลัง

“เป็นเวลากว่า 11 ปีที่ทีมของเราทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานภาครัฐ ธุรกิจ ชุมชน และนักการศึกษาในประเทศไทย เพื่อจัดหาเครื่องมือ การฝึกอบรม และการศึกษาที่จำเป็นสำหรับความสำเร็จในอนาคตดิจิทัล หลังจากนี้ Cloud Region จะช่วยเสริมความสามารถเฉพาะตัวของเราในการนำระบบนิเวศขององค์กร และผู้บริโภคเข้ามาใกล้กันมากขึ้น ซึ่งจะครอบคลุมทั้งโปรแกรม Search, YouTube, Maps, Play, Cloud และอื่น ๆ เพื่อให้เราสามารถเป็นพันธมิตรกับองค์กรท้องถิ่นทุกขนาดอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น และสามารถให้บริการในตลาดภายในประเทศ และส่งออกผลิตภัณฑ์ และบริการไปทั่วโลก”

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ