TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistการกลับมาของ นักท่องเที่ยวจีน และบทเรียนจาก วิกฤติโควิด

การกลับมาของ นักท่องเที่ยวจีน และบทเรียนจาก วิกฤติโควิด

ข่าวจีนเปิดประเทศทำเอาเศรษฐกิจโลกที่หลายประเทศถูกถาวะถดถอยคุกคาม ฮึด ขึ้นมาทันควัน ตลาดหุ้นเอเชียช่วงสัปดาห์ต้นปี ทำนิวไฮรับข่าวดีแห่งปีข่าวนี้กันถ้วนหน้า และที่คึกกันอย่างสุด ๆ คือ วงการท่องเที่ยว โดยเฉพาะบ้านเราและเพื่อนบ้านอาเซียนเกือบทุกประเทศออกประกาศพร้อมรับนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปเกือบ 3 ปี โดยไม่มีเงื่อนไข มากเหมือนฝั่งยุโรป หรือ ญี่ปุ่น นายกฯฮุนเซน ของกัมพูชา บอกกับสื่อว่า กัมพูชาพร้อมรับนักท่องเที่ยวจีนโดยไม่มีข้อจำกัด  

ส่วนประเทศไทย เดิมกำหนดมาตรการต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนว่า ต้องโชว์หลักฐานฉีดวัคซีน 2 เข็ม  และต้องมีประกันสุขภาพวงเงินไม่น้อยกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ถ้าไม่มีสายการบินจะปฏิเสธไม่ให้ขึ้นเครื่อง แต่มาตรการดังกล่าวไม่ทันได้บังคับใช้ คนในภาคธุรกิจท่องเที่ยวออกมาโวยวาย ว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวเปลี่ยนใจไม่มาไทย จนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องปรับปรุงมาตรการใหม่ ให้ยืดหยุ่นกว่าเดิม ไม่ต้องโชว์หลักฐานการฉีดวัคซีน แต่ มีเงื่อนไขเจาะจง สำหรับนักท่องเที่ยวที่ประเทศต้นทางมีระเบียบว่าพลเมืองของตนเมื่อกลับเข้าประเทศต้องแสดงผลตรวจ RT-PCR เป็นลบ อย่าง จีน หรือ อินเดีย ยังต้องมีประกันสุขภาพ

เมื่อวันจันทร์ 9 มกราคม ที่ผ่านมา ทัวร์จีนไฟท์แรก  MF 833 จากเซี่ยหมินนำผู้โดยสารจีน 269 คนมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ  อนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ที่ควงรัฐมนตรีสังกัดภูมิใจไทย ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยว ฯ ไปต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน ให้สัมภาษณ์สื่อว่าเฉพาะวันนี้มีเที่ยวบินจากจีน 15 ไฟลท์ รวมผู้โดยสาร 3,465 คน 

ทาง ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ข้อมูลเพิ่มว่า เฉพาะไตรมาสแรกปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวไทยประมาณ 3 แสนคน แยกเป็น เดือน มกราคม 6 หมื่นคน กุมภาพันธ์ 9 หมื่นคน และ มีนาคม ไม่ต่ำกว่า 1.5 แสนคน รวมทั้งปี ผู้ว่าการ ททท.ประเมินว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน หวนกลับมาครองอันดับหนึ่งนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยสูงสุดอีกครั้ง หรือคิดเป็น 20% ของนักท่องเที่ยวรวม 

การกลับมาของ นักท่องเที่ยวจีนอัดฉีดให้กับวงการท่องเที่ยวไทยคึกคักยิ่งขึ้นไปอีก หลังซึมต่อเนื่องมา เกือบ  3 ปีจากพิษโควิด   และถือว่า (กลับมา ) เร็วเกินคาด เดิมคาดกันว่าอย่างเร็วที่สุดน่าจะมาช่วงหลังของปีนี้  เพราะช่วงปลายปีที่ผ่านมา  จีนไม่ทีท่าว่าจะยอมถอย มาตรการโควิดเป็นศูนย์ แต่ประการใด  และ ตอน สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จับเข่า ทวิภาคี คุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหมตอนประชุมเอเปค 2022 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี ตอบ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เสนอ ไทยพร้อมรับนักท่องเที่ยวจีนว่า จีนสนับสนุนการเดินทางไปมาหาสู่กันของสองประเทศเมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลงโดยไม่มีทีท่าว่าผู้นำจีนจะเปิดประเทศเร็ว ๆ นี้ แต่อย่างใด   

แต่จู่ ๆ จีนประกาศยุติมาตรการโควิดเป็นศูนย์ (หลังการประท้วงในหลายเมือง) พร้อมประกาศเปิดประเทศในวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ที่ทำเอาวงการท่องเที่ยวโลกถึงกับลิวโลด เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวจีนอยู่ในระดับมหึมา โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวชุดแรก ๆ ที่ออกท่องเที่ยวเป็นกลุ่มมาเที่ยวเอง ไม่ใช่กรุ๊ปทัวร์ แบบเดิม ๆ เป็นกลุ่มที่คนในแวดวงธุรกิจท่องเที่ยวบอกว่า เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง 

ดนุชา พิชยนันท์ลขาฯ สศช.หรือสภาพัฒน์ฯ บอกว่า สภาพัฒน์ฯ กำลังพิจารณาปรับคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ 2566 จากเดิมที่วางเอาไว้ระหว่าง 3-4% หรือ เฉลี่ย 3.5% ใหม่ หลังจีนเปิดประเทศเร็วกว่ากำหนด ซึ่งเดิม สภาพัฒน์ฯ ประเมินว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยประมาณ 22 ล้านคน ภายใต้สมมุติฐานว่าจีนจะเปิดประเทศในช่วงหลังของปี ส่วนจะปรับ (ขึ้น) เท่าไหร่อย่างไรนั้น เลขาฯสภาพัฒน์ฯ บอกว่าจะไปเฉลยตอนแถลง ภาวะเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 และภาพรวมทั้งปีในเดือนกุมภาพันธ์หน้านี้ 

สรุปว่า การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนรอบนี้ไม่เพียงทำให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย หายคิดถึง เท่านั้น หากยังคาดกันว่าเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวจีนที่ประเมินกันว่าตัวเลขทั้งปีอาจจะสูงถึง 7-10 ล้านคน จะอัดฉีดเข้าสู่ภาคธุรกิจ และเติมแรงส่งทางเศรษฐกิจภาพรวม แต่ในอีกด้านหนึ่งนั้น ทั้งรัฐบาลรวมไปถึงภาคธุรกิจไม่ควรมีความสุขกับตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมากเกินไป จนเลืมบทเรียนในช่วงวิกฤติโควิดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ที่ตลาดท่องเที่ยวเหมือนหลับกลางอากาศ เมื่อนักท่องเที่ยวที่จีนครองสัดส่วนอยู่ราว 30% ของจำนวนนักท่องเที่ยวรวมเกือบ 40 ล้านคน (ก่อนปี 2563) หายไปอย่างฉับพลันเมื่อวิกฤติโควิดอุบัติ

เช่นเดียวกับ เศรษฐกิจภาพรวมของไทยที่หวังพึ่งท่องเที่ยวเป็นหลัก เมื่อท่องเที่ยวฟุบ เศรษฐกิจก็ฟุบตาม และฟุบเร็วกว่าประเทศอื่น ๆ เมื่อเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวหลังสถานการณ์ระบาดของโควิดคลี่คลายในช่วงปีที่แล้ว แต่ท่องเที่ยวยังไม่กลับมา เศรษฐกิจประเทศไทยจึงฟื้นตัวช้ากว่าหลายประเทศ การรักษาสมดุลไม่พึ่งตลาดใดตลาดหนึ่ง สามารถลดเสี่ยงจากเหตุไม่คาดคิดได้ระดับหนึ่ง

เช่นเดียวกับเศรษฐกิจภาพรวม หากภาคส่วนต่าง ๆ มีสัดส่วนไม่สมดุล และรัฐบาลหวังพึ่งท่องเที่ยว หรือส่งออก ซึ่งทั้งสองส่วนเชื่อมโยงกับโลกเป็นตัวนำเศรษฐกิจมากจนเกินไป เศรษฐกิจจะวูบไหว ผันผวนไปตามกระแสโลกมาก จนกระเพื่อมไหวถึงเสถียรภาพได้ 

ผู้เขียน: “ชญานิน ศาลายา” เป็นนามปากกาของ “คนข่าว” ที่เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงของวัฎจักรเศรษฐกิจตลอดช่วง 4 ทศวรรษเศษ

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

จีดีพี ปี 65 จบที่ 3.4% ปีหน้าต้องลุ้น

อย่าชะล่าใจ แม้ดอกเบี้ยขึ้นแค่ “เสี้ยวเปอร์เซ็นต์”

การฟื้นตัวของ “ท่องเที่ยว” และ “บทเรียนที่ถูกลืม”​

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ