TH | EN
TH | EN
หน้าแรกCareer & Talentอินไซต์ธุรกิจการสรรหา ‘PRTR’ จากบริษัท Recruitment สู่การเป็นบริษัท ‘มหาชน’

อินไซต์ธุรกิจการสรรหา ‘PRTR’ จากบริษัท Recruitment สู่การเป็นบริษัท ‘มหาชน’

เมื่อ 30 ปีที่แล้ว หากถามถึงธุรกิจ Recruitment หลายคนคงทำหน้าฉงน และตอบได้ไม่ชัดว่าคือธุรกิจแบบใด เพราะเทรนด์การหางานในสมัยนั้นยังต้องพึ่งพาสื่อสิ่งพิมพ์ ไม่ว่าหนังสือพิมพ์ ป้ายประกาศตามบอร์ดในมหาวิทยาลัย หรือตามหน้าบริษัทต่าง ๆ ที่เปิดรับสมัครงาน การดำเนินธุรกิจ Recruitment ในยุคนั้นจึงไม่ง่ายนัก ต้องพบกับอุปสรรค และความท้าทายนานัปการ แต่คงไม่ยากเกินไปสำหรับผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์มองการณ์ไกล และกล้าตัดสินใจผงาดตัวตนสู่ธุรกิจบริการสรรหาบุคลากรให้กับองค์กรต่าง ๆ ในนาม บริษัท จัดหางาน พีอาร์ทีอาร์ จำกัด (PRTR)

ฟันฝ่าเทรนด์สื่อสิ่งพิมพ์ สยายปีกอีกขั้นสู่ธุรกิจ Outsourcing

การฟันฝ่าคลื่นลมอิทธิพลสื่อสิ่งพิมพ์ และเทรนด์การหางานในยุคดังกล่าวย่อมมีล้มลุกคลุกคลานเป็นเรื่องธรรมดา แต่การเลือกเดินหน้าอย่างไม่ย่อท้อ และความใส่ใจในรายละเอียดเกี่ยวกับ “คน” ที่คัดสรรอย่างพิถีพิถันให้กับลูกค้า ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมั่นใจจนบริษัทเติบโตต่อเนื่องเรื่อยมา และ 7 ปีต่อมา PRTR ได้สยายปีกขยายธุรกิจสู่การให้บริการจัดจ้างพนักงาน หรือที่เรียกว่า Outsourcing เพื่อรองรับการให้บริการกับองค์กรชั้นนำอย่างเต็มสูบ เป็นการตอกย้ำว่า เส้นทางธุรกิจการสรรหาและจัดจ้างพนักงานนี้มีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้าอย่างแน่นอน

ความเชี่ยวชาญ และความใส่ใจเรื่อง “คน” ไม่เพียงแต่จะส่งมอบให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการเท่านั้น PRTR ยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของกำลังหลักขององค์กร ด้วยการส่งเสริมทักษะ ความสามารถ และมอบเส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพ (Career Path) ให้พนักงานทุกคน

ริศรา เจริญพานิช หนึ่งในพนักงานที่เริ่มต้นสัมผัสวงการสรรหาบุคลากรกับบริษัท จัดหางาน พีอาร์ทีอาร์ จำกัด ตั้งแต่ยังมีแค่ธุรกิจ Recruitment เพียงอย่างเดียว และจากความมุ่งมั่น ตั้งใจ ความสามารถที่เปี่ยมล้น ผนวกกับการใฝ่หาเติมเต็มความรู้สม่ำเสมอ จนผู้บริหารเห็นแววนักบริหาร และสนับสนุนเส้นทางอาชีพไปทีละขั้น ในที่สุดความสามารถทั้งหมดที่ริศราสั่งสมมาตลอดการทำงานได้พิสูจน์ให้ผู้บริหารสูงสุดเชื่อมั่น และตัดสินใจมอบโอกาสแสนสำคัญที่สุดในชีวิต ด้วยการดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO)

จนถึงวันนี้ที่ PRTR ได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท พีอาร์ทีอาร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ริศราก็ยังคงเป็นหัวเรือใหญ่เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรอย่างเต็มภาคภูมิเช่นเคย ทั้งยังเป็นลมใต้ปีกคอยสนับสนุนทีมงานให้พร้อมโบยบินไปด้วยกัน เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างสง่างามและภาคภูมิใจในฐานะบริษัท ‘มหาชน’

จุดต่างระหว่างธุรกิจ Recruitment กับ Outsourcing

ริศรา อธิบายความต่างระหว่างสองธุรกิจนี้ให้ทีมงาน The Story Thailand ฟังว่า เมื่อพูดถึง Recruitment คนส่วนมากอาจจะไม่ค่อยรู้จัก แต่ถ้าบอกว่า Headhunter หลายคนก็จะเข้าใจและมองเห็นภาพชัดขึ้น ธุรกิจ Recruitment ก็คือการสรรหา และคัดเลือกบุคลากรให้กับลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจง หาเองยาก หาลำบาก หรือองค์กรนั้นอาจไม่มี HR ที่คอยทำงาน recruit ก็จะให้ PRTR ช่วยคัดเลือกบุคลากรให้ตรงกับรายละเอียดงาน (Job Description) ที่กำหนด

ตัวอย่างเช่น บริษัท A อยากได้ Accounting Manager จำนวน 1 อัตรา PRTR จะทำหน้าที่ลงประกาศงาน สัมภาษณ์ และคัดเลือกผู้สมัครให้เบื้องต้น ก่อนส่งต่อให้ลูกค้าสัมภาษณ์เป็นด่านสุดท้ายเพื่อพิจารณาคุณสมบัติอีกครั้ง เมื่อลูกค้าสนใจผู้สมัครคนไหนก็จะจัดจ้างในนามของบริษัทลูกค้าไป และเสียค่าธรรมเนียมการบริการให้ PRTR เพียงครั้งเดียว โดยคำนวณจากรายได้ต่อปีของผู้สมัครงาน เฉลี่ยแล้วประมาณเดือนครึ่งถึงสองเดือนของเงินเดือน และ PRTR จะการันตีให้ในช่วง 190 วันทำงาน หากพนักงานลาออกหรือลูกค้าไม่ประทับใจพนักงานคนดังกล่าว PRTR จะหาพนักงานเปลี่ยนใหม่ให้ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม

ส่วนงาน Outsourcing นั้น PRTR จะทำหน้าที่ดูแลตั้งแต่กระบวนการสรรหาไปจนถึงการว่าจ้าง เสมือนเป็นนายจ้างดูแลพนักงานคนนั้นตลอดการทำงาน ทั้งทำสัญญาจ้าง ปฐมนิเทศ คำนวณเงินเดือน คิดค่าคอมมิชชัน โอที ประกันสังคม ประกันชีวิต และสวัสดิการต่าง ๆ เสร็จสรรพตามนโยบายของลูกค้า พอถึงสิ้นเดือน พนักงานคนนั้นจะได้รับเงินเดือนจาก PRTR ซึ่ง PRTR จะไปเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากลูกค้าอีกที

ลูกค้าหลักของ PRTR จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ บริษัทเอกชน และหน่วยงานราชการซึ่งรวมถึงหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ โดยจะมุ่งเน้นไปยังจังหวัดที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ได้แก่ กรุงเทพฯ ปริมณฑล และบริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก เช่น ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ซึ่งในกลุ่มจังหวัดนี้จะให้ชื่อว่า PRTR (Eastern Seaboard)

เทรนด์ Outsourcing เติบโตไว จนเป็นรายได้หลักของ PRTR

เมื่อถามถึงแนวโน้มของธุรกิจ Outsourcing ริศราได้เปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดว่ามีการเติบโตขึ้นจากสมัยก่อนมาก เพราะเป็นเทรนด์การทำงานที่มาจากต่างประเทศที่แบ่งตามระดับงาน (Job Level) ซึ่งหากตำแหน่งไหนไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของบริษัท (core business) ส่วนใหญ่ก็จะเลือกใช้บริการ outsource กันหมด ตาม 3 เหตุผล ดังนี้

  1. ต้องการให้ HR โฟกัสงานอื่น ๆ มากกว่า เช่น งานพัฒนาบุคลากร (Development) หรืองานสร้างความสัมพันธ์กับพนักงานในองค์กร (Engagement)
  2. จ้างสำหรับตำแหน่งที่มีอัตราการลาออกสูง หรือต้องใช้พนักงานจำนวนมาก เช่น พนักงานขายตามแบรนด์ต่าง ๆ ในห้างสรรพสินค้า ที่ต้องมีประจำทุกห้างทุกสาขา และทำงานเป็นกะ เพราะต้องเข้า-ออกงานตามเวลาเปิด-ปิดของห้าง ทั้งบางครั้งต้องไปช่วยห้างขายสินค้าอื่น ควบคู่กับการเชียร์ขายสินค้าจากแบรนด์ผู้ว่าจ้าง ทำให้ตำแหน่งนี้มีอัตราการลาออกที่สูงมาก ซึ่งหากบริษัทต้องทำงานเองทั้งหมด จะต้องมีทีม HR จำนวนมหาศาลในการดูแลพนักงานส่วนนี้ ตั้งแต่กระบวนการหาคน สัมภาษณ์ ปฐมนิเทศ อบรม ดูแลสวัสดิการ รวมถึงทำเอกสารแจ้งเข้า-ออกให้กับห้างแต่ละสาขา
  3. จ้างเฉพาะเมื่อมีโปรเจกต์ หรือแคมเปญพิเศษ เช่น ธุรกิจขายปลีก (Retail) หรือ E-Commerce เมื่อมีแคมเปญ โปรโมชันต่าง ๆ ตามเทศกาล และต้องการพนักงานจำนวนมากแค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ก็จะมาใช้บริการ Outsourcing เพื่อรองรับการทำงานในช่วงนั้น ๆ

    “ธุรกิจ Outsourcing เป็นรายได้หลักของเราถึง 96% ปัจจุบัน PRTR มี outsource staff มากถึง 15,000 คน และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ถามว่าทำไมถึงเติบโต เพราะ outsource เป็นเทรนด์ที่ต่างประเทศใช้บริการกันมาก ยิ่งพอเทรนด์นี้ได้ถูกนำมาใช้ในบริษัทข้ามชาติภายในประเทศมากขึ้น บริษัทอื่น ๆ ในไทยก็เริ่มทดลองใช้ และเห็นผลลัพธ์ที่ดี จึงทำให้ธุรกิจ Outsourcing เป็นที่รู้จัก องค์กรก็หันมาใช้บริการมากขึ้นด้วย” ริศราให้ความคิดเห็นเพิ่มเติม

เป้าหมายต่อไปของ PRTR

การมีฐานข้อมูลผู้สมัครมากถึง 500,000 ราย ครอบคลุมทุกตำแหน่ง ทุกธุรกิจ และทุกระดับงาน ตั้งแต่ตำแหน่ง CEO, CTO, CFO พนักงานออฟฟิศทั่วไป จนถึงพนักงานขับรถ ผนวกกับความเชี่ยวชาญด้านตลาดงานในประเทศไทยมากว่า 30 ปี จนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าใช้บริการอย่างต่อเนื่อง สามารถเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่าธุรกิจหลักของ PRTR เติบโต แข็งแกร่ง และมั่นคงมากเพียงใด

เมื่อ 2 ธุรกิจหลักอย่าง Recruitment และ Outsourcing เป็นรายได้หลักจนพา PRTR เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เปิด IPO จำนวน 150 ล้านหุ้น ให้นักลงทุนได้เข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 แน่นอนว่า การวางเป้ากลยุทธ์ทางธุรกิจของ PRTR คงไม่ได้มีแค่เพียง 2 ธุรกิจนี้เท่านั้น

นัยยะของเป้าหมายทางธุรกิจ ไม่ใช่เพียงแค่ต้องการเพิ่มรายได้ให้กับองค์กร แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั่นก็คือ การเติบโตเป็นผู้นำด้านการบริการสรรหาบุคลากรที่ครบวงจร (Total HR Solutions) ที่ตอบโจทย์ลูกค้าด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วย จึงทำให้ เกิดเป็น 3 ธุรกิจที่มาเติมเต็มการทำงานของ HR ในยุคดิจิทัล

  1. The Blacksmith ธุรกิจให้บริการฝึกอบรมและสัมมนาแบบเน้นผลลัพธ์ (Integrated Learning หรือ Training) เกิดจากการต่อยอดธุรกิจเดิม ที่มองเห็นความสำคัญของการพัฒนาคนในองค์กร ด้วยหลักสูตรคุณภาพที่องค์กรมองหา เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงของการ “พัฒนาบุคลากร” ได้อย่างแท้จริง ตามความมุ่งมั่นที่ว่า
    “ไม่ใช่แค่เรียนแล้วจบไป แต่เราออกแบบทุกขั้นตอนการเรียนรู้ เพื่อให้ ‘ถูกนำไปใช้’ ได้จริง”
    เนื้อหาหลักสูตรใน The Blacksmith เป็นการพาร์ทเนอร์กับผู้เชี่ยวชาญที่มีองค์ความรู้ และจุดแข็งในหัวข้อต่าง ๆ แล้วมาพัฒนาบทเรียนร่วมกัน ซึ่งจะมีทั้งหัวข้อ Hard Skill และ Soft Skill เช่น ความรู้เรื่องภาษีสำหรับฝ่ายบัญชีและการเงิน ทักษะการสื่อสาร ความคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking) การคิดเชิงวิพากษ์โดยใช้วิจารณญาณหรือการตัดสินอย่างมีเหตุผล (Critical Thinking) ซึ่งสองหลักสูตรหลังกำลังเป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะช่วยลูกค้าแก้ปัญหาการทำงานในโลกที่เปลี่ยนไปในปัจจุบันได้ดี
  2. Nextmove เป็นแพลตฟอร์มหางานออนไลน์ โดยเริ่มจากให้ลูกค้าที่ใช้บริการ Recruitment ทุกราย ได้ลงประกาศงานบน Nextmove ฟรี จึงทำให้ Nextmove มีจำนวนตำแหน่งงานค่อนข้างมากตามจำนวนลูกค้า และกลยุทธ์ต่อไปคือการวางแผนการประชาสัมพันธ์ให้ผู้หางานได้รู้จัก Nextmove มากขึ้น โดยวางเป้าหมายเพิ่มจำนวนผู้สมัครงานบนแพลตฟอร์มจากแสนกว่ารายในขณะนี้ เพิ่มเป็น 2 เท่า ในปลายปีนี้ให้ได้
  3. Pinno Solution ป็นธุรกิจบริการ HR Software ที่ PRTR ร่วมมือกับ I am consulting ซึ่งเป็นหุ้นส่วนกับบริษัท TIS ของประเทศญี่ปุ่น ทำธุรกิจโทรคมนาคม และแพลตฟอร์ม HR บริการหลักของ Pinno Solution จะเป็นซอร์ฟแวร์ช่วย HR ทำ payroll เพื่อลดความซับซ้อนในการเตรียมข้อมูลพนักงาน มีความเป็นออโตเมทมากขึ้น ทำให้ทำงานง่ายขึ้น พนักงานไม่ต้องส่งใบเบิกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในรูปแบบกระดาษอีกต่อไป เพียงกรอกข้อมูลลงในระบบ HR ก็สามารถทำเรื่องเบิกจ่ายได้ทันที รวมถึงสามารถแจ้งเวลาเข้า-ออกงานออนไลน์ได้ ช่วยลดเวลาการทำงานของ HR ทำให้ HR สามารถโฟกัสงานอื่นที่สำคัญได้มากขึ้น เช่น การกำหนด KPIs ของพนักงาน การดูแลเรื่องการอัปสกิลต่าง ๆ เป็นต้น

    อีกหนึ่งความสามารถของ Pinno Solution ก็คือเรื่อง Employee Engagement โดยผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งได้รับความนิยมจากองค์กรใหญ่ที่ต้องการสร้างความใกล้ชิดกับพนักงาน แอปพลิเคชันนี้จะทำงานคล้ายโซเชียลมีเดียขององค์กร ที่ให้พนักงานพูดคุย คอมเมนต์ กดไลค์ให้กัน หรือชวนไปกินข้าว ซึ่งเหมาะกับองค์กรยุคใหม่ที่มีการทำงานแบบไฮบริดเช่นปัจจุบัน

“ถ้าเราไม่ดิสรัปตัวเอง เราก็จะโดนดิสรัปเช่นกัน ถ้าเรายังทำธุรกิจบริการเพียงอย่างเดียว วันหนึ่งเราอาจถูกดิสรัปได้ เพราะฉะนั้นต้องมองว่าสามารถนำประโยชน์ของเทคโนโลยีมาช่วยธุรกิจได้อย่างไรบ้าง ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น และส่งเสริมให้เราเติบโตขึ้น

อย่าง Nextmove กับ Pinno Solution เป็นธุรกิจที่มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้จะเพิ่งเริ่มก้าวในวงการเพียงไม่กี่เดือน แต่เราก็คาดหวังให้เป็น New S-Curve ของ PRTR ได้ เพียงแต่ขอเวลาในการฟูมฟัก พัฒนาอย่างน้อย 3-5 ปี เพื่อการเติบโตที่มั่นคงยั่งยืนสำหรับลูกค้า แต่สำหรับ The Blacksmith คาดว่าจะสามารถไปถึงจุดคุ้มทุน (Break Even Point) ได้ภายในปีนี้ และจะมีหลักสูตรรองรับความต้องการของลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน” ริศรากล่าวย้ำถึงจุดยืน

เก่งเรื่อง “คน” ทั้งภายในและภายนอก

People are keys คือหลักคิดหรือคติที่ PRTR เชื่อเสมอว่า “คน” คือหนึ่งในกุญแจสำคัญของทุกความสำเร็จ โดยเฉพาะเมื่อธุรกิจต้องใช้คนเชื่อมต่อความสัมพันธ์กับลูกค้า ดังนั้น ทักษะ ความเชี่ยวชาญ และกรอบความคิด (Mindset) ของคนในองค์กร จะต้องสะท้อนภาพลักษณ์ วัฒนธรรม และจุดมุ่งหมายขององค์กรได้ดีที่สุด

ผู้บริหารที่นี่จึงไม่ละเลยต่อการพัฒนาพนักงานอย่างรอบด้าน พนักงาน PRTR ต้องได้เรียนทุกหลักสูตรที่บรรจุอยู่ใน The Blacksmith ซึ่งหากเรียนในออนไลน์ยังไม่เพียงพอ ยังสามารถเลือกเรียนแบบออฟไลน์ควบคู่กันไปได้ด้วย

รวมถึงทักษะเพิ่มเติมของแต่ละตำแหน่งงาน ทักษะด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเก็บข้อมูล การช่วยลูกค้าค้นหาผู้สมัครงานได้รวดเร็วขึ้น การจับคู่ (matching) ผู้ประกอบการกับผู้หางานให้ตรงกันมากที่สุด หรือแม้แต่การส่งเสริมการใช้ AI เพื่อช่วยพนักงานทำงานได้เร็วขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดองค์กรจะได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเช่นกัน

สวัสดิการที่โดดเด่นของ PRTR อีกสิ่งหนึ่งก็คือ การให้สิทธิ์พนักงานทุกคน ตั้งแต่ระดับผู้บริหารไปจนถึงแม่บ้าน ได้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ธุรกิจ โดยมอบหุ้นของบริษัททันทีเมื่อผ่านช่วงระยะทดลองงาน (Probation Period) เพราะเชื่อว่า การที่พนักงานได้ทำงานในบริษัทที่ตัวเองเป็นเจ้าของ ได้มองเห็นการเติบโตในแต่ละวัน จะสร้างความผูกพันและภาคภูมิใจในงานของตน

ด้านความก้าวหน้าในสายอาชีพ (Career Path) PRTR ยังเปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนสามารถโยกย้ายไปเติบโตในตำแหน่งที่สนใจในบริษัทเครือข่ายได้อย่างอิสระ ไม่จำเป็นว่าจะต้องทำงานอยู่แต่ในสังกัดเดิมแต่เพียงอย่างเดียว เพราะทุกคนมีโอกาส และที่นี่ก็พร้อมให้โอกาสสำหรับทุกคนเช่นกัน

ทักษะแห่งอนาคตที่ผู้ประกอบการมองหา

ริศราได้ฝากถึงผู้หางานให้มองภาพอนาคตของตัวเองให้ชัดว่าต้องการทำอะไร อยากไปอยู่ ณ จุดไหนของบริษัท แล้วพัฒนาทักษะที่จำเป็นต้องใช้กับตำแหน่งนั้น ๆ ให้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะทักษะด้านเทคโนโลยี หรือ AI รวมถึงซอฟต์สกิลต่าง ๆ ทั้งเรื่องความคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking) การคิดเชิงวิพากษ์โดยใช้วิจารณญาณหรือการตัดสินอย่างมีเหตุผล (Critical Thinking) ความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) ทักษะความสามารถในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลง (Resilience Skill) ซึ่งล้วนเป็นทักษะแห่งอนาคตที่ผู้ประกอบการมองหา หากใครนิ่งเฉย ละเลยต่อการอัปสกิล รีสกิลตัวเอง ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า จะกลายเป็นคนตกยุค ตามไม่ทันคนอื่นอย่างแน่นอน

“อยากให้ทุกคนเริ่มต้นเปิดโลกตัวเอง แค่ Mindset เปลี่ยน เราก็เปลี่ยนแล้ว เพราะฉะนั้นคนทำงานวันนี้ ไม่ใช่คิดแค่ว่าเรารู้แล้ว และจะอยู่ได้ แต่คุณจะอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีสกิลแห่งอนาคตเพิ่มเติม ไม่จำเป็นว่าต้องไปเรียนการเขียนโปรแกรมขั้นเทพ แค่ทักษะอะไรก็ได้ที่ช่วยให้องค์กรเดินหน้าต่อไป คุณก็จะเป็นบุคคลที่องค์กรต้องการอยู่เสมอ

อย่าอยู่ในจุดที่เป็นคนเก่าที่ไม่พร้อมพัฒนา เพราะผู้ประกอบการจะเลือกคนใหม่ที่พัฒนาแล้วเข้ามาเติมเต็มบริษัทแทนคุณ เพราะคนที่เริ่มรีสกิลให้ตัวเอง คนที่เริ่มมีความคิดแบบใหม่ ๆ ใคร ๆ ก็อยากได้มาร่วมงานทั้งนั้น” ริศราฝากข้อคิดทิ้งท้าย

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

คุณจะทำอย่างไร? ในวันที่ Resume สำคัญน้อยลง

Conicle เปิดตัว Conicle Space ตอบโจทย์การพัฒนาบุคลากรยุค AI Disruption

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ