TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessเดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ส่ง แอป “1112 Delivery” ลุยตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่

เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ส่ง แอป “1112 Delivery” ลุยตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่

ตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ในไทยเติบโตอย่างมากและก้าวกระโดดช่วงล็อกดาวน์จากวิกฤติโควิด-19 ส่งผลให้ตลาดมีความคึกคัก มีผู้เล่นหน้าใหม่ที่มีฐานธุรกิจเดิมที่แข็งแกร่งกระโดดลงสนามช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด แม้ว่าแต่ละเจ้าจะบอกว่าไม่ได้ลงมาเพื่อแข่งขันกับเจ้าตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่รายใหญ่ทุนหนาจากต่างประเทศ แต่ด้วยศักยภาพทางธุรกิจเดิมที่หนุนหลังสร้างทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่อย่าง “เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป” ไม่ได้มาเริ่มต้นจากศูนย์แล้วมานับหนึ่งในสนามนี้

เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป เจ้าของแบรนด์อาหารชื่อดังหลายแบรนด์ และเป็นผู้ให้บริการเดลิเวอรี่มาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว แต่เป็นการให้บริการผ่านการ Call Center เป็นหลักมาตั้งแต่ปี 2001 โดยเฉพาะบริการการสั่งพิซซ่า The Pizza Company จนเมื่อปีที่แล้ว ได้ออกแอป “1112 Delivery” ให้ผู้บริโภคสั่งอาหารทั้ง 9 แบรนด์ในเครือ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ปผ่านแอปพลิเคชันได้ ได้แก่ The Pizza Company, Bon Chon, DQ, Sizzler, Burger King, The Coffee Club, S&P, Swensen’s และ Bread Talk

ประพัฒน์ เสียงจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วิกฤติโควิด-19 ทำให้ยอดการสั่งอาหารผ่านแอปทั้งตลาดเติบโตก้าวกระโดด และทำให้ยอดการสั่งอาหารผ่านแอป “1112 Delivery” ของเดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป เติบโตถึง 3 เท่า ในช่วงล็อกดาวน์ และสิ้นปีนี้ ยอดการสั่งอาหารผ่านแอป “1112 Delivery” จะโต 5 เท่า และคาดว่าจะโตถึง 10 เท่าในปีหน้า

“ยอดขายแบบสั่งกลับไปทานที่บ้าน ช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา เทียบกับยอดขาย 10 ของปีที่แล้ว เติบโตอย่างมาก อาสทิ The Pizza Company โต 55% Swensens’s โต 3 เท่า และ Bon Chon โต 1.9 เท่า ในขณะที่สัดส่วนยอดขายอาหารผ่านบริการเดลิเวอรี่ของเราโตจาก 14% ในปีที่แล้วมาเป็น 30% ในปีนี้ ซึ่งปัจจัยกระตุ้นการเติบโต คือ โควิด-19”

เพราะเห็นแนวโน้มที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จึงจัดทัพธุรกิจใหม่ ดึงบริการฟู้ดเดลิเวอรี่ ผ่านแอป “1112 Delivery” แยกออกมาจาก ​​The Pizza Company มาเป็นหน่วยธุรกิจใหม่อีกหน่วยหนึ่งภายใต้ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป มีการเพิ่มฟีเจอร์ ฟังก์ชันเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากขึ้น เตรียมเพิ่มความหลากหลายของแบรนด์ และรายการอาหารให้มาก หลากหลายและครอบคลุมมากที่สุด

ฟีเจอร์ที่เพิ่มมา ณ​ ปัจจุบัน คือ real time tracking,​ การสื่อสารระหว่างคนส่งกับลูกค้า, ​การสั่งอาหารล่วงหน้าได้ถึง 7 วัน และการสั่งแบบ Instant Order

“ปัจจุบัน แอป “1112 Delivery” มีคนส่งอาหารอยู่ประมาณ 3,000 คน ส่งอาหารเฉพาะแบรนด์ในเครือไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ตอนนี้ส่งอยู่ 9 แบรนด์ จนถึงสิ้นปีจะเพิ่มมาอีก 2-3 แบรนด์ และปีหน้าจะเพิ่มอีก 5-10 แบรนด์”​

ตลาดฟู้เดลิเวอรี่ในไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยอัตราการเติบโตต่อปีที่ 7.9% มาตั้งแต่ปี 2014 คาดการณ์ว่าตลาดนี้จะยังคงเติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยอัตราการเติบโตต่อปีมากกว่า 10% จากปี 2020 ไปจนถึงปี 2024 ทำให้ตลาดนี้ที่มีมูลค่า 61,000 ล้านบาทในปีที่แล้ว เติบโตมาเป็นมูลค่า 68,000 ล้านบาทในปีนี้ และจะเติบโตไปมีมูลค่า 99,000 ล้านบาทในปี 2024

สำหรับ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดในตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่อยู่ที่ 8% และเป็น TOP3 ในแง่ของมูลค่าอาหารที่สั่งแบบเดลิเวอรี่

ทั้งนี้ ภาพรวม ทั้งตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ ราว 57% เป็นการสั่งอาหารจากร้านเล็กร้านน้อย (SMEs) และอีก 43% เป็นการสั่งอาหาารจากร้านที่มีแบรนด์ (Branded) ซึ่งทั้ง 9 แบรนด์ของ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป กินส่วนแบ่งการตลาดในส่วนนี้ถึง 50% โดยที่สัสด่วนการสั่งผ่านแอป 1112 Delivery อยู่ที่ 86% ส่วนที่เหลือเป็นการสั่งผ่าน Call Center (8%) และหน้าเว็บไซต์ (6%)

สัดส่วนของ Delivery เทียบกับ Non-delivery (ซึ่งรวมการนั่งทานที่ร้าน, สั่งกลับบ้าน และ Drive-through) ของธุรกิจอาหารของ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป อยู่ที่ 15% ในปีที่ผ่านมา คาดว่าสัดส่วนนี้จะเพิ่มเป็น 30% ในปีนี้

ซึ่งภายใต้ 9 แบรนด์ของ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ที่มีการสั่งไปทานที่บ้าน (Delivery) นั้น โดยเฉลี่ยเป็นการสั่งผ่านผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่เจ้าอื่นประมาณ 25% สั่งผ่านบริการเดลิเวอรี่ของ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป 75% ซึ่งบางแบรนด์มีสัดส่วน 50:50 บางแบรนด์โดยเฉพาะ The Pizza Company จะสั่งผ่านบริการของบริษัทสูงถึง 80%

ประพัฒน์ มองว่า แนวโน้มของฟู้ดเดลิเวอรี่ ในส่วนของแบรนด์จะเติบโตมากขึ้นจากสัดส่วน 43% ไปเป็น 50% ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งทิศทางของบริการฟู้ดเดลิเวอรี่ของ “1112 Delivery” จะขยายให้บริการกับแบรนด์ของกลุ่ม เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป มากขึ้น ในปีหน้านี้ และมีโอกาสที่จะพิจารณาให้บริการเดลิเวอรี่กับสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร (Non-food delivery) รวมถึงบริการอื่น ๆ ที่ต่อยอดจากฐานข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่ในมือ

ทั้งนี้ จุดแข็งของบริการ ฟู้ดเดลิเวอรี่ของ “1112 Delivery” คือ ความคุ้มค่าด้วยดีลพิเศษที่ให้เฉพาะลูกค้าที่ใช้บริการสั่งผ่านแอป ฟู้ดเดลิเวอรี่ของ “1112 Delivery” ความหลากหลายของอาหาร ทั้งประเภทและแบรนด์ และความสะดวกสบาย ด้วยบริการเดลิเวอรี่ที่ได้มาตรฐานของ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ซึ่งจนถึงสิ้นปีนี้สั่งฟรีไม่มีค่าส่งในระยะทาง 8 กิโลเมตร

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ