Techsauce Media สื่อดิจิทัลแพลตฟอร์มและจัดอีเวนต์ประชุม (Summit) ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ส่งผลให้งานอีเวนต์ต้องเลื่อนจากจัดงาน Techsauce Global Summit 2020 ออกไป เพราะต้องเว้นระยะห่างทางสังคม
-FlowAccount ชี้ SMEs ดูแลสุขภาพทางการเงิน ทำบัญชี คุมค่าใช้จ่ายให้รอดวิกฤติโควิด
-Facebook จัดกิจกรรมหนุน SMEs ไทยฝ่าวิกฤติ
อรนุช เลิศสุวรรณกิจ CEO & Co-Founder Techsauce Media กล่าวกับ The Story Thailand ว่า ได้ติดตามเหตุการณ์มาตั้งแต่เดือนมกราคม หลังกลับจากงาน CES ที่สหรัฐอเมริกา เป็นช่วงที่อู่ฮั่นมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก และในเดือนกุมภาพันธ์เหตุการณ์เริ่มรุนแรงมากขึ้น
“ตอนนั้นเรารู้สึกเลยว่างาน Techsauce Global Summit ที่ปกติจัดเดือนมิถุนายน จะยังจัดได้อยู่หรือไม่ เพราะโรคระบาดนี้ยังไม่มีวัคซีนเข้ามาแก้ได้ทันที”
ต้นมีนาคม “อรนุช” ตัดสินใจให้พนักงานทำงานจากบ้าน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพนักงาน ที่จะต้องเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ และเนื่องจาก Techsauce เป็นบริษัทดิจิทัลที่มีความคุ้นเคยกับการใช้โปรแกรมประชุมทางไกลต่าง ๆ การทำงานจึงไม่มีปัญหา
ส่วน Techsauce Global Summit ต้องเลื่อนออกไปในช่วงเดือนตุลาคม และปรับแผนใหม่เพื่อให้ทุกคนปลอดภัยมากที่สุด เพราะคนที่เข้าร่วมประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์มาจากต่างประเทศ
“ถึงแม้ว่าสถานการณ์ในประเทศไทยจะดีขึ้นแต่ในต่างประเทศยังไม่แน่ ถ้า Speaker ต่าง ๆ เดินทางเข้ามาไม่ได้เราต้องดูว่าจะปรับรูปแบบงานอย่างไร”
ปรับแผน จัด Virtual Summit ให้ความรู้ธุรกิจที่ประสบปัญหา
อรนุช กล่าวว่า Techsauce Virtual Summit ที่เพิ่งประกาศออกไป เป็นงานที่คิดกันมาตั้งแต่สถานการณ์เริ่มแย่ มีการทดลองหลายรูปแบบ เริ่มจากเชิญสตาร์ตอัพและผู้บริหารมาพูดคุยกัน
จากนั้นเริ่มขยับมาจัดงานที่ให้ความรู้เรื่องแผนฟื้นฟูธุรกิจ (Recovery Plan) ว่าจะส่งเนื้อหาที่มีความรู้ให้ถึงมือคนได้อย่างไร เนื่องจากผู้ประกอบการบางรายที่สายป่านไม่ยาวพออาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน
โดยวางแผนจัด Virtual Summit ในเดือนมิถุนายน เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด สามารถเข้าชมได้จากทั่วทุกมุมโลก นำเสนอเนื้อหาที่มีประโยชน์ เพื่อให้คนไทยนำกลยุทธ์การทำธุรกิจมาประยุกต์ใช้ได้ รวมถึงการดูแลพนักงานหลังวิกฤติโควิด-19
“ส่วน Techsauce Global Summit ในเดือนตุลาคมนั้นยังวางแผนจัดแบบออฟไลน์ แต่ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์”
โควิด-19 ตัวกระตุ้นการวางแผนงาน
อรนุช กล่าวว่า วิกฤติรอบนี้เป็นการท้าทายความสามารถของผู้บริหารองค์กรและพนักงานที่อยู่ในบริษัท ที่จะต้องคิดหลาย ๆ ทางรวมถึงคิดในกรณีที่เลวร้ายที่สุดด้วย
ต้องเข้ามาดูเรื่องกำไร ขาดทุน รวมถึงกระแสเงินสด ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ จะเป็นอย่างไร จากนั้นต้องเริ่มวางแผนว่าในแต่ละวันหรือแต่ละเดือนจะต้องทำอะไร
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องการคุมกระแสเงินสด ควบคุมค่าใช้จ่าย และคิดเรื่องการหารายได้เข้ามาทดแทนส่วนที่สูญเสียไป อีกส่วนคือจะต้องยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนแผนตามสถานการณ์”
ล่าสุด Techsauce กำลังจะเปิดบริการทางดิจิทัลที่คิดมาแล้ว 2 ปี แต่ไม่ได้เข้าไปพัฒนา แต่เมื่อเกิดวิกฤติสามารถทำได้ภายใน 1 เดือนกว่า ๆ
อรนุช กล่าวต่อว่า การปรับเปลี่ยนธุรกิจอีเวนต์ อาจจะต้องรอจนกว่าจะมีวัคซีน ซึ่งเป็นสถานการณ์กรณีที่เลวร้ายที่สุดของธุรกิจอีเวนต์ ซึ่งการจัดการประชุมสามารถใช้ออนไลน์เข้ามาช่วยได้ แต่ในการจัดงานแสดงนิทรรศการ หรือการจับคู่ทางธุรกิจที่จะต้องพบหน้ากัน ยังเป็นสิ่งที่สำคัญอยู่
“ต้องไปเรียนเพิ่มเพื่อทำความเข้าใจภาพรวมทั้งหมด ว่า สตาร์ตอัพต้องการอะไร นักลงทุนต้องการอะไร และคนที่มาออกบูธในงานต้องการอะไร เพื่อที่เราจะไปพัฒนาให้ตอบโจทย์กับทุกคนมากที่สุด”
สตาร์ตอัพจะเป็นอย่างไร
อรนุช กล่าวว่า สตาร์ตอัพบางรายอาจจะต้องหายไป ตอนนี้ผันตัวไปทำอะไรได้ก็จะต้องทำเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดได้ในช่วงวิกฤติ เพราะไม่รู้ว่าวิกฤติจะยืดเยื้อไปอีกนานขนาดไหน ขณะที่สตาร์ตอัพที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างธุรกิจท่องเที่ยวน่าเป็นห่วงมาก
อีกส่วนหนึ่งคือจะระดมทุนในช่วงนี้ก็ทำได้ยาก เพราะนักลงทุนต่างรัดเข็มขัดกันหมด
ปรับยอดรายได้ใหม่
อรนุช กล่าวว่า วิกฤติรอบนี้มาเร็วมาก ยอมรับว่าคาดการณ์รายได้ที่ทำมาตั้งแต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมาต้องล้มกระดานทั้งแผง มีการสร้างเป้าใหม่ซึ่งคงไม่ได้มากเท่าเดิม
หลังจากวิกฤติครั้งนี้ น่าจะมีธุรกิจใหม่ ๆ แต่ยังอยู่ในช่วงค้นหาโอกาส ที่กำลังศึกษาอยู่คืออะไรที่เป็นอัตโนมัติ และทำให้เกิด Passive Income โดยใช้ดิจิทัล อยู่ที่ว่าถนัดอะไรและทำอะไรได้ดี ซึ่งการขยายธุรกิจอาจจะมาในรูปแบบการจับมือกับพาร์ทเนอร์อื่น ๆ เข้ามาช่วยเสริมและเติมเต็ม และแบ่งรายได้กัน
“ปีนี้เราไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องกำไรแต่ ขอแค่ไม่ติดลบ รายได้ที่เข้ามาก็เพื่อรักษาพนักงานให้อยู่กับเรา ส่วนหนึ่งที่เราผ่านวิกฤติรอบนี้มาได้จนถึงตอนนี้ก็เพราะพนักงานทุกคนคอยช่วยเหลือ เพราะการทำงานจากบ้านพนักงานทุกคนต้องทำงานกันมากกว่าเดิม และพนักงานบางส่วนยังช่วยงานอื่นที่ไม่ใช่หน้าที่ของตัวเองอีกด้วย”
