TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessฟอร์ดทุ่ม 2.8 หมื่นล้านบาท อัพเกรดโรงงานไทย ปีหน้า สร้างงานอีกกว่า 1,250 ตำแหน่ง

ฟอร์ดทุ่ม 2.8 หมื่นล้านบาท อัพเกรดโรงงานไทย ปีหน้า สร้างงานอีกกว่า 1,250 ตำแหน่ง

ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอีกครั้ง เดินหน้ายกระดับกระบวนการผลิตในประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ด้วยการลงทุนเพิ่มถึง 900 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 28,000 ล้านบาท นับเป็นการมูลค่าลงทุนในประเทศไทยครั้งใหญ่ที่สุดของ ฟอร์ด เพื่อรองรับการผลิตรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ และรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ขับเคลื่อนกลยุทธ์ Ford+ (ฟอร์ด พลัส) เพื่อสร้างการเติบโตและเพิ่มคุณค่าของบริษัท

การลงทุนเพิ่มครั้งนี้ทำให้ ฟอร์ด เป็นหนึ่งในบริษัทยานยนต์ผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของไทย ด้วยมูลค่าการลงทุนสะสมรวมกว่า 3,400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1 แสนล้านบาท ตลอดระยะเวลา 25 ปีของการดำเนินธุรกิจ การยกระดับกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยจะส่งเสริมบทบาทของประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางการผลิตสำคัญระดับโลกของ ฟอร์ด ทั้งที่โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอร์ริ่ง (เอฟทีเอ็ม) ซึ่งฟอร์ดเป็นเจ้าของ และโรงงานร่วมทุน ออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที)

“การลงทุนครั้งนี้นับว่าเป็นก้าวสำคัญในการต่อยอดความมุ่งมั่นของ ฟอร์ด ตลอดระยะเวลา 25 ปี ในการผลิตรถยนต์คุณภาพในประเทศไทยซึ่งจะทำให้เรายกระดับการดำเนินงานในไทยให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้นพร้อมรองรับการผลิต ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชัน ใหม่ซึ่งเป็นหนึ่งในรถ ฟอร์ด ที่มียอดการผลิตสูงสุด และมียอดขายสูงสุดทั่วโลก รวมถึง ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ด้วย” ยุคนธร วิเศษโกสิน ประธาน ฟอร์ด อาเซียน และตลาดเกิดใหม่ ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี กล่าว

ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์สู่อนาคตการลงทุนครั้งนี้คือพันธสัญญาของ ฟอร์ด ในการส่งมอบรถยนต์คุณภาพชั้นนำระดับโลกสู่ผู้บริโภคทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกควบคู่กับการขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย การเพิ่มกะการทำงานที่โรงงานเอฟทีเอ็ม ส่งเสริมให้มีการจ้างงานเพิ่มเติม 1,250 ตำแหน่ง ทำให้ ฟอร์ด มีจำนวนพนักงานในประเทศไทยรวมกว่า 9,000 คน

ในเงินลงทุนจำนวนนี้ ฟอร์ด ได้สนับสนุนพันธมิตรทางธุรกิจผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยด้วยเงินลงทุนกว่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 13,000 ล้านบาท เพื่อผลิตและยกระดับคุณภาพชิ้นส่วนด้วยแม่พิมพ์และอุปกรณ์การผลิตมาตรฐาน ก่อให้เกิดการจ้างงานของพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มขึ้นอีก 250 ตำแหน่ง ยกระดับความล้ำสมัยในทุกมิติ

การลงทุนครั้งนี้ส่งผลให้โรงงาน ฟอร์ด ในประเทศไทยมีประสิทธิภาพการผลิตเทียบเท่าโรงงานระดับแถวหน้าของโลก เพิ่มความยืดหยุ่นในการผลิตรถได้หลากหลายรูปแบบในสายการผลิตเดียว และยกระดับระบบและขั้นตอนการควบคุมคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น โดยการนำเทคโนโลยีการผลิตอันล้ำสมัยมาใช้พร้อมเสริมองค์ความรู้ให้แก่แรงงานไทยทั้งนี้พนักงานฟอร์ดและผู้ผลิตชิ้นส่วนยังได้รับการอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ อีกด้วย

“การลงทุนครั้งนี้มีส่วนสำคัญในการช่วยให้เราขับเคลื่อนกลยุทธ์ Ford+ เพื่อส่งมอบรถยนต์คุณภาพระดับโลก ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง” อังเดร กล่าว

คาวาลาโร ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มตลาดนานาชาติ และทวีปอเมริกาใต้ ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี กล่าว ฟอร์ด ยังได้เพิ่มหุ่นยนต์อุตสาหกรรมจำนวน 356 ตัว เพื่อเสริมกำลังการผลิตที่โรงงานเอเอที และเอฟทีเอ็ม โดยหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นนี้ จะนำมาใช้ในส่วนงานประกอบตัวถัง และงานพ่นสี ซึ่งจะทำให้ ฟอร์ด มีจำนวนเครื่องจักรในส่วนงานประกอบตัวถังที่โรงงาน เอฟทีเอ็มและเอเอที เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 34 เป็นร้อยละ 80 และร้อยละ 69 ตามลำดับ โดยพนักงานจะทำงานร่วมกับอุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ ที่ล้ำสมัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อยกระดับคุณภาพการผลิต และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า

การลงทุนในเทคโนโลยีการผลิตอันล้ำสมัย ทำให้ ฟอร์ด ก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำเทคโนโลยีตรวจสอบพื้นผิวหรือสแกนบ็อกซ์ มาใช้ตรวจสอบรถทั้งคันในระหว่างขั้นตอนการประกอบรถได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน และรวดเร็วกว่าเดิมถึง 5 เท่า เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ของ ฟอร์ด ให้ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ฟอร์ด ได้ยกระดับความสามารถในการผลิตรถกระบะที่โรงงานเอฟทีเอ็มให้ครอบคลุมการผลิตรถรุ่นย่อยต่าง ๆ โดยโรงงานจะผลิตตัวถังรถกระบะได้หลากหลายรูปแบบ เช่น แบบตอนเดียว ตอนครึ่ง และแบบ 4 ประตู ได้ในสายการผลิตเดียวเพิ่มความคล่องตัวในการวางแผนและจัดสรรตารางการผลิตให้ตรงกับความต้องการของตลาด และลดระยะเวลาในการส่งมอบรถให้ลูกค้าอีกด้วย

นอกจากนี้ โรงงานเอฟทีเอ็มและเอเอทียังมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานทดแทน ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์รวมไปถึงการยกเลิกการกำจัดขยะด้วยวิธีฝังกลบ

“ฟอร์ด ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเรามุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของการสร้างความยั่งยืนในระยะยาว รวมถึงมีการส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้คน ต่อโลกใบนี้ และต่อ ฟอร์ด เอง” อังเดร กล่าว

สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการ ฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์เป็นรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในประเทศไทย และ ฟอร์ด ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและสานต่อความสำเร็จดังกล่าวด้วย ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ที่เพิ่งเผยโฉมไปเมื่อเร็ว ๆ นี้และจะวางจำหน่ายในปีหน้า โดยรถกระบะที่แกร่งที่สุดสมบุกสมบันที่สุด และชาญฉลาดที่สุดในตระกูลเรนเจอร์จะผลิตที่โรงงานเอฟทีเอ็มและเอเอที ในประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีการผลิตอันทันสมัยจาการลงทุนครั้งนี้การส่งออกรถยนต์นับเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจการผลิตของ ฟอร์ด ประเทศไทย โดยฟอร์ด เรนเจอร์ เป็นรถที่ส่งออกเพื่อจำหน่ายในกว่า 180 ประเทศทั่วโลก และยังครองตำแหน่งสุดยอดรถขายดีในอีกหลายประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นอกจากนี้ โรงงานเอเอที ยังจะเป็นศูนย์กลางการผลิต ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ด้วยการยกระดับกระบวนการผลิตจากการลงทุนครั้งนี้เช่นกัน

“เราภูมิใจในความเป็นมาของเราตลอดระยะเวลา 25 ปี ในประเทศไทย และพร้อมที่จะเดินหน้าสู่อนาคตในอีก 25 ปี ข้างหน้า ด้วยความมุ่งมั่นที่จะตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีเยี่ยมการประกาศการเพิ่มการลงทุนในวันนี้ถือเป็นส่วนสำคัญของการเดินทางของ ฟอร์ด ในประเทศไทย เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เริ่มผลิต ฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ควบคู่กับการสร้างมาตรฐานใหม่ ๆให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยและในทุกครั้งที่เรานำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ ๆ ต่อไป” ยุคนธร กล่าว

เชลล์ เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจพลังงาน ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ ประจำคาดการณ์ความปลอดภัยไซเบอร์ปี 2565

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ