TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessAudi เปิดตัวยนตรกรรมปลั๊กอินไฮบริด รุ่นล่าสุด Audi Q7 และ Audi Q8 ราคาเริ่มต้น 4.79 ลบ.

Audi เปิดตัวยนตรกรรมปลั๊กอินไฮบริด รุ่นล่าสุด Audi Q7 และ Audi Q8 ราคาเริ่มต้น 4.79 ลบ.

อาวดี้ ประเทศไทย ประกาศย้ำความเหนือชั้นทางเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า เปิดตัวยนตรกรรมเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด เจเนอเรชั่นล่าสุด ทั้ง Q7 และ Q8 The Best PHEV Ever คุณภาพนำเข้าทั้งคัน แรงสุด 462 แรงม้า

กฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด หรือ อาวดี้ ประเทศไทย เปิดเผยว่า จากนโยบายของ AUDI AG ซึ่งมีแผนจะเปิดตัวยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าอีกไม่ต่ำกว่า 20 รุ่น ภายในปี 2025 และนโยบายของรัฐบาลไทยที่ส่งเสริมให้มีการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ในปีนี้ อาวดี้ ประเทศไทย จึงมีแผนที่จะทยอยนำสุดยอดยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ เข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง

รวมถึงยนตรกรรมเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดของอาวดี้ ซึ่งได้รับการพัฒนาให้เป็นเทคโนโลยีเจเนอเรชันล่าสุด สมบูรณ์แบบสุดเท่าที่เคยมีมา (The Best Plug-in Hybrid Ever) ด้วยเครื่องยนต์ทรงพลัง ขับสนุก และประหยัดน้ำมัน โดยยนตรกรรมอาวดี้เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด 2 รุ่นแรกที่เปิดตัวในประเทศไทยแล้ววันนี้ คือ Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition พรีเมียม SUV ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงทั่วโลก

ความโดดเด่นของเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดของอาวดี้นับเป็น The Best Plug-in Hybrid Ever หรือเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดรุ่นล่าสุด เกิดจากการผสานสองสุดยอดเทคโนโลยีพลังขับเคลื่อนอย่างลงตัว คือ เทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า ที่อาวดี้ทุ่มทรัพยากรและงบประมาณในการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง อีกทั้งเป็นผู้นำตลาดรถหรูในด้านรถไฟฟ้า 100% จากความสำเร็จของ Audi e-tron ที่ส่งมอบไปแล้วกว่า 160,000 คัน ทั่วโลก และความเยี่ยมยอดของเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่ปัจจุบันได้พัฒนามาถึงขั้นสูงสุด พิสูจน์ได้จากตระกูล RS โมเดลล้วนเป็นท๊อปเพอร์ฟอร์แมนซ์ ซึ่งอาวดี้ได้ส่งต่อความรู้ในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ไปยังรถรุ่นอื่น ๆ

โดยเฉพาะยนตรกรรมปลั๊กอินไฮบริด เจเนอเรชันล่าสุดที่ไม่เพียงประหยัดน้ำมันแต่ยังมีสมรรถนะสูง ทรงพลัง ช่วยส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่มั่นใจ สนุก เร้าใจ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

“ขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก กำลังเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพื่อร่วมกันลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ต้องยอมรับว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยอาจยังต้องใช้เวลา โดยเฉพาะจำนวนสถานีชาร์จที่ยังไม่ครอบคลุม ดังนั้น ในฐานะหนึ่งในผู้นำเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลก เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านสู่ยุครถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ไร้รอยต่อ อาวดี้จึงได้พัฒนาเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งจากประสบการณ์ องค์ความรู้ และความสำเร็จจาก Audi e-tron และการพัฒนาของเครื่องยนต์สันดาปภายใน ทำให้เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดล่าสุดจากอาวดี้วันนี้มีความสมบูรณ์แบบ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี”

Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition มาพร้อม Dynamic Badge ตราสัญลักษณ์ “60 TFSI e” ท้ายรถ ซึ่งเป็นตัวเลขบ่งบอกแรงม้าที่สูงที่สุดเท่าที่ Audi เคยใช้มา เครื่องยนต์ V6 เทอร์โบ ขนาด 2,995 ซีซี ผลิตแรงม้าได้ที่ 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ทำงานควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังได้ถึง 136 แรงม้า และแรงบิด 400 นิวตันเมตร เมื่อผสานการทำงานกันจะให้พละกำลังจากระบบขับเคลื่อนสูงสุดถึง 462 แรงม้า 700 นิวตันเมตร นับเป็นรถยนต์พรีเมียม SUV ปลั๊กอินไฮบริดที่มีพละกำลังสูงสุดในตลาดประเทศไทยในปัจจุบัน โดยสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 5.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง

แบตเตอรี่ลิเธียม-อิออนแรงดันสูงมีความจุ 17.9 กิโลวัตต์ สามารถรองรับการชาร์จได้สูงสุดถึง 7.4 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็มได้ภายใน 2.5 ชั่วโมง แบตเตอรี่ถูกบรรจุไว้ในบริเวณที่เก็บสัมภาระท้ายรถ ซึ่ง Audi ได้ออกแบบแบตเตอรี่ให้มีขนาดเล็ก ทำให้พื้นที่เก็บสัมภาระยังคงมีขนาดความจุสัมภาระสูงมากถึง 505 ลิตร ในรุ่น Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ 650 ลิตรใน Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition ซึ่งนับเป็นความจุพื้นที่เก็บสัมภาระที่สูงมากที่สุดในรถขนาดเดียวกัน ซึ่งทั้ง 2 รุ่น สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้มากกว่า 40 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่งเหมาะสมกับการใช้รถในเมือง

สอดรับจากการวิจัยของ Audi ที่พบว่าลูกค้าส่วนมากจะใช้งานรถไฟฟ้าในเมืองไม่เกินวันละ 30 กิโลเมตร ความพิเศษของ Audi ปลั๊กอินไฮบริดอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค คือแบตเตอรี่เจเนอเรชันล่าสุดนี้ หากมีความเสียหายเกิดขึ้นช่างเทคนิคจะสามารถเปลี่ยนอะไหล่และแบตเตอรี่แยกย่อยเป็นแต่ละโมดุลได้ ทำให้ค่าบำรุงรักษาเมื่อแบตเตอรี่หมดระยะรับประกันจะต่ำลง เพื่อความสบายใจในการใช้งาน (Customer Peace of Mind) แบตเตอรี่แรงดันสูงในรถปลั๊กอินไฮบริดของ Audi มีการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

สำหรับ Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition มีออปชัน และราคาให้เลือกดังต่อไปนี้

  • Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition (LED Headlight) ราคา 4,799,000 บาท
  • Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition (Matrix LED Headlight) ราคา 4,899,000 บาท (จำนวนจำกัด)
  • Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition ราคา 5,799,000 บา

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ครม. รับทราบแนวทางส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า เดินสนับสนุนการใช้รถยนต์/รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า

BMW เดินหน้าสู่ยนตรกรรมไฟฟ้า เผยโฉมรถยนต์รวม 10 รุ่น

การ์ทเนอร์คาดการณ์ยอดจัดส่งรถยนต์ไฟฟ้าปี 65 พุ่งแตะ 6 ล้านคัน

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ