TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusiness'พันธุ์ไทย' เปิดตัว “กาแฟดริปรักษ์โลก” รุกตลาด Home Coffee

‘พันธุ์ไทย’ เปิดตัว “กาแฟดริปรักษ์โลก” รุกตลาด Home Coffee

กาแฟพันธุ์ไทย ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1-3 ปี 2566 ทำรายได้ กว่า 1,200 ล้านบาท เติบโต 80% จากปีที่ผ่านมา โดยโตกว่าภาพรวมตลาดกาแฟประเทศไทย ที่เติบโตเฉลี่ย 9.5% คาดปิดปี 2566 ทำยอดขายรวมกว่า 1,700 ล้านบาท ปูพรมเพิ่มสาขาอย่างต่อเนื่องให้ครอบคลุมทั่วประเทศอีกกว่า 800 สาขาภายในปี 2567 ตั้งเป้าเติบโต 2 เท่าในสิ้นปีหน้า พร้อมต่อยอดความสำเร็จครึ่งปีแรก รุกตลาดกาแฟ Home Coffee รับเทรนด์ผู้บริโภคที่ชอบดื่มด่ำกาแฟพรีเมียมที่บ้าน ชูจุดแข็งวัตถุดิบท้องถิ่นสนับสนุนเกษตรกรไทยให้ ‘อยู่ดี มีสุข’ ผ่านคอลเลกชันใหม่สุดเอกซ์คลูซีฟ “9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย” เพื่อให้คอกาแฟสัมผัสความพรีเมียม 9 รสชาติ จาก 9 นักสร้างสรรค์กาแฟชั้นนำระดับประเทศ แบบลิมิเต็ด อิดิชัน เป็นของขวัญให้คนไทยได้เฉลิมฉลองเทศกาล แห่งความสุขส่งท้ายปี

พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี หรือ (PTG) กล่าวถึงภาพรวมตลาดกาแฟว่า “ตลาดกาแฟในประเทศไทยมีมูลค่าตลาดราว 60,000 กว่าล้านบาทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเซกเมนท์กาแฟนอกบ้าน (Out of Home Coffee) ยังคงเป็นสัดส่วนใหญ่ถึง 45% เพราะกาแฟกลายเป็นเครื่องดื่มที่อยู่ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคในทุกช่วงวัย ในขณะที่ Gen Z ก็หันมาดื่มกาแฟเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน

ข้อมูลจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ระบุว่า ปัจจุบันไทยบริโภคกาแฟในประเทศสูงถึง 70,000 ตันต่อปี ขณะที่ไทยผลิตได้เองเพียง 10,000 ตันต่อปี ที่เหลือนำเข้าทั้งหมด อีกทั้งจากการศึกษาข้อมูลตลาดกาแฟโลกคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดกาแฟในช่วงปี 2564 – 2566 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องปีละ 9% คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 1.91 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ชี้ให้เห็นว่าโอกาสเติบโตของกาแฟไทยยังมีอีกมาก

“กาแฟพันธุ์ไทยมียอดขายไตรมาสที่ 1-3 ปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 1,200 ล้านบาท เติบโต 80% จากปีที่ผ่านมา โดยโตกว่าภาพรวมตลาดกาแฟประเทศไทยที่เติบโตเฉลี่ย 9.5% คาดว่าในปีนี้ 2566 เราจะสามารถทำยอดขายทั้งปี กว่า 1,700 ล้านบาท โดยมีการสร้างสีสันทางการตลาดและเอาใจผู้บริโภคกลุ่มต่าง ๆ ด้วยการออกเมนูรสชาติใหม่ ๆ ทั้ง Coffee และ Non-Coffee ให้ลูกค้าได้ลิ้มลองอยู่เสมอ

ในขณะเดียวกันเทรนด์ผู้บริโภคในปัจจุบัน ไม่ได้ดื่มกาแฟ นอกบ้านอย่างเดียวอีกต่อไปสืบเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปหลังการระบาดของโควิด-19 ที่มักใช้ชีวิตและ เคยชินกับการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่บ้านรวมถึงนิยมสัมผัสประสบการณ์การดื่มและชงกาแฟดื่มเองในบ้านด้วยเมล็ดกาแฟที่ตนชื่นชอบ ส่งผลให้เซกเมนท์กาแฟในบ้าน หรือ Home Coffee เติบโตไม่แพ้กาแฟนอกบ้านถึง 12% และยังมีโอกาสเติบโตต่อไปอีกมาก

กาแฟพันธุ์ไทยมองเห็นโอกาสจึงขยายไลน์สินค้าและเดินหน้าพัฒนาโปรดักต์ในตลาด Home Coffee มาโดยตลอดทั้ง กาแฟพันธุ์ไทย สเปเชียล เบลนด์กาแฟพิเศษ เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้ลูกค้าได้ลิ้มลองทั้งเมนู นัตตี้ สเปเชียล เบลนด์ กาแฟคั่วกลาง กลิ่นและรสชาติออกแนวดาร์คโกโก้มีความเป็นช็อกโกแลต ปนอัลมอนด์ปลาย ๆ และ ฟรุตตี้ สเปเชียล เบลนด์ ให้ความเปรี้ยวสดชื่นของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ออกหวานปลาย ๆ กลิ่นหอมละมุน โดยกาแฟพันธุ์ไทย สเปเชียล เบลนด์ นี้ได้นำร่องให้บริการใน 80 สาขา และต่อเนื่องมาถึงการเปิดตัว ‘9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย’ ในวันนี้ พร้อมต่อยอดขยายตลาด Home Coffee ในรูปแบบกาแฟพรีเมียมอื่น ๆ ต่อไป”

ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความยั่งยืนเป็นสิ่งที่กาแฟพันธุ์ไทยให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่ต้องการเชื่อมให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข” โดยบริษัทฯมุ่งมั่นส่งเสริมวัตถุดิบท้องถิ่นในประเทศผ่านการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มุ่งเน้นการเพิ่มคุณค่าให้กับวัตถุดิบท้องถิ่น สร้างงานสร้างอาชีพแก่เกษตรกรพี่น้องชาวไทย คืนกำไรกลับสู่ชุมชน รวมถึงยกระดับ Ecosystem
ในทุกภาคส่วนของธุรกิจกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำเพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง ยิ่งไปกว่านั้นกาแฟพันธุ์ไทยยังใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการพัฒนาและส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิก้าบนพื้นที่สูงอย่างยั่งยืนส่งเสริมให้เกษตรกรท้องถิ่นปรับเปลี่ยนการทำไร่เลื่อนลอย มาเพิ่มพื้นที่ปลูกกาแฟลดปัญหาสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนเขาหัวโล้นให้เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โลกดีขึ้น

สุขวสา ภูชัชวนิชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด กล่าวว่า “ที่ผ่านมาเราเปิดตัวผลิตภัณฑ์และเมนูเครื่องดื่มจากวัตถุดิบท้องถิ่นหลากหลายตัว ไม่ว่าจะเป็นเมนูเครื่องดื่มจากน้ำนมข้าวโพดไร่สุวรรณ น้ำตาลโตนด จังหวัดสงขลา ส้มมะปี๊ด ผลไม้ประจำท้องถิ่นของจังหวัดจันทบุรีสตรอเบอร์รี่ที่ปลูกในดอยสูง จังหวัดเชียงใหม่ มะม่วงเบาพันธุ์ใต้แท้ จังหวัดสงขลา และล่าสุด จากเมล็ดกาแฟของเกษตรกรชาวไทยที่คัดสรรจากแหล่งกำเนิดคุณภาพทั่วประเทศกับผลิตภัณฑ์ใหม่ ‘กาแฟดริปพันธุ์ไทย’มุ่งปลูกฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความยั่งยืนลงบนผืนแผ่นดินไทย”

กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย เป็นความตั้งใจของเราที่ต้องการรวบรวมและนำเสนอกาแฟคุณภาพที่ดีที่สุดจากแหล่งกำเนิดกาแฟคุณภาพทั่วประเทศมาให้กับผู้บริโภคได้มีโอกาสดื่มด่ำกับกาแฟไทยระดับพรีเมียม โดยกาแฟทั้ง 9 รสชาติถูกรังสรรค์จาก 9 นักสร้างสรรค์กาแฟ ผ่านขั้นตอนที่พิถีพิถันตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ การปลูกการดูแลรักษาจนได้ต้นกาแฟที่มีผลเชอร์รี่สุกให้เก็บเกี่ยว การคัดเลือกสารกาแฟ การคั่วหาโปรไฟล์ที่ดีที่สุด Cupping กันหลายต่อหลายครั้งรวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ (Packaging) ด้วยภาพวาดลายเส้นสีน้ำที่งดงามและดีต่อโลก เพราะใช้กระดาษ รีไซเคิล70% สามารถย่อยสลายได้ง่าย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ก่อนจะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่พร้อมให้คอกาแฟได้ลิ้มรสมนต์เสน่ห์ของกาแฟไทยจากเกษตรชาวไทยง่าย ๆ ที่บ้าน

นอกจากนี้ยังพัฒนาแก้วเครื่องดื่มพันธุ์ไทยให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยใช้วัสดุที่ผลิตจากไบโอพลาสติก (Bioplastic หรือ Bio-Based Plastic) สามารถย่อยสลายได้ ทางชีวภาพ ด้วยส่วนประกอบของมันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด ซึ่งเป็นวัตถุดิบธรรมชาติ พร้อมสนับสนุนผลผลิตจากชุมชนและสร้างรายได้ให้เกษตรกรไทยเพื่อให้เครื่องดื่มทุกแก้วของพันธุ์ไทยปลอดภัย ดีต่อโลกและผู้บริโภคอย่างยั่งยืน”

คอลเลกชัน ‘9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย’ มีให้เลือกซื้อหรือสะสมทั้งหมด 2 แบบ

  1. กาแฟดริปพันธุ์ไทย พรีเมียมเซต (Punthai Drip Coffee Premium Set) บรรจุกาแฟดริป 9 ซอง จาก 9 นักสร้างสรรค์กาแฟ พร้อมกาดริปและแก้วกาแฟ ราคา 1,899 บาท
    วางจำหน่ายที่ร้านกาแฟพันธุ์ไทยสาขาที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม2566 – 31 มกราคม 2567 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด
  2. กาแฟดริปพันธุ์ไทย (Punthai Drip Coffee Box) บรรจุกาแฟดริป 9 ซอง จาก9 นักสร้างสรรค์กาแฟ ราคา 325 บาทที่ร้านกาแฟพันธุ์ไทยทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 – 31มกราคม 2567 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

AIS ร่วมกับ ตำรวจไซเบอร์ ตีแผ่คดีดังสู่ละครคุณธรรม 12 เรื่อง กระตุกคนไทยรู้ทันภัยไซเบอร์

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ