นินจาแวน ประเทศไทย ผู้นำบริการโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศจัดสรรงบการตลาดมากกว่า 100 ล้านบาท ตั้งเป้าเดินหน้าปั้นแบรนด์ให้เป็นที่รูัจัก ขยายการเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย ชู 4 จุดเด่นที่สร้างความแตกต่าง ส่งเร็ว คุ้มครองพัสดุสูญหายหรือเสียหาย บริการเก็บเงินปลายทาง และราคาคุ้มค่าเข้าถึงได้ง่าย พร้อมเดินหน้าเร่งขยายศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มอีก 200 แห่ง และเพิ่มจุดบริการรับส่งพัสดุกว่า 2,000 แห่งในสิ้นปีนี้ ตั้งเป้ายอดจัดส่งพัสดุเติบโตไม่น้อยกว่า 200% ตามการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซ
เพียซ เอิง กรรมการบริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท นินจาแวน ประเทศไทย จำกัด กล่าวถึงแผนการรุกคืบทางการตลาดในปีนี้ของบริษัทว่าเป็นการต่อยอดตามความพร้อมของบริษัท หลังจากในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ทางนินจาแวน ได้กระจายโครงสร้างพื้นฐาน ไล่เลียงตั้งแต่บุคลากร ยานพาหนะ และจุดให้บริการรับส่งแพ็กสินค้าจนครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศไทย ดังนั้น ปีนี้จึงเป็นปีที่นินจาแวนจะมีเป้าหมายในการรุกตลาดมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการจัดสรรงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท เพื่อทำการโฆษณาและการจัดกิจกรรมทางการตลาดกับทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเน้นหนักที่กลุ่มเอสเอ็มอีซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของบริษัท พร้อมขยายการให้บริการสู่กลุ่มประชาชนทั่วไปด้วย
ขณะเดียวกัน เพื่อสร้างความประทับใจในการให้บริการ นินจาแวนได้เพิ่มทีมงานฝ่ายปฏิบัติการถึง 120% มุ่งเน้นที่การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการทั้งหมด เปิดให้บริการ 365 วันไม่มีวันหยุด และขยายจุดให้บริการให้มากขึ้นและครอบคลุมทั่วประเทศทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยมีแผนเพิ่มศูนย์กระจายสินค้า 200 แห่ง เน้นในเขตภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ รวมถึงขยายหน้าร้าน จุดรับส่งพัสดุ กว่า 2,000 แห่ง ภายในสิ้นปี 2565 ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ภายในปี 2565 นินจาแวนยังมีเป้าหมายสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ด้วยการจัดทำแคมเปญโฆษณา โดยมี “วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา” มาเป็นแบรนด์พรีเซ็นเตอร์เป็นครั้งแรก เพื่อสร้างการรับรู้และการจดจำแบรนด์ในกลุ่มผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งนินจาแวนได้ตั้งเป้าการเติบโตไม่น้อยกว่า 200%
“ปัจจุบัน หากพิจารณาจากยอดจัดส่งพัสดุต่อวัน นินจาแวนถือได้ว่ามีส่วนแบ่งทางการตลาดของผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุอยู่ในอันดับที่ 4 ของตลาด ซึ่งปีนี้เราตั้งเป้าจะขยับมาร์เก็ตแชร์ให้ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 3 พร้อมการเติบโตในช่วง 3-5 ปีนี้เฉลี่ยที่ 13-15%” เพียซ กล่าว
ปัจจุบัน นินจาแวน ถือเป็นหนึ่งในผู้นำการให้บริการโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครอบคลุมประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย ในมุมมองของเพียซ ภาพรวมตลาดผู้ให้บริการขนส่งพัสดุของอาเซียนสามารถเติบโตได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยหลัก ๆ แล้วจะเป็นการเติบโตตามอุตสาหกรรมค้าปลีกออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซ เนื่องจากภูมิภาคเอเชียและอาเซียนมีศักยภาพที่จะเติบโตได้ดี ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งมีสัญญาณบ่งชี้ที่เห็นได้ชัดอย่างการที่เทคโนโลยีนวัตกรรมมากมายส่วนหนึ่งริเริ่มจากภูมิภาคเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น แนวคิดของ Super App การสตรีมมิ่งไลฟ์สดขายปลีก วิดีโอสั้นอย่าง Tiktok ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมและถูกนำไปใช้ทั่วโลก ขณะที่กระแสเงินลงทุนจากต่างชาติก็หลั่งไหลเข้ามาลงทุนในธุรกิจอีคอมเมิร์ซของเอเชียและอาเซียน
“นินจาแวนเชื่อว่ามากกว่า 50% ของการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียจะมาจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่ออุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ซึ่งในส่วนของตลาดอีคอมเมิร์ชไทยจะเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยปีละ 30% อันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยการหันมาใช้งานโลกออนไลน์มากขึ้น ทั้งในแง่ของเวลาที่ใช้งาน จำนวนแอปพลิเคชันที่ใช้งาน และลักษณะการใช้งานที่เป็นแอกทีฟ ยูสเซอร์มากขึ้น” เพียซ กล่าว
ทั้งนี้ กรรมการบริหารฝ่ายปฏิบัติการ นินจาแวน ประเทศไทย มั่นใจว่าอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดยเมื่อเปรียบเทียบประเทศไทยกับตลาดที่ก้าวหน้าอย่างประเทศจีน สัดส่วนของการทำอีคอมเมิร์ซในไทยมีเพียง 10% ของยอดขายปลีกทั้งหมด ในขณะที่ประเทศจีนมีสัดส่วนการทำอีคอมเมิร์ชมากถึง 25% จะเห็นได้ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
“ส่วนภาพรวมของตลาดขนส่งพัสดุในประเทศไทยมียอดการจัดส่งพัสดุพุ่งขึ้นมากถึง 3 เท่า แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะเริ่มลดลง แต่ว่ายอดจัดส่งพัสดุไม่ได้ลดลงและคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น” เพียซกล่าว
ด้าน ประกาศเกียรติ ศิริอ่อน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท นินจาแวน ประเทศไทย จำกัด กล่าวถึงจุดเด่นของนินจาแวนที่จะนำมาใช้สร้างความแตกต่างระหว่างนินจาแวนกับแบรนด์อื่น ๆ ว่ามีทั้งหมด 4 ปัจจัยด้วยกัน คือ 1)การจัดส่งรวดเร็วภายใน 1-2 วันและคุ้มครองการบริการ 2) คุ้มครองพัสดุสูญหายหรือเสียหายในวงเงินสูงสุด 5,000 บาท 3) บริการเก็บเงินปลายทางได้เงินภายใน 1 วัน และ 4) ราคาคุ้มค่าสุด เข้าถึงได้ โดยมีราคาเริ่มต้นขั้นต่ำสุดที่ 23 บาท และราคาจะมากน้อยแตกต่างกันที่ระยะทางและขนาดกับน้ำหนักของพัสดุที่จะจัดส่ง
ประกาศเกียรติ อธิบายถึงความแตกต่างทั้งหมดที่นินจาแวนนำมาเป็นจุดขายนี้ว่ามีที่มาจากการนำปัญหาที่ผู้ใช้บริการพบเวลาใช้บริการจัดส่งพัสดุ ได้แก่ ส่งช้า พัสดุเสียหายหรือสูญหาย ได้เงินช้า และค่าส่งแพง ซึ่งถือเป็นเหตุผลสำคัญและข้อกังวลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการแบรนด์จัดส่งพัสดุต่าง ๆ
“เราต้องการเน้นว่า นินจาแวน เป็นแบรนด์ที่พร้อมช่วยเหลือลูกค้า ลดความยุ่งยาก ทำให้ลูกค้าคลายความกังวล เราพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาในทุกด้าน เพื่อทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจ และต้องการสร้างประสบการณ์ที่ดีระหว่างลูกค้าและบริษัทฯ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เป้าหมายหลัก คือ การลดความยุ่งยากจากการจัดส่งพัสดุ ภายใต้สโลแกน “หมดห่วง ทุกเรื่องพัสดุ” และเป็นที่มาของแคมเปญโฆษณา “มนุษย์ห่วง” ประกาศเกียรติกล่าว
นอกจากแคมเปญโฆษณาทางสื่อแล้ว นินจาแวนจะมีการโฆษณาผ่านบิลบอร์ดที่กระจายไปทั่วในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก และราวกลางปีนี้จะเน้นในเขตภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ เพื่อดึงดูดให้ลูกค้ารายใหม่ ๆ โดยเราจะมีกิจกรรมทางการตลาด และโปรโมชันต่าง ๆ ออกมาตลอดทั้งปี
ขณะเดียวกัน บริษัทยังเดินหน้าพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่บนมือถือ ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเร็ว ๆ นี้ พร้อมเปิดสายด่วนนินจาแวน Line Official Account ตลอดจนการเพิ่มฟีเจอร์แชตสดและฟีเจอร์ต่าง ๆ อีกมากมายบนเว็บไซต์นินจาแวน เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้า
ด้านเพียซ กล่าวปิดท้ายว่า แม้จะยังมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่นินจาแวนยังคงมั่นในศักยภาพการเติบโตของตลาดโลจิสติกส์ภายในภูมิภาค
“เรามั่นใจว่า ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของนินจาแวน ในฐานะผู้นำการให้บริการจัดส่งพัสดุ ที่ไม่เพียงแต่ในประเทศไทยแต่ยังครอบคลุมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยนั้น จะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้เราสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน” เพียซกล่าว
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
Bluebik แนะ 4 สิ่งที่ธุรกิจต้องรู้ก่อนทำ Data-driven Marketing
อาร์ทีบี เทคโนโลยี เปิดตัวหูฟัง Audio-Technica แบรนด์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น
