TH | EN
TH | EN
หน้าแรกTechnologyHandySense นวัตกรรมด้านการเกษตรแบบเปิด เพื่อประโยชน์สาธารณะ

HandySense นวัตกรรมด้านการเกษตรแบบเปิด เพื่อประโยชน์สาธารณะ

HandySense ขับเคลื่อนสมาร์ทฟาร์มแบบเปิดสู่สังคมไทย ตั้งเป้าหมายให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ หรือผู้สนใจทั่วไปนำไปผลิตเพื่อใช้หรือจำหน่ายได้ ภายใต้แนวคิด Smart Farming Open Innovation หรือ นวัตกรรมแบบเปิด ซึ่งจะเป็นนวัตกรรมที่เปิดเผยรายละเอียดการผลิต และอนุญาตให้สาธารณะนำไปผลิตและใช้งานโดยไม่คิดค่าลิขสิทธิ์ (License Fee) และค่าตอบแทนการใช้สิทธิรายปี (Royalty Fee) โดยมุ่งหวังให้เกษตรกรไทยยุคใหม่ ได้มีเครื่องมือที่ทันสมัย ใช้งานในราคาที่จับต้องได้ และต้องการให้เกิดอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องมือทางด้านสมาร์ทฟาร์มโดยผู้ประกอบการไทย

เนคเทค-สวทช. ได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาระบบสมาร์ทฟาร์มที่ชื่อว่า “HandySense ระบบเกษตรแม่นยำ ฟาร์มอัจฉริยะ” มาตั้งแต่ปี 2560 ในระยะแรกได้มีการนำผลงานวิจัยไปขยายผลให้เกษตรกรได้ใช้ประโยชน์ภายใต้โครงการ “ดีแทคฟาร์มแม่นยำ” ซึ่งเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่าง ดีแทค ร่วมกับ กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ เนคเทค-สวทช. มีเป้าหมายการพัฒนาให้เกิดฟาร์มต้นแบบ โดยใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตสรรพสิ่ง (IoT) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และควบคุมคุณภาพการเพาะปลูก

-เอ็นไอเอจับมือศาลยุติธรรม ดึงนวัตกรรมอัปดีกรีระบบศาลยุคใหม่ ตั้งเป้าลดภาระ – ค่าใช้จ่าย
-“กรุงศรี ออโต้” ขับเคลื่อนธุรกิจด้วย “ดาต้า-นวัตกรรม-อีโคซิสเต็ม”

ซึ่งได้มีการทดลองใช้กับ 30 ฟาร์ม ใน 23 จังหวัด โดยการใช้อุปกรณ์ที่สำคัญประกอบด้วยกล่องเซนเซอร์ที่กระจายอยู่ในโรงเรือนเพาะปลูก ใช้สำหรับวัดความชื้นในดินและในอากาศ อุณหภูมิ และแสง จากนั้นทำการประมวลผลแล้วส่งข้อมูลจากแปลงเพาะปลูกไปยังสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตของเกษตรกรแบบ real-time เพื่อให้เกษตรกรสามารถควบคุมดูแลสภาพในแปลงเพาะปลูกได้อย่างใกล้ชิด และแก้ปัญหาได้หากเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ          

จากจุดเริ่มต้นดังกล่าวทีมนักวิจัยของเนคเทค-สวทช. ได้เดินหน้าสู่การนำผลงานวิจัยและองค์ความรู้ของอุปกรณ์ HandySense ไปขยายผลในหลายพื้นที่ อาทิ ในปี พ.ศ. 2562 โดยการสนับสนุนงบประมาณจากจังหวัดฉะเชิงเทรา มีการขยายผลการใช้งานจริงในพื้นที่ทำการเกษตรปลอดภัยสูงหรือผักปลอดภัยให้กับเกษตรกรผู้สนใจใน 34 แห่ง ผลการดำเนินงาน พบว่าช่วยให้เกษตรกรสามารถควบคุมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแก่การเจริญเติบโตของพืช ระบบใช้งานง่าย ทนทาน ราคาประหยัด สามารถลดการใช้แรงงานได้ประมาณ 50% มีรายได้จากการเพิ่มคุณภาพปริมาณผลผลิตและลดการใช้ทรัพยากรโดยเฉลี่ยอย่างน้อย 20% และในปีงบประมาณ 2564 สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ขยายผลเพิ่มอีก 50 แห่ง โดยเป็นการมุ่งเน้นการควบคุมกระบวนการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจสำคัญ ที่เป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดฉะเชิงเทราให้ได้อย่างเหมาะสม

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) กล่าวว่า “จากผลสำเร็จที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรที่เป็นพื้นฐานสำคัญของประเทศไทย ประกอบกับทีมนักวิจัยของเนคเทค-สวทช. ผู้วิจัยพัฒนา HandySense ระบบเกษตรแม่นยำ ฟาร์มอัจฉริยะ มีความมุ่งมั่นที่อยากจะเห็นทุกบ้าน ทุกหลังคาเรือนของเกษตรกรไทย ได้เข้าถึงและสามารถใช้เครื่องมือหรือเทคโนโลยีด้านเกษตรสมัยใหม่ได้โดยง่าย ในราคาที่ประหยัดและเหมาะสมต่อการใช้งาน

อีกทั้งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มของผลผลิตทางด้านการเกษตรได้อย่างยั่งยืน จึงเป็นที่มาของการประกาศเดินหน้าขับเคลื่อนสมาร์ทฟาร์มแบบเปิดสู่สังคมไทย ตั้งเป้าเปิดเผยพิมพ์เขียวต้นแบบผลงานวิจัย HandySense ให้เกษตรกร ผู้ประกอบการไทย หรือผู้สนใจทั่วไปนำไปผลิตเพื่อใช้หรือจำหน่ายได้ เป็นการเปิดเผยรายละเอียดการผลิต และอนุญาตให้สาธารณะนำไปผลิตและใช้งานโดยไม่คิดค่าลิขสิทธิ์ (License Fee) และค่าตอบแทนการใช้สิทธิรายปี (Royalty Fee)

เนคเทค-สวทช. มุ่งหวังให้เกษตรกรไทยยุคใหม่ ได้มีเครื่องมือที่ทันสมัย ใช้งานในราคาที่จับต้องได้ และต้องการให้เกิดอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องมือทางด้านสมาร์ทฟาร์มโดยผู้ประกอบการไทย พร้อมตั้งความหวังไว้ว่า HandySense จะเป็นส่วนหนึ่งของการใช้เทคโนโลยีการเกษตรอย่างยั่งยืน และในอนาคต หากเกษตรกรไทยมีการใช้ระบบนี้อย่างแพร่หลาย การบริหารจัดการด้านการเกษตรของไทยก็จะสามารถก้าวกระโดดไปสู่ยุคเกษตรอัจฉริยะได้ ”

HandySense นวัตกรรมด้านการเกษตรแบบเปิด เพื่อประโยชน์สาธารณะ

เข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า “กรมส่งเสริมการเกษตรได้ส่งเสริมการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ให้แก่เกษตรกร  เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย  ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบันเกษตรกรและเศรษฐกิจฐานราก โดยการสนับสนุนและส่งเสริมเทคโนโลยีเกษตร การประดิษฐ์ นวัตกรรม รวมทั้งเครื่องจักรกลเกษตรที่เหมาะสมกับพื้นที่

โดยเชื่อมโยงการทํางานกับ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) เพื่อยกระดับสู่การทําเกษตรสมัยใหม่ และเกษตรแบบแม่นยํา (Precision Agriculture) และนโยบายของ ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มอบหมายให้หน่วยงานภายใต้สังกัดดำเนินการขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ในประเด็นการเกษตร โดยมีจุดเน้นในด้านการเกษตรอัจฉริยะ คือการให้เกษตรกรและหน่วยงานเข้าถึงการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลระบบเทคโนโลยีและแอปพลิเคชันต่าง ๆ และเน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้กำหนดแนวทางการส่งเสริมการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ให้แก่เกษตรกร ประกอบด้วย

1) การส่งเสริมการเกษตรบนพื้นฐานของข้อมูลทางวิชาการ โดยการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตรที่เหมาะสมให้แก่เกษตรกรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ลดต้นทุนการผลิต พัฒนาคุณภาพผลผลิต และสร้างมูลค่าเพิ่ม นำไปสู่การพัฒนาอาชีพการเกษตรและยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกร

2) การส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรกลุ่มต่าง ๆ สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตรจากแหล่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการยกระดับการผลิตสินค้าเกษตรและพัฒนาเข้าสู่การเกษตรสมัยใหม่

3) การสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการกับสถาบันการศึกษา หน่วยงานวิชาการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากการศึกษาวิจัยสำหรับถ่ายทอดสู่เกษตรกร และสะท้อนข้อมูลจากประสบการณ์ในงานส่งเสริมการเกษตรเพื่อนำไปกำหนดโจทย์หรือประเด็นการศึกษาวิจัย เพื่อให้ได้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตรที่เหมาะสม สอดคล้องกับศักยภาพ และความต้องการของเกษตรกร

โดยกรมส่งเสริมการเกษตรได้ร่วมมือกับ เนคเทค-สวทช. ธ.ก.ส. และหน่วยงานพันธมิตร ส่งเสริมการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ คือ ระบบการบริหารจัดการแปลงเกษตรด้วยระบบเกษตรอัจฉริยะ (HandySense) โดยการสร้างต้นแบบแปลงเรียนรู้การบริหารจัดการแปลงเกษตรด้วยระบบเกษตรอัจฉริยะ ที่ ศพก. และศูนย์ปฏิบัติการในสังกัดของกรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน 50 ศูนย์ พร้อมพัฒนาความรู้ทักษะในการบริหารจัดการให้แก่เกษตรกรต้นแบบ ใน ศพก. และเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อยกระดับเป็นวิทยากรเกษตรอัจฉริยะ รวมทั้งศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลการบริหารจัดการแปลงเกษตรด้วยระบบอัจฉริยะ แล้วนำไปประยุกต์ใช้ในการผลิตสินค้าเกษตรได้อย่างเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ของชุมชนต่อไป

ซึ่งในปี 2564 กรมส่งเสริมการเกษตรมีเป้าหมายจะดำเนินการร่วมกับ เนคเทค-สวทช. และ ธ.ก.ส. รวม 16 จุด แบ่งเป็น ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) จำนวน 6 ศูนย์ (เขตละ 1 ศูนย์) และศูนย์ปฏิบัติการของกรมส่งเสริมการเกษตรอีก 10 ศูนย์ และมีแผนจะขยายผลให้ครบทั้ง 50 ศูนย์ปฏิบัติการภายในปี 2566 ”

ธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า “ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้มีบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ  (สวทช.) โดยมีเป้าหมายเพื่อประสานความร่วมมือในการสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมการเกษตร และร่วมกันเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันตลอดห่วงโซ่คุณค่าอุตสาหกรรมการเกษตร  สำหรับงานส่งมอบนวัตกรรมด้านการเกษตรแบบเปิด เพื่อประโยชน์สาธารณะในวันนี้ ธ.ก.ส. ได้ให้การสนับสนุนงบประมาณในการติดตั้ง ระบบเกษตรแม่นยำฟาร์มอัจฉริยะ (HandySense) ให้กับเกษตรกร ที่เป็นเกษตรกรต้นแบบของศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ของกรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน 6 แห่ง ๆ

โดย ธ.ก.ส. มุ่งหวังให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือกับกรมส่งเสริมการเกษตร และ เนคเทค-สวทช. เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านนวัตกรรมเกษตร สำหรับเกษตรกรและผู้สนใจเข้ามาเรียนรู้และนำองค์ความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับการประกอบอาชีพการเกษตร ในขณะเดียวกันหากเกษตรกรและผู้ประกอบการ SMEs เกษตร มีความสนใจในระบบ HandySense ไปผลิตเพื่อใช้งานหรือจำหน่าย ธ.ก.ส. พร้อมที่จะสนับสนุนสินเชื่อเพื่อรองรับความต้องการด้านเงินทุนในลักษณะ การส่งเสริมความรู้คู่ทุน ให้กับเกษตรกร โดยมีโครงการต่าง ๆ รองรับ อาทิ โครงการสินเชื่อ Smart Farmer สินเชื่อเพื่อปรับโครงสร้างการผลิตการเกษตรสู่ความยั่งยืน เป็นต้น”

อัจฉริยา จันทรวงศ์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า “จังหวัดฉะเชิงเทราได้บูรณาการงานวิจัยร่วมกับ เนคเทค-สวทช. โดยสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นหน่วยงานบูรณาการในการกำหนดพื้นที่ต้นแบบนำร่องในการติดตั้ง HandySense ระบบเกษตรแม่นยำ ฟาร์มอัจฉริยะ เครื่องมือสำคัญที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกให้เกษตรกรสามารถควบคุมปัจจัยในการผลิตและยังสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรได้ง่ายขึ้น 

โดยในปี พ.ศ .2562 จังหวัดฉะเชิงเทรามีพื้นที่ทำการเกษตรปลอดภัยสูงหรือผักปลอดภัยให้กับเกษตรกรผู้สนใจ 34 แห่ง กระจายอยู่ในทุกอำเภอของจังหวัด และในปีงบประมาณ 2564 จังหวัดฉะเชิงเทราได้อนุมัติโครงการขยายผลต่อเนื่องโดยมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 43 ราย แบ่งออกเป็นพืช 33 ราย (ผักผสมผสาน พืชในโรงเรือน เห็ด ฝรั่ง มะนาว มะม่วง มันญี่ปุ่น ทุเรียน ไผ่ มะพร้าว กล้วย เมล่อน ลำไย สะเดา ปาล์ม ขนุน) ประมง 5 ราย (ฟาร์มกุ้งขาว) และปศุสัตว์ 5 ราย (ฟาร์มไก่ไข่) โดยจังหวัดหวังว่าเทคโนโลยีจะช่วยพัฒนาให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น แก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานภาคเกษตร และปรับเกษตรกรให้เป็นผู้ใช้ข้อมูลในการทำการเกษตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน”

ดร.ปรีสาร รักวาทิน ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาการเกษตรสมัยใหม่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กล่าวว่า “ดีป้า มีภารกิจหลักในการส่งเสริมและสนับสนุนดิจิทัลสตาร์ทอัพ (Digital StartUp) สัญชาติไทย พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ซอฟต์แวร์ หรือแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์การใช้งานในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคการเกษตร ที่ต้องการนำโซลูชันไปต่อยอดธุรกิจ เพิ่มศักยภาพการผลิต ลดต้นทุน และสร้างรายได้ เพื่อก้าวสู่เกษตรอัจฉริยะ

ซึ่งทาง ดีป้า ได้เดินหน้าผลักดันพี่น้องเกษตรกรและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านมาตรการคูปองดิจิทัลเพื่อการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล (depa mini Transformation Voucher) ที่เปิดโอกาสให้เกษตรกรได้รับการสนับสนุนและเลือกเทคโนโลยีดิจิทัลด้วยตนเอง กระตุ้นให้เกิดการจับคู่ทางธุรกิจระหว่างดิจิทัลสตาร์ทอัพกับเกษตรกร ร่วมกันศึกษา ค้นหาต้นเหตุของปัญหาและเรียนรู้ปัจจัยสำคัญ เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน”

ณฤต ดวงเครือรติโชติ หัวหน้าส่วนงาน IoT และพันธมิตรธุรกิจ 5G บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “ดีแทคมีความพร้อมในการให้บริการ Smart IoT Management เพื่องานด้านการจัดการด้านการเกษตรและภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่นำเสนอในรูปแบบโซลูชันบริการครบวงจรเพื่อผู้ประกอบการทุกราย อาทิ 1. IoT SIM ที่รองรับตั้งแต่ผู้ประกอบการรายย่อยไปถึงธุรกิจขนาดใหญ่มีความปลอดภัยในการเชื่อมต่อสูง, 2. IoT Cloud Platform รองรับธุรกิจในการสร้าง IoT โซลูชันได้ง่ายและรวดเร็ว ด้วยการจัดการ IoT Cloud มาตรฐานสากลที่รองรับการใช้งานในไทยได้อย่างสมบูรณ์ สร้างแอปพลิเคชันสำหรับ IoT ได้ง่าย และยืดหยุ่นในการใช้งานเพื่อตอบโจทย์ครบความต้องการด้วยประสิทธิภาพสูงสุด และ 3. IoT SIM & IoT Cloud Platform ครบทุกความต้องการใช้งาน ด้วยโครงข่ายคุณภาพ แพลตฟอร์ม Cloud ที่มีมาตรฐานสากลรองรับการใช้งานทุกรูปแบบอย่างสมบูรณ์”

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาดีแทค และ เนคเทค-สวทช. กรมส่งเสริมการเกษตร ได้ร่วมมือในการนำเทคโนโลยี IoT เพื่อการเกษตรภายใต้ชื่อโครงการ “ฟาร์มแม่นยำ” เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เพื่อยกระดับเกษตรกรรายย่อยให้สามารถจัดการการเพาะปลูกด้วยการตัดสินใจบนข้อมูลที่แม่นยำ โซลูชันเกษตรแม่นยำช่วยให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการนำร่องสามารถเพิ่มปริมาณและคุณภาพของผลผลิตโดยเฉลี่ยร้อยละ 20 ของผลผลิตเดิม

“จากความร่วมมือด้านสังคม ดีแทคมีความยินดีที่วันนี้ได้ต่อยอดความร่วมมือกับ เนคเทค-สวทช. ในการนำโซลูชัน HandySense ซึ่งมีคอนเซ็ปต์เดียวกับ “ฟาร์มแม่นยำ” มาสร้างเป็นพิมพ์เขียวนวัตกรรมเปิด เพื่อผู้ประกอบการและเกษตรกรที่สนใจจะนำมาใช้งาน หรือ ผู้ผลิตในประเทศจะนำมาให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ นี่จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการเปลี่ยนผ่านภาคเกษตรไทยสู่ระบบเศรษฐกิจสังคมดิจิทัล อันจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อยกระดับผลิตผลและสร้างความสามารถในการแข่งขันให้เกษตรกรของไทย” ณฤต กล่าวในที่สุด

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ