ข้อเสนอเทคโอเวอร์ทวิตเตอร์ของอีลอน มัสก์ เป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจหรือแค่การสร้างข่าว?
มหาเศรษฐีบางคนใช้เงินซื้อความเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ นิตยสาร และทีมกีฬา แต่สำหรับมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกอย่างอีลอน มัสก์ เขาพยายามซื้อบริษัทโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่อย่างทวิตเตอร์ซึ่งเขายอมรับว่าอาจทำให้คนทั้งโลกเกลียดชังเขา
“ทุกคนยังคงตำหนิผมสำหรับทุกสิ่ง” ซีอีโอของบริษัทเทสล่าและสเปซเอ็กซ์กล่าวระหว่างการสัมภาษณ์บนเวทีการประชุม TED2022 ที่นครแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดาเมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา “ถ้าผมได้เป็นเจ้าของทวิตเตอร์และมีข้อผิดพลาดบางอย่างเกิดขึ้น นั่นเป็นความผิดของผม 100%”
หลายคนสงสัยถึงเหตุผลจริง ๆ ที่บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งที่มีเป้าหมายที่ทะเยอทะยานมากอย่างการพามนุษย์ไปดาวอังคารต้องการจะครอบครองทวิตเตอร์ซึ่งกำลังเผชิญกับการตรวจสอบเนื้อหา เช่น Hate speech หรือคำพูดที่สร้างความเกลียดชังและข้อมูลที่ไม่จริงและยังมีความท้าทายเรื่องยอดการเติบโตของผู้ใช้งานรายใหม่อีกด้วย
มัสก์เน้นย้ำหลายครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาว่าเป้าหมายของเขาคือการสนับสนุน Free speech หรือเสรีภาพในการแสดงออกบนทวิตเตอร์และต้องการ “ปลดล็อก ศักยภาพที่ไม่ธรรมดา” ของทวิตเตอร์ แต่นักวิเคราะห์บางคนมองว่าเขาอาจต้องการเรียกร้องความสนใจให้ตัวเองโดยไม่สนใจว่าดีลนี้จะผ่านหรือไม่ก็ตาม ในขณะที่บรรดาผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น และพนักงานของทวิตเตอร์ถูกทิ้งให้หาคำตอบว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากมหาเศรษฐีคนนี้ยื่นข้อเสนอซื้อหุ้นทวิตเตอร์ทั้งหมดที่เหลือในราคาหุ้นละ 54.20 ดอลลาร์ รวมมูลค่า 43,000 ล้านดอลลาร์
ข้อเสนอดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากช่วงเวลา 10 วันอันแสนวุ่นวายในระหว่างที่มัสก์ออกมาเปิดเผยว่าเขาได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของทวิตเตอร์ด้วยการถือหุ้น 9.2% แต่ปฏิเสธข้อเสนอที่จะนั่งในบอร์ดบริหารของทวิตเตอร์ และยังทวีตรัว ๆ ถึงแผนพัฒนาบริการต่าง ๆ ของทวิตเตอร์มากมาย เช่น ทำไมทวิตเตอร์อาจจะตายและควรเอาตัวอักษร “w” ออกจากชื่อทวิตเตอร์
เจนน่า โกลเด้น ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าทีมฝ่ายขายที่ดูแลลูกค้าการเมืองของทวิตเตอร์ในกรุงวอชิงตันตั้งแต่ปี 2555 ถึง 2560 ระบุว่า พนักงานที่อยู่มานานของทวิตเตอร์คุ้นเคยดีกับการจัดการการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ๆ ที่เกิดขึ้นกับบริษัท เธอเชื่อว่าหลายคนขออยู่นิ่ง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและเชื่อมั่นในผู้นำว่าจะสามารถฝ่าฟันความลำบากดังกล่าวไปได้ แต่ความไม่นิ่งของมัสก์อาจทำให้พนักงานไม่สามารถอยู่อย่างสงบได้
ทวิตเตอร์ขวางมัสก์ฮุบกิจการ
ปารัก อักราวัล ซีอีโอของทวิตเตอร์ดูเหมือนจะพูดถึงความยากลำบากของบริษัทในบันทึกช่วยจำซึ่งเขาเขียนว่า “สิ่งรบกวนบางอย่างกำลังรออยู่ข้างหน้า” เขาเขียนข้อความนี้หลังจากการประชุมร่วมกันของอักราวัลกับเจ้าหน้าที่และมีพนักงานบางคนใช้ทวิตเตอร์เพื่อแสดงความคับข้องใจกับการไร้ซึ่งคำตอบว่าข้อเสนอของมัสก์จะส่งผลอย่างไรกับพนักงานหรือคำแนะนำให้พวกเขาทำงานต่อไปท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้น
สถานการณ์ล่าสุดของดีลนี้คือ คณะกรรมการบริหารของทวิตเตอร์ลงมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 15 เมษายน ที่ผ่านมาให้ใช้กลยุทธ์ “Poison pill” หรือการวางยาพิษซึ่งจะเป็นการมอบสิทธิ์ให้กับเหล่าผู้ถือหุ้นทวิตเตอร์รายอื่นสามารถซื้อหุ้นเพิ่มได้ในราคาถูก เพื่อลดการถือครองหุ้นของมัสก์และอาจบังคับให้เขาต้องเข้าร่วมโต๊ะเจรจา แต่ก็อาจทำให้ราคาหุ้นของบริษัทลดลงไปด้วย
ถึงกระนั้นก็ตาม ข้อสงสัยยังคงมีว่ามัสก์ซีเรียสแค่ไหนที่จะเดินหน้าต่อกับดีลนี้ ถึงแม้จะเป็นบุคคลที่มั่งคั่งที่สุดในโลก แต่ก็มีคำถามว่าเขาจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายเกือบ 43,000 ล้านดอลลาร์ ล่าสุดมัสก์ยอมรับว่าการปิดดีลเป็นเรื่องท้าทาย โดยแสดงความไม่แน่ใจว่าจะสามารถซื้อทวิตเตอร์ได้จริง ๆ
หุ้นของทวิตเตอร์ผันผวนเล็กน้อยในวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมาโดยปิดที่ 45 ดอลลาร์ซึ่งต่ำกว่าราคาที่มัสก์เสนอที่ 54.20 ดอลลาร์ การที่ราคาหุ้นทรง ๆ หลังจากมีข้อเสนอเทคโอเวอร์ถือว่าผิดปกติ และนั่นสะท้อนถึงความไม่แน่ใจของนักลงทุนว่าดีลนี้จะผ่านไปได้
แผนการพัฒนาทวิตเตอร์ของมัสก์
เป้าหมายของการยื่นข้อเสนอเทคโอเวอร์หุ้นทวิตเตอร์ทั้งหมดของมัสก์ตามที่เจ้าตัวบอก ก็คือต้องการปกป้องความศิวิไลซ์ของแพลตฟอร์ม
“นี่ไม่ใช่วิธีการทำเงิน สัญชาตญาณอันแรงกล้าของผมคือการมีแพลตฟอร์มสาธารณะที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุดและครอบคลุมในวงกว้าง นั่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของอารยธรรม” มัสก์กล่าวในการประชุม TED2022
มัสก์มีแผนที่จะทำให้อัลกอริธึ่มของทวิตเตอร์เป็นโอเพ่นซอร์สที่ทุกคนเห็นได้ทั่วไปและทำให้มีความโปร่งใสมากขึ้นสำหรับผู้ใช้ และอยากให้มีการผ่อนปรนนโยบายการคุมเข้มของเนื้อหา
“ผมคิดว่าเราควรเพิ่มความระมัดระวังในการตัดสินใจลบข้อความใด ๆ หรือการแบน (แอคเคานท์) ถาวร การแบนชั่วคราวน่าจะดีกว่า” มัสก์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าแผนของมัสก์จะแตกต่างจากกลยุทธ์ที่มีอยู่ของทวิตเตอร์แค่ไหน แม้ว่าปัจจุบันอัลกอริธึมของทวิตเตอร์จะไม่เป็นโอเพ่นซอร์ส ผู้บริหารของบริษัทก็แสดงการสนับสนุนแนวทางนั้นอยู่แล้ว และมักจะทำให้ชัดเจนเมื่อมีการลดระดับการมองเห็นทวีตบางข้อความหรือเนื้อหาบางประเภท ทวิตเตอร์ยังเคยทำผิดพลาดในการจัดการกับข้อความที่ควรโดนลบออกทันทีรวมถึงข้อมูลที่ไม่จริง และก่อนที่จะลบแอคเคาน์ของคนที่ทำผิดกฎ ทางบริษัทก็มีการเตือนด้วยการระงับการทวิตเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนอยู่แล้ว
แผนของมัสก์บางทีก็ดูย้อนแย้งกันเอง เขาบอกว่าเขาต้องการพิทักษ์เสรีภาพในการแสดงออกบนทวิตเตอร์ แต่ในระหว่างการสัมภาษณ์ล่าสุด หลังจากที่บอกว่าเขาต้องการรักษาคำพูดทางกฎหมายให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และลังเลที่จะลบแอคเคานท์ของผู้ใช้ เขาบอกว่า เรื่องเร่งด่วนอย่างหนึ่งที่ต้องทำคือการจำกัดสแปมและสแกมบอท และกองทัพบอทบนทวิตเตอร์ให้น้อยที่สุดซึ่งแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่น่ารำคาญแต่ก็ยังเป็นคำพูดทางกฎหมาย และก่อนหน้านี้มัสก์ได้พยายามลบแอคเคานท์ทวิตเตอร์ของคนที่เฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของเครื่องบินส่วนตัวของเขา โดยเสนอเงินให้กับเจ้าของแอคเคานท์ที่เป็นนักศึกษาแต่ถูกปฏิเสธ
‘ความพยายามดึงดูดความสนใจ’
บรรดาสาวกของซีอีโอแห่งเทสล่าและสเปซเอ็กซ์คนอื่น ๆ มองว่าข้อเสนอซื้อกิจการทวิตเตอร์ของมัสก์น่าจะเกี่ยวข้องกับความต้องการสร้างชื่อเสียงและรักษาสิทธิ์และเสียงของเขาบนแพลตฟอร์มที่เขาโปรดปรานมากกว่า
มัสก์ใช้ทวิตเตอร์ @elonmusk เพื่อสร้างแบรนด์ของตัวเองและสื่อสารกับผู้ติดตามมากกว่า 82 ล้านคนมานานแล้ว เขายังทวีตเกรียนใส่คนที่เขามองว่าต้องการทำลายเขา ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้อเสนอเทคโอเวอร์น่าจะมีจุดมุ่งหมายเหมือนมหาเศรษฐีทั่ว ๆ ไปที่ต้องการซื้อสื่อเพื่อมาส่งเสริมภาพลักษณ์ของพวกเขา
“ข้อเสนอดังกล่าวเป็นความพยายามอย่างยิ่งยวดของมัสก์เพื่อดึงดูดความสนใจ เขาขอซื้อทวิตเตอร์เพราะทวิตเตอร์เป็นสถานที่ที่มัสก์ป๊อบปูล่าร์มากที่สุด” เดวิด เทรนเนอร์ ซีอีโอของบริษัทวิจัยนิว คอนสตรัคส์ระบุในจดหมายถึงผู้ลงทุน
ผู้ใช้ทวิตเตอร์บางคนชี้ว่า แม้แต่ราคาเสนอซื้อที่หุ้นละ 54.20 ดอลลาร์ก็มีตัวเลข “420” ซึ่งเป็นตัวเลขที่มัสก์เคยใช้ในการเล่นมุกเกี่ยวกับกัญชามาแล้ว
สิ่งที่มัสก์จะทำต่อไป
มัสก์บอกในจดหมายที่ส่งถึงทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 14 เมษายนว่า หากบอร์ดทวิตเตอร์ปฏิเสธข้อเสนอของเขา เขาจะต้องทบทวนตำแหน่งของเขาในฐานะผู้ถือหุ้น ซึ่งการระบุเช่นนั้นอาจทำให้หุ้นของทวิตเตอร์ตกฮวบ เขายังพูดเป็นนัย ๆ บนฟีดทวิตเตอร์ว่าเขาอาจทำให้ชีวิตของบอร์ดลำบากหากพวกเขาขวางการเทคโอเวอร์ครั้งนี้
“หากบอร์ดปัจจุบันทำอะไรที่ขัดต่อผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น เท่ากับฝ่าฝืนหน้าที่และความไว้วางใจที่ได้จากผู้ถือหุ้น ความผิดที่ทำถือว่าหนักหนาสาหัสมาก” มัสก์โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์
ก่อนหน้านี้มัสก์เคยถามบนทวิตเตอร์ว่ามันจำเป็นต้องมีแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอันใหม่หรือไม่ ซึ่งอาลี โมการาบิ นักวิเคราะห์อาวุโสของมอนิ่งสตาร์ บริษัทวิจัยและจัดการการลงทุนเชื่อว่า ถ้าดีลนี้ล้ม มัสก์อาจจะพยายามระดมทุนเพื่อสร้างแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใหม่มาแข่งกับทวิตเตอร์ แต่มันเป็นเรื่องที่ยากเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขาที่จะดึงดูดผู้ใช้งานหลายล้านคนต่อวันเหมือนที่ทวิตเตอร์ทำได้ให้เข้ามาใช้แพลตฟอร์มใหม่ได้
อดีตพนักงานทวิตเตอร์อย่างโกลเด้นซึ่งเรียกมัสก์ว่า “เป็นคนที่คาดเดาได้ยากและควบคุมไม่ได้” เชื่อว่า หากข้อเสนอนี้ผ่านไปได้ เธอคาดว่ามัสก์น่าจะเปลี่ยนทุกอย่างตั้งแต่นโยบายของแพลตฟอร์มไปจนถึงวัฒนธรรมในที่ทำงาน
“แนวโน้มของการที่บริษัทจะเจอกับความปั่นป่วนมากกว่าปกติจะสร้างความวิตกกังวลให้กับผู้คนว่าจะมีอะไรถูกเปลี่ยนบ้าง เปลี่ยนแล้วจะเป็นยังไง จะกระทบต่อประสบการณ์ภายในของเราหรือไม่ โลกภายนอกจะมองการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อย่างไร” โกลเด้น กล่าว
เธอบอกว่า วัฒนธรรมองค์กรของทวิตเตอร์ขึ้นชื่อในเรื่องการมีส่วนร่วมและความเป็นมิตร “ถ้ามีคนอย่างมัสก์มาบริหารงาน น่าจะเกิดคำถามตามมามากมาย”
ที่มา: เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น
Photo by Steve Jurvetson