TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistห่วง "ภูเก็ต" ล่ม

ห่วง “ภูเก็ต” ล่ม

ไม่รู้ว่ารัฐบาลไปพกความมั่นใจมาจากไหนถึงได้ประกาศกร้าวจะเปิดประเทศใน 120 วัน ในขณะที่คนไทยยัง “ติดโควิด” และ “อัตราการตาย”​ ยังอยู่ในอัตราที่สูงอย่างน่าเป็นห่วง โดยจะประเดิมนำร่อง “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ในวันที่ 1 กรกฎาคมที่จะถึงนี้เป็นการชิมลาง

ข้อมูลจากซีกรัฐบาลมั่นใจว่า ในเดือนกรกฎาคมนี้ มีนักท่องเที่ยวที่ยืนยันจะเดินทางมายังภูเก็ตแล้ว 2 กลุ่ม คือ ในช่วงต้นเดือนมีมาจากสหรัฐอเมริกา และในช่วงปลายเดือนมีกลุ่มทหารเรือจากอังกฤษ ซึ่งเข้ามาซ้อมรบและมาแวะพักที่ภูเก็ต 400-500 คน ประมาณ 1 สัปดาห์

กลุ่มหลังนี้ คนภูเก็ตกำลังหวาดผวาเพราะมีข่าววงในว่า ทหารเรือกลุ่มนี้มาจากอินเดีย อย่างที่ รู้ๆ ทหารเรือขึ้นฝั่งที่ไหน ก็มีแต่เรื่องกินดื่มและเซ็ก ตอนนี้ชาวบ้านเขากลัวว่าทหารเรือกลุ่มนี้จะเอาโควิดมาแพร่

ยิ่งกว่านั้น ทางกระทรวงท่องเที่ยวฯ มั่นใจว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากยุโรป และทวีปอเมริกา ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในรอบแรกนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาภูเก็ตกว่า 129,000 คน ประมาณการรายได้ 3 เดือน เฉพาะที่ภูเก็ตราว 15,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เท่าที่ทราบ คณะทำงานเตรียมการเรื่องนี้ไม่เคยไปทำ “ประชาพิจารณ์”​ ถามความเห็นชาวบ้านและนักธุรกิจในพื้นที่อย่างจริง ๆ จัง ๆ มีแต่เชิญนักธุรกิจที่เห็นด้วยราว 50-80 คนไปร่วมประชุมปรึกษาหารือ อีกทั้งไม่มีใครไปเอ็กซ์เรย์พื้นที่ในภูเก็ต ว่าปลอดภัยจริง ๆ หรือไม่ และไม่มีการสำรวจว่าโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวมีความพร้อมแค่ไหน

ได้พูดคุยกับเจ้าของโรงแรมขนาดกลางซึ่งเป็นนักธุรกิจท้องถิ่นสองสามรายพูดตรงกันว่า ยังไงเขาคงไม่เปิดให้บริการอย่างแน่นอน เพราะไม่มั่นใจว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวตามที่รัฐบาลโฆษณาชวนเชื่อ อีกอย่างหากเปิดบริการมีคนมาพักแต่ดันติดโควิดขึ้นมา โรงแรมและพนักงานจะต้องปิดตัวอีก 14 วัน ดูแล้วได้ไม่คุ้มเสีย

อีกรายเป็นคนในพื้นที่ และเคยเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ให้ความเห็นว่า ขณะนี้นักธุรกิจท้องถิ่นต่างมองว่า งานนี้รัฐบาลต้องการแค่ “ชิงปักธง” ให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกรับรู้ว่าภูเก็ตและประเทศไทยมีความพร้อมแล้ว น่าสังเกตว่า การเปิดโครงการในเดือนกรกฎาคมเป็นช่วง “โลว์ซีซัน” ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ซึ่ง “ไฮน์ซีซัน”​ จริงๆ จะเริ่มในเดือนตุลาคม

เขาย้ำว่า ตั้งแต่การระบาดระลอกแรกจนต้องปิดภูเก็ตเมื่อวันที่ 18 มีนาคมปีที่แล้ว ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวต่างพากันปิด และเลิกกิจการจำนวนมาก ตั้งแต่ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่ ร้านฟาสต์ฟู้ด แบรนด์นอกชื่อดังทั้งหลายที่อยู่ในย่านท่องเที่ยวไม่รู้ว่าจะเปิดได้หรือไม่

บรรดาโรงแรมของคนท้องถิ่นที่ต้องปิดตัวลง ก็ไม่ได้เปิดให้บริการอีกเลย มีสภาพทรุดโทรมไม่เคย “ปรับปรุง”​ สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ก็ชำรุดเสียหาย จะกู้แบงก์มา “รีโนเวท” ก็ไม่ผ่าน เพราะยังไม่มีรายได้เข้ามา โรงแรมเหล่านี้ยังมีอีกจำนวนมาก ส่วนโรงแรมที่พร้อมจริง ๆ ก็เป็นพวกเชนต่างประเทศ หรือของกลุ่มทุนจากกรุงเทพฯ

ที่สำคัญ ในภูเก็ตเคยมีรถบัสนำเที่ยวราว ๆ 4,700 คัน รถตู้กว่า 20,000 คัน รถแท็กซี่ป้ายเขียวจำนวนมาก ตั้งแต่เกิดโควิดระบาด รถเหล่านี้ถูกทิ้งไว้เฉย ๆ ไม่ได้ใช้งาน จึงมีสภาพทรุดโทรม ไม่พร้อมที่จะให้บริการแน่ ๆ จะมีรถตู้ที่จะใช้ได้จริง ๆ ราว 200 คันเท่านั้น ส่วนรถทัวร์กว่า 80% เป็นของนักธุรกิจจีน ซึ่งเลิกกิจการตั้งแต่มีการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ

นอกจากนี้ รถบริการนักท่องเที่ยวบางส่วนก็ติดไฟแนนซ์ ไม่รู้ว่าออกมาขับรับส่งนักท่องเที่ยวแล้วจะโดนเจ้าหนี้ยึดหรือไม่ ถ้าจะให้รถเหล่านี้มาให้บริการ จะต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 250,000 บาทต่อคัน เป็นอย่างน้อยเพื่อซ่อมแซม เจ้าของรถเหล่านี้ไม่รู้จะไปหาเงินที่ไหน

ขณะที่นักธุรกิจอีกคน กล่าวเสริมว่า เมื่อก่อนภูเก็ตมีมวยไทย, คาบาเร่ และภูเก็ตแฟนตาซี เป็นจุดขาย สำหรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวต่างชาติ เดิมมีค่ายมวยนับพันค่าย มากที่สุดในประเทศไทย ตอนนี้ปิดตัวหมด นักมวยก็เลิกชก สนามมวยเดิมมี 7 แห่ง ปิดตัวหมดเหลือแค่ 2 แห่ง

นอกจากนี้ ก็มีคาบาเร่โชว์ “คณะไซม่อนคาบาเร่” โด่งดังระดับโลก เมื่อไม่มีงาน พนักงานก็ลาออกหมด ส่วนใหญ่ก็เลิกอาชีพนี้ไปแล้ว ส่วนภูเก็ตแฟนตาซี พนักงานก็โดนเลิกจ้างจำนวนมาก เครื่องไม้เครื่องมือไม่รู้ว่ายังใช้ได้หรือไม่ สัตว์ที่เคยแสดงก็อาจจะต้องฝึกกันใหม่

ทั้งหมดนี้ล้วนเคยเป็นจุดขายและจุดแข็งของภูเก็ตแต่วันนี้ไม่หลงเหลืออยู่แล้ว

เมื่อไม่มีจุดขาย คนที่มาเที่ยวก็ไม่รู้จะมาดูอะไร ต้องถามกระทรวงท่องเที่ยวฯ ว่า เรามีสินค้าอะไรจะขายให้นักท่องเที่ยวบ้าง จะมีกิจกรรมอะไรที่จะทำให้เขาอยู่ได้นานถึง 14 วัน โดยไม่เบื่อ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติโวยว่ากักตัวอยู่แต่ในภูเก็ตจังหวัดเดียว 14 วัน นานเกินไป ยิ่งจุดขายไม่ชัดเจนก็ไม่มีแม่เหล็กจะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้อยากมาเที่ยว

ไม่รู้ว่ารัฐบาลมีแผน 2 หรือหาทางถอยไว้บ้างหรือยังหากทุกอย่างไม่เป็นไปตามเป้า … น่าห่วงจริง ๆ

ผู้เขียน: ทวี มีเงิน …. นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ คอลัมนิสต์ อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ธุรกิจยักษ์ใหญ่ ผู้คร่ำหวอดในวงการสื่อหนังสือพิมพ์ธุรกิจมากว่า 30 ปี

ผู้เขียน: ทวี มีเงิน …. นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ คอลัมนิสต์ อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ธุรกิจยักษ์ใหญ่ ผู้คร่ำหวอดในวงการสื่อหนังสือพิมพ์ธุรกิจมากว่า 30 ปี

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ