TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessลอรีอัล เผยผลการดำเนินงานปี 2565 เพิ่มขึ้น 10.9% ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง โต 2 หลักทุกภูมิภาค

ลอรีอัล เผยผลการดำเนินงานปี 2565 เพิ่มขึ้น 10.9% ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง โต 2 หลักทุกภูมิภาค

ลอรีอัล กรุ๊ป เผยผลการดำเนินงานประจำปี 2565 ยอดขาย 3.826 หมื่นล้านยูโร เพิ่มขึ้น 18.5% ตามตัวเลขรายงาน เพิ่มขึ้น 10.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 23.4% เมื่อเทียบกับปี 2562 มียอดขายจากช่องทางอีคอมเมิร์ซอยู่ที่ 28% สร้างโอกาสในการทำงาน 25,000 ตำแหน่งต่อปีสำหรับเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 30 ปี ในขณะที่กองทุนลอรีอัลเพื่อสตรี จัดสรรงบ 30.8 ล้านยูโรเพื่อสนับสนุนผู้หญิงกว่า 1.2 ล้านคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เปราะบางทั่วโลก

นิโคลา ฮิโรนิมุส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลอรีอัล กรุ๊ป กล่าวว่า “เราประสบความสำเร็จได้ เพราะความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม รวมทั้งการที่แบรนด์ต่าง ๆ ล้วนเป็นที่ต้องการ การขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562 ขยายตัวได้เร็วขึ้นในแต่ละไตรมาส และสามารถเติบโตได้ 23% ตลอดทั้งปี

การขยายตัวอย่างสมดุลของเรา แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกันของโมเดลแบบหลายขั้ว ทั้งการรวมศูนย์ในด้านกลยุทธ์และกระจายอำนาจในด้านการดำเนินงานภายใต้กรอบความคิดแบบผู้ประกอบการที่แข็งแกร่ง ทำให้โมเดลนี้เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน

เราแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากปี 2565 และสามารถตอกย้ำจุดยืนในฐานะบริษัทความงามชั้นนำของโลก ผลการดำเนินงานที่มีคุณภาพสูงเหล่านี้ ทำให้เราสามารถสนับสนุนพันธกิจทางสังคม และสิ่งแวดล้อมของเราได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสอดคล้องกับความทะเยอทะยานแบบคู่ขนานทั้งด้านการดำเนินงานทางเศรษฐกิจและธุรกิจของเรา แม้ว่า บริษัทจะตระหนักถึงความไม่แน่นอนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่เรายังคงมีความทะเยอทะยานเพื่ออนาคต มีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มตลาดความงาม และเชื่อมั่นในความสามารถที่จะสร้างผลงานที่โดดเด่นเหนือตลาดต่อไป รวมทั้งการเพิ่มยอดขายและกำไรในปี 2566”

ลอรีอัลยืนรับรางวัลด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยคะแนน ‘AAA’ 7 ปีซ้อนจาก CDP

ปี 2565 ยอดขายรวม 3.826 หมื่นล้านยูโร

สำหรับปี 2565 ลอรีอัล กรุ๊ปมียอดขายรวม 3.826 หมื่นล้านยูโร พุ่งขึ้น 18.5% ตามตัวเลขรายงาน และเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งอิงตามขอบเขตงบรวมที่สามารถเทียบได้ และอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมือนกัน ยอดขายของลอรีอัล กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 10.9% 

ผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ โต 10.1%

แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ระดับ 10.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 18.3%ตามตัวเลขรายงาน

แผนกธุรกิจนี้สามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบทบาทของตัวเองในตลาดความงามสำหรับมืออาชีพ โดยขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาค ขณะที่ผลการดำเนินงานก็มีความโดดเด่นในประเทศจีน อินเดีย และบราซิล แผนกยังมีผลการดำเนินงานที่ดีในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่ายทุกช่องทาง ทั้งซาลอน เครือข่ายซาลอนเซ็นทริก (SalonCentric) ในสหรัฐ และช่องทางอีคอมเมิร์ซ ซึ่งถือเป็นการยืนยันความสำเร็จของกลยุทธ์ช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายอีกครั้ง

การเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมระดับพรีเมียมได้รับแรงขับเคลื่อนจากผลการดำเนินงานของเคราสตาส (Kérastase) ซึ่งสามารถทำยอดขายได้สูงกว่า 1 พันล้านยูโรเป็นครั้งแรก และซีรี เอ็กซ์เพิร์ธ (Série Expert) โดย ลอรีอัล โปรเฟสชันแนล (L’Oréal Professionnel) เนื่องจากความสำเร็จของนวัตกรรมเมทัล ดีท็อกซ์ (Metal Detox) แผนกนี้ยังประสบความสำเร็จกับการเติบโตของผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม ด้วยไลน์สินค้าระดับไอคอน เช่น เชดส์ อีคิว (Shades EQ) โดยเรดเคน (Redken) และไอนัว (Inoa) โดยลอรีอัล โปรเฟสชันแนล (L’Oréal Professionnel)

ในฐานะผู้นำในวงการ แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพยังคงมีส่วนร่วมกับแฮร์สไตลิสต์ทั้งหมดที่เป็นพันธมิตรของเราในช่วงระยะเวลาของการเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืนด้วยการเปิดตัวโครงการ “แฮร์สไตลิสต์เพื่ออนาคต”

ผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค โตสุดในรอบ 20 ปี

แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคเติบโตมากที่สุดในรอบ 20 ปี: เพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 14.6% ตามตัวเลขรายงาน

การเติบโตของแผนกนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยการคิดค้นนวัตกรรม และการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าได้อย่างเหมาะสมโดยปราศจากการสูญเสียในแง่ของปริมาณ แบรนด์ชั้นนำทุกแบรนด์สามารถทำผลงานได้เหนือตลาดเนื่องจากผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ประสบความสำเร็จในกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ แผนกธุรกิจนี้ยังสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในส่วนของผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม โดยเอลวีฟ ไฮยาลูรอน พลัมพ์ (Elvive Hyaluron Plump) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยยืนยันถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นทั่วโลก เมคอัพเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เติบโตเร็วที่สุดของแผนก ด้วยความสำเร็จของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์หลายผลิตภัณฑ์ เช่น ซูเปอร์สเตย์ ไวนิล อิงค์ (Superstay Vinyl Ink) โดยเมย์เบลลีน นิวยอร์ก ลิปสติกเนื้อลิควิดที่ให้ความวาวและติดทนนานตัวแรก ในส่วนของผลิตภัณฑ์สกินแคร์นั้น การ์นิเย่ (Garnier) เป็นแบรนด์ที่มีส่วนช่วยสนับสนุนการเติบโตได้มากที่สุดของแผนกนี้ โดยวิตามิน ซี ไบรเทรนิ่ง เซรั่ม (Vitamin C Brightening Serum) ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น อเมริกาเหนือและยุโรปก็มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ขณะเดียวกัน ละตินอเมริกา และ SAPMENA-SSA[1] ก็ขยายตัวรวดเร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในประเทศที่มีศักยภาพสูง เช่น เม็กซิโก อินเดีย และบราซิล ความสำเร็จเหล่านี้ช่วยชดเชยสถานการณ์ตลาดที่ท้าทายในจีน ซึ่งแผนกธุรกิจนี้ในจีนมีส่วนแบ่งตลาดที่ขยายตัวเร็วขึ้นในไตรมาส 4

ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง โตเร็วสุดในตลาด

ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงมีการเติบโตที่แข็งแกร่งที่ระดับ 10.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 18.6% ตามตัวเลขรายงาน โดยโดดเด่นเหนือกว่าตลาดความงามชั้นสูงทั่วโลกที่คึกคักขึ้นอีกครั้งในปีนี้

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงได้ตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์น้ำหอม ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เติบโตเร็วที่สุดในตลาดที่มีลูกค้าที่ช่างเลือกสรร

ผลการดำเนินงานนี้ได้แรงขับเคลื่อนจากผลิตภัณฑ์ที่ทำยอดขายได้ดีที่สุดทั่วโลก เช่น ลิเบรอ (Libre) โดยอีฟส์ แซงต์ โลรองต์ (Yves Saint Laurent), ลา วี เอ แบลล์โดยลังโคม (La Vie Est Belle by Lancôme) และแอควา ดิ จีโอ (Acqua di Gio) โดยอาร์มานี (Armani) รวมทั้งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เริ่มต้นได้อย่างน่าประทับใจ เช่น พราด้า พาราด๊อกซ์ (Prada Parodoxe) ในส่วนของสกินแคร์ แผนกธุรกิจนี้เติบโตเร็วกว่าตลาดถึง 3 เท่าจากกลุ่มสินค้าระดับพรีเมียมพิเศษ โดยมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นและนวัตกรรมที่ทันสมัย เช่น เรเนอร์จี เอช.ซี.เอฟ.ทริปเปิล เซรั่ม (Rénergie H.C.F Triple Serum) ของลังโคม และความสำเร็จของการซื้อกิจการล่าสุด ซึ่งรวมถึงแบรนด์ทาคามิ (Takami) ของญี่ปุ่น แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงยังมีการเติบโตในส่วนของผลิตภัณฑ์เมคอัพซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากโครงการใหม่ๆ ของอีฟส์ แซงต์ โลรองต์

แต่ท่ามกลางสภาพตลาดที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังที่ตลาดจีนชะลอตัวลงอย่างมากนั้น แผนกธุรกิจนี้ก็ยังสามารถยืนหยัดการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในภูมิภาคนี้ได้ ซึ่งทำให้บริษัทสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดโลกได้ตั้งแต่ปี 2562 แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงยังเติบโตควบคู่ไปกับตลาดในยุโรป และสามารถขยายตัวได้อย่างมีนัยสำคัญในเอเชียเหนือ

ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง โตเลขสองหลักในทุกภูมิภาค

แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางปิดท้ายปีด้วยการเติบโตอย่างโดดเด่นที่ 21.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน และเพิ่มขึ้น 30.6% ตามตัวเลขรายงาน

แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง สามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับโมเดลการดำเนินการที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของคำแนะนำ และเติบโตเร็วถึงสองเท่าของตลาดเวชสำอาง ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ที่สั่งจ่ายโดยแพทย์

แผนกนี้ยังเติบโตในอัตราเลขสองหลักในทุกภูมิภาค และมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในอเมริกาเหนือ, SAPMENA–SSA และจีน ซึ่งลาโรช-โพเซย์ (La Roche-Posay) และเซราวี (CeraVe) ยังคงมีส่วนสนับสนุนการเติบโตของแผนกธุรกิจนี้ในสัดส่วนเท่าๆ กัน ขณะที่ลาโรช-โพเซย์ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดของแผนก ยังมีผลการดำเนินงานโดดเด่นอย่างต่อเนื่องจากผลิตภัณฑ์หลักของแบรนด์อย่างซิคาพลาสต์ (Cicaplast) และเอฟฟาแคลร์ (Effaclar) และจากความสำเร็จของยูวีมูน 400 (UVMune 400) นวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นมาใหม่เพื่อป้องกันแสงแดด เซราวียังคงขยายตัวในระดับนานาชาติ โดยสามารถเติบโตได้เป็นพิเศษทั้งในสหรัฐและภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลก ขณะที่วิชี่ (Vichy) ก็สามารถรักษาอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องไว้ได้ด้วยเดอร์คอส (Dercos) และแคปิตอล โซเลย ยูวี (Capital Soleil UV) ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดงที่ใช้ได้ทั้งตามฤดูกาลและในชีวิตประจำวัน

การดำเนินงานและความสำเร็จที่โดดเด่นล่าสุด

การวิจัย, บิวตี้ เทค และดิจิทัล

  • เมื่อเดือนมกราคม ลอรีอัลได้เปิดตัวเทคโนโลยีความงามใหม่ที่คว้ารางวัลด้านนวัตกรรมจากงาน CES® 2023 จำนวน 2 เทคโนโลยี โดยเทคโนโลยีแรกคือ แฮปตา (HAPTA) อุปกรณ์สำหรับลงเมคอัพด้วยระบบคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาตัวแรกของโลกที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่มีข้อจำกัดด้านการเคลื่อนไหวมือและแขน และลอรีอัล บราว เมจิก (L’Oréal Brow Magic) อุปกรณ์ตกแต่งคิ้วระบบอิเล็กทรอนิกที่ใช้ในบ้านตัวแรก ทั้งนี้ ลอรีอัล บราว เมจิก เป็นผลงานจากความร่วมมือเป็นเวลานานกับพริงค์เกอร์ โคเรีย อิงค์ (Prinker Korea Inc) สตาร์ทอัพด้านการพิมพ์ระดับไมโคร ซึ่งกองทุนร่วมลงทุน บีโอแอลดี (BDLA – Business Opportunities for L’Oréal Development) ได้เข้าถือหุ้นส่วนน้อย
  • ในเดือนพฤศจิกายน ลอรีอัล คัลเลอร์โซนิก (L’Oréal Colorsonic) ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมที่สุดประจำปี 2565 ของนิตยสาร์ไทม์ในสาขาบิวตี้ เทค อุปกรณ์ขนาดพกพาน้ำหนักเบาชิ้นนี้ใช้ขั้นตอนจากนวัตกรรมใหม่ที่ทำให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกในระหว่างที่ผสมสีเพื่อเปลี่ยนสีผม และสามารถทาลงบนเส้นผมในปริมาณที่เท่าๆ กันได้ จึงให้ผลลัพธ์สีที่สม่ำเสมอสำหรับลูกค้าที่ใช้งานในบ้าน
  • เพื่อส่งเสริมคุณลักษณะที่แท้จริง การยอมรับในความหลากหลาย และความคิดสร้างสรรค์เพื่อการแสดงออกซึ่งตัวตนในเมตาเวิร์ส ลอรีอัล เปิดตัวลุคความงามแบบเสมือนจริงเมื่อเดือนพฤศจิกายน ด้วยการเป็นพันธมิตรด้านความงามกับหลากหลายแบรนด์เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์กับเรดี้ เพลเยอร์มี (Ready Player Me) แพลตฟอร์มสร้าง

ลอรีอัลเปิดตัว 2 เทคโนโลยีเพื่อความงาม คว้ารางวัลนวัตกรรมจากงาน CES 2023

อวทาร์สำหรับเกมชั้นนำต่าง ๆ  โดยเมย์เบลลีน นิวยอร์ก และลอรีอัล โปรเฟสชันแนลส่งเมคอัพ และสไตล์ผมสุดพิเศษเพื่อสร้างสรรค์อวทาร์ที่สามารถนำไปใช้บนแพลตฟอร์ม และแอปต่างๆ ได้มากกว่า 4,000 แอปทั่วโลก 

  • ในเดือนมกราคม กองทุนร่วมลงทุน BOLD ลงทุนส่วนน้อยในดิจิทัล วิลเลจ (Digital Village) สตาร์ตอัพที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหรัฐ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบริการในเมตาเวิร์ส และตลาดซื้อขายเอ็นเอฟที (NFT) สำหรับแบรนด์ ครีเอเตอร์ และชุมชนต่าง ๆ 
  • ลอรีอัล และไมโครฟิต (Microphyt) ไบโอเทคของฝรั่งเศส ประกาศการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ โดยในเดือนพฤศจิกายน กองทุนร่วมลงทุน BOLD เข้าซื้อหุ้นส่วนน้อยในไมโครฟิต การเป็นพันธมิตรครั้งนี้ถือเป็นหลักฐานเพิ่มเติมที่เป็นบทพิสูจน์แผนกลยุทธ์ด้านการวิจัยและนวัตกรรมของลอรีอัลที่มุ่งสู่วิทยาศาสตร์สีเขียวผ่านการลงทุนในสตาร์ทอัพไบโอเทคที่มุ่งเน้นนวัตกรรม

ลอรีอัล เปิดเวที “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2023” ค้นหาคนรุ่นใหม่ที่มีไอเดียนวัตกรรมเพื่อธุรกิจ

ผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม, สังคม และการบริหาร

  • ลอรีอัลเป็นบริษัทเดียวในโลกที่ได้รับสกอร์ ‘AAA’ จากซีดีพี ในด้านความเป็นผู้นำเรื่องความโปร่งใสขององค์กร และผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมมาเป็นเวลา 7 ปีติดต่อกัน ด้วยความมุ่งมั่นของบริษัทในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการดำเนินการเพื่อปกป้องผืนป่า และความมั่นคงของแหล่งน้ำ
  • ในเดือนธันวาคม โรงงานทั้งหมดในบราซิลของลอรีอัลได้รับสถานะ “ความเป็นกลางทางคาร์บอน”3 (สำนักงานใหญ่ศูนย์วิจัยและนวัตกรรม โรงงาน และศูนย์กระจายสินค้า) ก่อนกำหนดที่วางไว้ 3 ปีสำหรับเป้าหมายลอรีอัลเพื่ออนาคต
  • ลอรีอัลติดอันดับดัชนีความเท่าเทียมทางเพศของบลูมเบิร์ก (Bloomberg Gender-Equality Index หรือGEI) มาเป็นเวลา 6 ปีติดต่อกันแล้ว เนื่องจากประสบความสำเร็จในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ยอมรับความหลากหลาย และความเท่าเทียม โดยลอรีอัลเป็นหนึ่งในบริษัท 484 แห่งใน 45 ประเทศและภูมิภาคที่เป็นส่วนหนึ่งของดัชนีประจำปี 2566
  • ในเดือนพฤศจิกายน ลอรีอัลได้รับการยอมรับอีกครั้งกับการเป็นนายจ้างระดับชั้นนำ โดยคว้าอันดับ 5 จากการจัดอันดับบริษัทที่เป็นที่ชื่นชอบทั่วโลกของนักศึกษาด้านธุรกิจโดยยูนิเวอร์ซัม (Universum) ส่งผลให้ลอรีอัลเป็นบริษัทอันดับหนึ่งของยุโรป 
  • ในเดือนธันวาคม ลอรีอัลได้รับรางวัลสูงสุดสำหรับความสัมพันธ์ผู้ถือหุ้นที่ยอดเยี่ยมที่สุดในดัชนีซีเอซี 40 (CAC 40) จากนิตยสารเลอ เรเวอนู (Le Revenu) ซึ่งจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนโดยอิงตามคุณภาพความสัมพันธ์กับนักลงทุนรายบุคคล

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Tops ดึง “นาย-ณภัทร” ขึ้นแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์ หวังขยายฐานลูกค้าใหม่

OR ปี 2566 มุ่งขยายธุรกิจไลฟ์สไตล์ เสริมแกร่งธุรกิจเดิม พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ