TH | EN
TH | EN
หน้าแรกTechnologyเอปสัน ชูจุดแข็ง 5Ss ปั้นยอดโตมากกว่า 10% พร้อมผลักดันการใช้เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน

เอปสัน ชูจุดแข็ง 5Ss ปั้นยอดโตมากกว่า 10% พร้อมผลักดันการใช้เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน

HIGHLIGHT

  • เอปสัน ประเทศไทย แถลงผลดำเนินงานปี 64 ครองตำแหน่งผู้นำตลาดเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตและโปรเจคเตอร์ ตอบโจทย์ตลาด B2B
  • เผยปี 65 เน้นผสานจุดแข็ง 5Ss ซึ่งได้แก่ 1) Smart technology 2) Simple start 3) S-curve trend 4) Service excellence และ 5) Sustainable value สร้างการเติบโตมากกว่า 10%
  • ยึดกรอบปฏิบัติตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ขององค์การสหประชาชาติ โดยเน้นที่ เน้นที่ 5 เป้าหมายสำคัญ

ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2564 บริษัทฯ มีการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น 9% มาจากการเติบโตของทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังของ 2564 เอื้อต่อการขยายตัวของธุรกิจ ทั้งการลงทุนของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นตามวัฏจักรการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและไทย รวมทั้งได้รับแรงหนุนจากกระแส Digital Transformation การที่สถาบันศึกษากลับมาเปิดทำการเป็นปกติในบางช่วง รวมไปถึงการออกมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจของภาครัฐ และการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีและการใช้เงินกู้ในโครงการต่าง ๆ อีกทั้งภาคการผลิตในไทยยังเริ่มหันมาใช้ระบบซัพพลายเชนภายในประเทศเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด ซึ่งล้วนแต่ส่งผลให้มีการลงทุนด้านไอทีในประเทศเพิ่มขึ้น

“ในส่วนของบริษัทฯ ได้ดำเนินกลยุทธ์ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการขยายทีมขายและทีมบริการลูกค้า B2B ในกรุงเทพและต่างจังหวัด และทีมพิเศษที่เน้นเจาะลูกค้าองค์กรญี่ปุ่น โดยเฉพาะในนิคมอุตสาหกรรม ทั้งยังได้เพิ่มจำนวนตัวแทนจำหน่ายที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเฉพาะตลาด B2B และได้ฝึกอบรมตัวแทนเดิมให้สามารถขยายธุรกิจไปยังตลาด B2B ได้

ด้านการขาย บริษัทฯ ได้ใช้ช่องทางออนไลน์เข้ามาสนับสนุนการขายลูกค้าองค์กรธุรกิจ ทั้งกลุ่ม SMEs และ Start up มากยิ่งขึ้น และที่สำคัญ เอปสันยังคงนำเข้าสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า โดยที่สินค้าใหม่จะมีจุดขายพิเศษและแตกต่างจากแบรนด์อื่นในด้านความมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเรื่องที่องค์กรขนาดใหญ่ให้ความสำคัญอย่างจริงจังในขณะนี้ ส่วนการตลาด ได้มีการจัดกิจกรรมออนไลน์และออฟไลน์มากกว่า 200 กิจกรรม เพื่อเข้าถึงลูกค้าใหม่มากขึ้นและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเดิม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังรณรงค์เรื่องความยั่งยืน ผ่านการใช้เทคโนโลยี Heat-Free ของเอปสันที่ไม่ใช้ความร้อนในกระบวนการพิมพ์ ซึ่งช่วยลดความร้อนในที่ทำงาน ลดค่าไฟ ลดค่าซ่อมบำรุง และลดชิ้นส่วนสิ้นเปลืองได้มากกว่าหลายเท่าเมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี

ผู้นำตลาดเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตระบบแท็งค์

สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตระบบแท็งค์ เอปสันยังรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดได้ ด้วยส่วนแบ่งตลาด 46% ในด้านมูลค่า และ 43% ในด้านจำนวนเครื่องที่ขายได้ โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 18% นอกจากนี้ ในกลุ่มเครื่องถ่ายเอกสารอิงค์เจ็ทระบบหมึกความจุสูง ยังขายเครื่องได้เพิ่มขึ้น 30% เป็นเพราะปัจจุบันเริ่มมีบริษัทเอกชนจำนวนเพิ่มขึ้นที่ตระหนักถึงการลดการใช้พลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงเปลี่ยนจากการใช้เครื่องพิมพ์เลเซอร์และเครื่องถ่ายเอกสารมาเป็นเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท ซึ่งเทรนด์นี้น่าจะยังคงเติบโตต่อไป  

เครื่องพิมพ์ฉลากเติบโต 63%

ส่วนในกลุ่มเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นที่สุดได้แก่ เครื่องพิมพ์ฉลากที่เติบโตมากที่สุดที่ 63% ปัจจุบันโรงพิมพ์ได้รับออเดอร์ในรูปแบบดิจิทัลออนดีมานด์มากขึ้น เพราะลูกค้าไม่ต้องการสต๊อกฉลากแบบเดียวไว้จำนวนมากเหมือนเมื่อก่อน อีกทั้งกลุ่มลูกค้าโรงพยาบาล คลินิก หรือสตาร์ตอัพผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและอาหารเสริมก็หันมาลงทุนกับเครื่องพิมพ์ประเภทนี้กันมากขึ้น ตามมาด้วยเครื่องพิมพ์ป้ายโฆษณา ที่เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว เพราะทั้งศูนย์การค้า ร้านค้า และธุรกิจต่าง ๆ เริ่มกลับมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายและรีโนเวทหน้าร้านมากขึ้น เติบโต 21%

ตลาดโปรเจคเตอร์ฟื้นตัว

สำหรับยอดขายของผลิตภัณฑ์โปรเจคเตอร์ในปีที่ผ่านมา ในส่วนของโปรเจคเตอร์ธุรกิจฟื้นตัวกลับมาโตที่ 11% ส่วนหนึ่งมาจากการที่สถาบันการศึกษา บริษัท และหน่วยงานต่าง ๆ เริ่มกลับมาเปิดดำเนินงานอีกครั้ง นอกจากนี้ ในกลุ่มโฮมโปรเจคเตอร์ก็มีสัญญาณที่ดี เพราะในช่วงโควิด มีลูกค้าจำนวนมากที่หันมาลงทุนทำโฮมเธียเตอร์ระดับไฮเอนด์ สำหรับรับชมภาพยนตร์และเล่นเกมบนจอภาพขนาดยักษ์ด้วยภาพฉายคุณภาพสูง ซึ่งเอปสันเริ่มมีสินค้าใหม่เข้ามารองรับตลาดกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นแล้ว

หุ่นยนต์แขนกลโต 60%

สุดท้ายคือผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์แขนกล ซึ่งในปี 2564 มียอดขายเติบโตขึ้นมากกว่า 60% โดยลูกค้าหลักยังอยู่ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ และอุตสาหกรรมอุปกรณ์ทางการแพทย์ ปัจจัยที่หุ่นยนต์แขนกลของเอปสันได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างมาก เนื่องจากเอปสันอยู่ในวงการนี้มาเกือบ 40 ปี มีการทำ R&D อยู่ตลอดเวลา หุ่นยนต์ของเอปสันมีความแม่นยำสูง สามารถใช้งานได้ดีในหลายอุตสาหกรรม ที่สำคัญ มีการบำรุงรักษาค่อนข้างต่ำมาก และมี Down Time ที่ต่ำ เมื่อเทียบกับคู่แข่ง

ปี 65 ต้องยืดหยุ่นและปรับตัวเร็ว

สำหรับทิศทางธุรกิจในปี 2565 ของเอปสัน ประเทศไทย ยรรยง กล่าวว่า ตลาดไอทียังอยู่ท่ามกลางหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวค่อนข้างมาก ทั้งสถานการณ์โควิดที่ยังแพร่ระบาดอยู่ทั่วโลก และโรงงานชิปเซมิคอนดักเตอร์ไม่สามารถผลิตป้อนได้ทันตามการเติบโตของดีมานด์ที่พุ่งสูงขึ้น บวกกับภาวะขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ทั้งยังเกิดสงครามที่ยูเครน ซึ่งกระทบกระเทือนเศรษฐกิจไทย ทำให้ค่าน้ำมันและภาวะเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงจีดีพีของประเทศอาจจะมีการปรับลดลง ปัจจัยเหล่านี้รบกวนระบบซัพพลายเชนทั่วโลก ทำให้กระบวนการผลิตสินค้าหลายรายการชะลอตัว ต้นทุนจากการผลิตและขนส่งปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่ภาคเอกชนมีแนวโน้มที่จะปรับลดการใช้จ่ายและการลงทุนใหม่ ท่ามกลางภาวะการณ์เช่นนี้ เอปสันต้องยืดหยุ่นและรวดเร็วในการปรับตัวเพื่อรับมือกับความผันผวนที่เกิดขึ้น พร้อมกับวางกลยุทธ์ที่สามารถตอบโจทย์ได้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด”

“สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดยังยืดเยื้อออกไปเป็นปีที่ 3 และอาจนานขึ้น ซึ่งทำให้ธุรกิจต่าง ๆ ยังต้องปรับตัวต่อไป เพื่อรับมือกับความท้าทายและรักษาระดับการเติบโต โดยเอปสันได้กำหนดแผนกลยุทธ์สำหรับปี 2565 นี้ขึ้น โดยผสานจุดแข็งทุกด้าน ขับเคลื่อนธุรกิจเดินหน้าฝ่ายุคโควิด สร้างการเติบโตมากกว่า 10% โดยจุดแข็งดังกล่าวที่รวมกันเป็นส่วนผสมของความสำเร็จ หรือ 5Ss ประกอบด้วย

  1. Smart technology – มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการดำเนินงาน หรือ TCO (Total Cost of Ownership) ให้กับลูกค้าได้มากกว่าเทคโนโลยีหรือผลิตภัณฑ์เดิมที่ใช้อยู่ เช่น เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่ใช้เทคโนโลยี Heat-Free ซึ่งสามารถประหยัดค่าไฟได้มากกว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์รุ่นใกล้เคียงกันถึง 85% โดยให้งานพิมพ์ที่มีคุณภาพเท่าเทียมกัน
  2. Simple start – สร้างสรรค์โมเดลธุรกิจที่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจเริ่มลงทุนกับเอปสันได้ง่าย ๆ
  3. S-curve trend – เอปสันกำลังก้าวเข้าสู่ S-curve Trend ใหม่ เพื่อสานต่อการเติบโตทางธุรกิจ
  4. Service excellence – เดินหน้าพัฒนาด้านความเป็นเลิศในการบริการ เริ่มตั้งแต่การลงทุนขยายศูนย์บริการเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการมากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันมี 184 สาขาทั่วประเทศ และมีถึง 164 สาขาที่สามารถให้บริการ on-site service ถึงสำนักงานของลูกค้าทั่วประเทศ
  5. Sustainable value – ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น มีนโยบายในการดำเนินธุรกิจโดยยึดกรอบปฏิบัติตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development Goals (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งมีด้วยกัน 17 เป้าหมาย โดยในปี 2565 นี้ บริษัทฯ ได้เน้นที่ 5 เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายที่ 8 การจ้างงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ เป้าหมายที่ 9 อุตสาหกรรม นวัตกรรม โครงสร้างพื้นฐาน เป้าหมายที่ 12 แผนการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 13 การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเป้าหมายที่ 17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

“โลกธุรกิจในปัจจุบันกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่มีวันหยุด เอปสันต้องคอยดิสรัปท์ตัวเองอยู่เสมอ ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ การให้บริการ โมเดลธุรกิจ แนวทางในการทำธุรกิจ ไปจนถึงจุดยืนของแบรนด์ เพื่อให้เป็นองค์กรที่มีอยู่เหนือกระแสการเปลี่ยนแปลงได้ มีความแตกต่างจากแบรนด์อื่น และเป็นที่พึงพอใจของลูกค้า ที่สำคัญ  เป้าหมายของเอปสันไม่ใช่แค่การสร้างหรือรักษาระดับการเติบโตของยอดขายและรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์ต่างๆ เท่านั้น แต่เป้าหมายที่สำคัญยิ่งกว่า คือการสนับสนุนแนวทางการพัฒนาความยั่งยืนในองค์กรของลูกค้าและสังคมผ่านเทคโนโลยีและโครงการด้านความยั่งยืนของเอปสัน” ยรรยง กล่าวทิ้งท้าย

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ