สองประธานเจ้าหน้าที่บริหารของยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการสัญญาณเครือข่ายโทรคมนาคมอย่างทรูและดีแทค ตั้งโต๊ะแถลงข่าวออนไลน์ในช่วงบ่าย (13.30น.) วันนี้ (22 พ.ย.) ยืนยันความตั้งใจที่จะร่วมมือผนึกกำลังเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับมูลค่าการบริการและเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตลอดจนการช่วยกันพัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรมที่จะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประเทศไทยในทุกมิติทางสังคมและเศรษฐกิจ ให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิทัลในช่วง 20 ปีข้างหน้า
โดยในการแถลงข่าวครั้งนี้ ซิคเว เบรกเก (Sigve Brekke) ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เทเลนอร์ กรุ๊ป (บริษัทแม่ของดีแทค) ได้เริ่มต้นกล่าวแสดงความยินดีที่สามารถบรรลุข้อตกลงในเบื้องต้นที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกัน ก่อนอธิบายถึงสาเหตุของการตัดสินใจเป็นพันธมิตรในครั้งนี้่ว่าเป็นเพราะสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศทางธุรกิจที่กำลังเปลี่ยนไป กล่าวคือ การแข่งขันไม่ใช่สาระสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจหนึ่งๆ สามารถเติบโตต่อไปได้ แต่เป็นความร่วมมือระหว่างกันต่างหากที่จะทำให้ธุรกิจแข็งแกร่งและคงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไปด้วยกัน
- ซีพี – เทเลนอร์ ประกาศควบรวม ทรู-ดีแทค สู่บริษัทเทคโนโลยี ถือหุ้นเท่ากัน มุ่งเป็น “เทคฮับ” ของภูมิภาค
- True ผนึก dtac … ข่าวดีหรือข่าวร้ายของผู้บริโภค?
ทั้งนี้ ซิกเว ระบุชัดว่า การมาถึงของเทคโนโลยีอย่าง 5G, AI, IoT, และ Cloud คือสิ่งที่จะปฏิวัติพลิกโฉมทุกอย่าง ทั้งในแง่ของผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ และในแง่ของวิถีชีวิตและวิธีการดำเนินธุรกิจ ซึ่งในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาดีแทค ประสบความสำเร็จด้วยดีในฐานะผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณสื่อสาร แต่แค่นั้น ไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ดีแทคเติบโตไปในโลกยุคดิจิทัลได้ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีศักยภาพที่จะเป็นหนึ่งในภูมิภาคชั้นนำระดับโลกด้านดิจิทัล
การปฏิวัติเปลี่ยนแปลงของโลกเทคโนโลยีทำให้ดีแทคตระหนักว่าต้องเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อให้สามารถสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่สมบูรณ์ สร้างพื้นที่ (Digital Space) เพื่อรองรับมืออาชีพรุ่นใหม่ และเป็นส่วนหนึ่งที่จะสนับสนุนวาระสร้างประเทศไทย 4.0 ต่อไป
“หลังจากประกาศความร่วมมือนี้แล้ว ทางดีแทคและทรูจะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบสถานะทางธุรกิจ ก่อนที่จะมีการลงนามความร่วมมืออย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในปีหน้า (พ.ศ.2565) และเข้าสู่ขั้นตอนของการพิจารณาเงื่อนไขทางกฎหมายต่อไป ซึ่งในระหว่างการดำเนินการนี้ ทั้งดีแทคและทรูจะยังคงให้บริการลูกค้าได้ตามปกติ” ซิกเวกล่าว
ด้าน ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น และประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เสริมว่าการตัดสินใจร่วมมือกันครั้งนี้เป็นผลมาจากการมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของสนามแข่งขันในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมที่ตัวผู้ให้บริการสัญญาณอย่างทรูมีบทบาทลดน้อยลงไปทุกที คือมีหน้าที่เปรียบเสมือน Dump Pipe เป็นได้แค่ท่อส่งอย่างเดียว ซึ่งสถานะดังกล่าว ทำให้ทรูตระหนักว่า การเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมไม่อาจเติบโตได้อีกต่อไป และหมายถึงจะทำให้ความสามารถในการทำกำไรและสร้างผลตอบแทนให้บริษัทน้อยลงไปมากในอนาคต
ทั้งนี้ ศุภชัย กล่าวว่า สภาพสังคมไทยขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างรอยต่อของการเปลี่ยนผ่าน (transformation) ของ 4.0 กับ 5.0 คือ จากบิ๊กดาต้าไปสู่ยุคที่เทคโนโลยีจะหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งกับวิถีชีวิตของคนได้อย่างกลมกลืน ผู้คนจะคุ้นเคยกับการใช้ AI และ Cloud ซึ่งแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้ทรูต้องปรับวิสัยทัศน์ใหม่ นั่นคือการเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศเทคโนโลยีเหล่านี้ ซึ่งหมายรวมถึงการช่วยสร้างสรรค์นวัตกรรม ส่งเสริมการลงทุน สนับสนุนการสร้างแรงงาน และปฏิรูประบบการศึกษา
“ทั้งหมดนี้สามารถเกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือเป็นพันธมิตรอย่างเท่าเทียมกับทางเทเลนอร์ เราเห็นบทบาทใหม่ของการเป็นพันธมิตรร่วมกันที่จะเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ มีพื้นฐานความเข้มแข็งที่มากกว่าการเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน” ศุภชัย กล่าว
ขณะเดียวกัน ประธานกรรมการ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังได้ย้ำว่า ทรูยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาเพื่อขยายการเข้าถึงเทคโนโลยีให้คนในสังคมไทย แต่ก้าวต่อไปก็คือการเดินหน้าก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ที่ความร่วมมือเป็นพันธมิตรจะทำให้เกิดความยั่งยืน ช่วยบรรลุเป้าหมาย และเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยโดยรวม
สำหรับในช่วงท้ายของการแถลงข่าว ซิกเว แห่ง เทเลนอร์ แสดงความเชื่อมั่นว่า การร่วมมือกันในครั้งนี้จะไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ แต่จะเป็นการที่สองฝ่ายต่างนำส่วนที่ดีที่สุดมาส่งเสริมสนับสนุนกันและกัน
ขณะที่ ศุภชัย กล่าวว่า ความร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงของโลกเพื่อก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล และมั่นใจว่า ความร่วมมือระหว่างทรูกับดีแทคครั้งนี้จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ไทยก้าวเข้าสู่โลกเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างดี
