TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistรายงาน BLS Top Funds แนะปรับพอร์ต รอจังหวะเฟดขึ้นดอกเบี้ย

รายงาน BLS Top Funds แนะปรับพอร์ต รอจังหวะเฟดขึ้นดอกเบี้ย

เริ่มต้นการลงทุนในช่วงต้นปี 2565 ตลาดหุ้นยังคงมีแนวโน้มผันผวนทั้งตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศ โดยปัจจัยที่ยังต้องจับตาเป็นอย่างแรกคือ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ดูเหมือนจะเริ่มคลี่คลาย แม้จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่อาการส่วนใหญ่ไม่รุนแรงและอัตราการฉีดวัคซีนของประชากรปัจจุบันเกินกว่า 50% ของประชากรโลกแล้วส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้

อีกประเด็นที่ตลาดจับตามองไม่ใช่เรื่องธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นหรือไม่ แต่เป็นเรื่องว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เท่าไหร่ จะขยับขึ้นครั้งละ 0.25% หรือ 0.50% เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่ร้อนแรง โดยตัวเลขเงินเฟ้อเดือนม.ค. ที่ประกาศออกมาล่าสุดอยู่ที่ 7.5% นับว่าสูงที่สุดในรอบ 40 ปี จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาที่พักอาศัยและราคาในหมวดบริการส่วนใหญ่ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับตัวทะลุ 2% ยิ่งเป็นปัจจัยเร่งให้เฟดต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ การที่อัตราดอกเบี้ยกำลังจะกลับตัวเป็นขาขึ้นรอบใหญ่ นอกจากจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจในแง่ของการทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงแล้วแล้วในระยะสั้นจะส่งผลลบต่อตลาดหุ้นอีกด้วยโดยเฉพาะ “หุ้นเติบโต” (Growth Stock) ที่มีความอ่อนไหวกับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นจะได้รับผลกระทบในทางลบมากกว่า “หุ้นคุณค่า” (Value Stock) ที่มีราคาไม่แพงเป็นทุนเดิม มีผลประกอบการค่อนข้างแน่นอน และมีอัตราเงินปันผลที่สูง ปัจจัยเหล่านี้ยังสามารถจูงใจให้ผู้ลงทุนถือหรือลงทุนต่อได้เมื่อเทียบกับหุ้นเติบโตที่ราคาแพงและปันผลต่ำ   

“เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวชัดเจนสิ่งที่ตามมาคือ มีความต้องการสินค้าและการบริการเพิ่มมากขึ้น แต่การผลิตยังปรับตัวตามไม่ทัน ทำให้เกิดปัญหา Supply Shortage และอัตราเงินเฟ้อเริ่มปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรป ที่อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรเริ่มปรับตัวสูงขึ้น โดยต้องรอติดตามผลการประชุมของของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดที่กำลังจะเกิดขึ้นในคืนวันที่ 15 -16 มี.ค. 2565 รวมถึงประเด็นความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ยังต้องติดตามต่อไป” 

จากปัจจัยดังกล่าว รายงาน BLS Top Funds แนะนำให้ผู้ลงทุนปรับพอร์ตด้วยการลดน้ำหนักการลงทุนจาก “หุ้นกลุ่ม Growth” ที่เน้นการเติบโตสูงมาเป็น “หุ้นกลุ่ม Value” ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เพื่อลดความผันผวนของพอร์ต โดยกองทุนแนะนำคือ “กองทุน SCBPGF” เน้นหุ้นกลุ่มคุณค่าทั่วโลกราคาไม่แพงเหมาะลงทุนในช่วงตลาดผันผวน ซึ่งผู้ลงทุนสามารถถือลงทุนเป็นกองหลักของพอร์ตได้

กองทุนดังกล่าวลงทุนผ่านหน่วยลงทุนของกองทุน DWS Invest CROCI Sectors Plus ใน Share Class FCH (P) ซึ่งจะลงทุนในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว โดยคัดเลือกหุ้นใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มี CROCI P/E ต่ำที่สุด เช่น กลุ่ม Consumer Staple, กลุ่ม Healthcare และกลุ่ม Utility (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ม.ค. 2565) ซึ่งมีความทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจและได้รับประโยชน์เงินเฟ้อ ส่วนหุ้นเติบโตอย่างหุ้นเทคฯ ที่มูลค่าแพงคาดหวังกำไรที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไกล ๆ ปันผลน้อยหรือไม่มีก็คงต้องลดสัดส่วนลงไปบ้าง หลังจากขึ้นมาได้ดีในช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา โดยความผันผวนเรื่องอัตราดอกเบี้ยของ Fed คงจะมีไปสักพักจนกว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกแล้วสถานการณ์ความผันผวนน่าจะเบาลง

สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจซื้อกองทุนรวมผ่านหลักทรัพย์บัวหลวงสามารถเปิดบัญชีกองทุนรวมออนไลน์ง่าย ๆ ได้ทั้ง “บัญชีกองทุนรวมแบบ Omnibus” และ “บัญชีกองทุนรวมแบบ Segregate” ซึ่งปัจจุบันหลักทรัพย์บัวหลวง ได้เปิดให้บริการบัญชีกองทุนรวมแบบ Omnibus เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายกองทุนรวมจาก 17 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ชั้นนำ ที่มีกองทุนรวมให้เลือกกว่า 1,000 กองทุน ผ่านช่องทางออนไลน์ ภายใต้สโลแกน “สะดวก ง่าย มั่นใจ”

การเปิดบัญชีกองทุนรวมแบบ Omnibus ก็มีข้อดีอยู่หลากหลาย เช่น เมื่อผู้ลงทุนให้ข้อมูลส่วนตัวที่เปิดบัญชีไว้แล้วจะไม่เปิดเผยข้อมูลต่อให้กับ บลจ. อื่น ๆ โดยหลักทรัพย์บัวหลวงจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการทำธุรกรรมต่าง ๆ แทน ตามที่ผู้ลงทุนมอบหมายไว้ในสัญญาตอนเปิดบัญชีกองทุนรวม ยกตัวอย่าง ผู้ลงทุนต้องการแก้ไขข้อมูล, เปลี่ยนแปลงชื่อนามสกุล หรือข้อมูลส่วนตัว ก็ไม่ต้องไปติดต่อบลจ. ต่าง ๆ เพื่อแก้ไขข้อมูล เพราะบัญชีกองทุนรวมแบบ Omnibus จะรวมข้อมูลของผู้ลงทุนไว้ที่เดียว เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความมั่นใจว่าข้อมูลจะไม่รั่วไหลและมีความปลอดภัยสูง

“ข้อดีของการเปิดบัญชีกองทุนรวมกับหลักทรัพย์บัวหลวงคือ 1. ซื้อ ขาย สับเปลี่ยน และติดตามผลการลงทุนได้ในแอปพลิเคชันเดียว Streaming Fund+ 2. ดูรายงานภาพรวมการลงทุนทุกสินทรัพย์ที่ลงทุนผ่านหลักทรัพย์บัวหลวงได้จากรายงาน Consolidated Portfolio 3. ซื้อขายกองทุนรวมได้ครอบคลุม 17 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชั้นนำ 4. อัปเดตมุมมองการลงทุนทุกสัปดาห์ด้วยรายงาน BLS Top Funds 5. มีบริการจัดพอร์ตการลงทุนตามเป้าหมาย เพื่อให้การวางแผนการเงินเป็นเรื่องง่าย และ 6. ไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม”

ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bls.tips/omnibus หรือโทร. 0-2618-1111อย่างไรก็ดีผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ