หัวเว่ย เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด HUAWEI Mate 40 Series โดย HUAWEI Mate 40 Pro และ HUAWEI Mate 40 Pro+ เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ใช้ชิปเซ็ตแบบ SoC 5G ขนาดเพียง 5 นาโนเมตร ระบบกล้อง Ultra Vision Cine Camera และไฟวงแหวน Space Ring Design
-Lenovo Legion Phone Duel เกมมิ่งสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ มาพร้อมฟีเจอร์ไลฟ์สตรีม
-เสียวหมี่เปิดตัวสมาร์ทโฟน 5G Mi 10T และ Mi 10T Pro
ริชาร์ด หยู กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป กล่าว “ในแต่ละปี HUAWEI Mate Series จะเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่รวมเอาเทคโนโลยีอันน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดเข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้ดีไซน์ที่โดดเด่น ทั้งหมดนี้คือนิยามที่เปรียบเสมือนเป็นดีเอ็นเอของ Mate Series และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ด้วยความทุ่มเทในการพัฒนานวัตกรรมของเรา ในช่วงเวลาที่เราต้องเผชิญสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ เรายังคงมุ่งมั่นในการสร้างอนาคตที่ดีกว่า ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกและมีนัยสำคัญต่อการใช้ชีวิตของผู้บริโภค และในอนาคตเราจะยังเดินหน้าทำงานอย่างใกล้ชิดกับพาร์ทเนอร์ของเรา เพื่อมอบประสบการณ์ชีวิตเอไอไร้รอยต่อให้กับผู้บริโภคทั่วโลก”
HUAWEI Mate 40 Pro และ HUAWEI Mate 40 Pro+ ดีไซน์หน้าจอ HUAWEI Horizon Display ที่โค้ง 88 องศา ขอบจอโค้งมนทำให้หยิบใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย สามารถกันน้ำและฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP 68 ควบคุมระดับเสียงได้ด้วยระบบดิจิทัลและระบบสัมผัส รวมถึงมีอัลกอริทึมป้องกันการกดพลาด
กล้องหน้าขนาดเล็ก มาพร้อมเทคโนโลยีต่าง ๆ ทั้ง 3D Face Unlock หรือการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้าแบบสามมิติ กล้องเซลฟี่เลนส์ Ultra-wide (เลนส์กว้างพิเศษ) และ Smart Gesture Control เซ็นเซอร์ที่ตรวจจับท่าทาง
ด้านหลังมีไฟวงแหวน Space Ring Design มีให้เลือกทั้งสีดำและสีขาว รวมถึงสีเงิน Mystic Silver ซึ่งเป็นการเคลือบผิวด้วยเอฟเฟกต์เปลี่ยนสี นอกจากนี้ ยังมีหนังวีแกนอีก 2 สีให้เลือก คือ Sunflower Yellow และ Olive Green ในขณะที่วัสดุด้านหลังของ HUAWEI Mate 40 Pro+ เป็นเซรามิกเคลือบด้วยนาโนเทคโนโลยี โดยมีให้เลือก 2 สีด้วยกันคือ Ceramic White และ Ceramic Black
ชิปเซ็ต Kirin 9000 รองรับ 5G และสามารถรับมือการประมวลผลขั้นสูงรวมไปถึงการใช้งานแบบ multi-tasking โดยชิปเซ็ต Kirin 9000 เป็นชิปเซ็ตแบบ 5G SoC ขนาด 5 นาโนเมตร โดยมีประสิทธิภาพการประมวลผลและระบบบริหารจัดการการใช้พลังงานของเครื่องที่พัฒนาขึ้นกว่ารุ่นก่อนอย่างมาก และถือเป็นครั้งแรกที่ชิปเซ็ตแฟล็กชิปแบบ 5G SoC มีทรานซิสเตอร์มากกว่า 1.53 หมื่นล้านหน่วย มาพร้อมการออกแบบโครงสร้างของเครื่องที่ประหยัดพลังงาน 3 ระดับและแกนหลักที่มีความเร็วถึง 3.13 GHz ผสานกับ 24-Core Mali-G78 GPU และนวัตกรรม NPU ที่ประกอบด้วยแกนขนาดใหญ่ 2 แกน และแกนขนาดเล็ก 1 แกน เพิ่มประสิทธิภาพของ AI
24-Core Mali-G78 GPU เป็น GPU ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาในดีไวซ์ของหัวเว่ย สามารถมอบประสบการณ์เล่นเกมที่สมจริงด้วยอัตราการรีเฟรชของหน้าจอ 90 Hz บวกกับอัตราการตอบสนองระบบสัมผัสที่ 240 Hz และยังมีลำโพงสเตอริโอแบบซูเปอร์เบสที่ติดตั้งมาทั้งสองตัว
นอกจากนี้ HUAWEI Mate 40 Series ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ปรับเปลี่ยนให้ก้าวทันความต้องการในระดับความเร็ว 5G ทำให้เกิด HUAWEI SuperCharge ที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ระบบกล้องบน HUAWEI Mate 40 Series ที่ร่วมออกแบบกับ Leica ประกอบไปด้วยการอัปเกรดเลนส์ Ultra-Wide, กล้องหลักความละเอียดสูง, กล้องเลนส์ซูม ฯลฯ รวมไปถึงกล้องแบบ Dual Cine และกล้อง Dual Ultra Wide ทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพและวิดีโอมุมกว้างได้จากทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า
โดยกล้อง Dual Cine Camera มาพร้อมเซนเซอร์ที่จะทำให้สามารถถ่ายวิดีโอในสัดส่วน 3:2 ได้ บวกกับเทคโนโลยี Steady Shot จะทำให้การถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงง่ายกว่าที่เคย ในขณะที่ XD Fusion HDR Engine จะสามารถให้ค่าความสว่างที่สมดุล ถึงแม้จะถ่ายภาพในที่ที่มีค่าความต่างของแสงสูง ทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีอื่นอย่าง Tracking Shot และ Story Creator ที่สามารถใส่เอฟเฟกต์เสมือนภาพยนตร์ได้ รวมไปถึงใส่ดนตรีแบคกราวน์ ฟิลเตอร์ และเอฟเฟกต์ได้อย่างง่ายดาย และนอกจากความสามารถด้านภาพแล้ว ประสิทธิภาพด้านเสียงของ HUAWEI Mate series มีฟีเจอร์ Audio Focus (การจับโฟกัสเสียง) Audio Zoom (การซูมเสียง) และลำโพงสเตอริโอแบบคู่
เลนส์ Ultra Wide Cine Camera ช่วยให้สามารถถ่ายภาพครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขึ้นอีก เก็บรายละเอียดได้ชัดเจนขึ้น การถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น และอัลกอริทึมปรับความบิดเบี้ยวของภาพมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะที่ Super Sensing Wide Camera ช่วยจับภาพได้คมชัด คุณภาพของรูปถ่ายได้รับการปรับให้สูงขึ้นด้วย Full Pixel Octa PD AutoFocus โดยฟีเจอร์แก้ไขความบิดเบี้ยวที่ได้รับการปรับปรุงจะจับภาพใบหน้า ร่างกาย และแขนขา ทำให้เลนส์มุมกว้างถ่ายได้สวยสมจริงกว่าเดิม
มีกล้องซูมเลนส์ Periscope ที่ทำให้สามารถซูมแบบไฮบริดได้ถึง 10 เท่า และแบบดิจิทัลได้ถึง 50 เท่า และ HUAWEI Mate 40 Pro+ สามารถซูมแบบไฮบริดได้ถึง 20 เท่า และแบบดิจิทัลถึง 100 เท่า
กล้อง Ultra Vision Selfie Camera สามารถถ่ายวิดีโอได้คมชัดระดับ 4K และมีตัวเลือกให้ถ่ายเซลฟี่ได้ถึง 3 ระยะ ได้แก่ แบบโคลสอัพ ระยะปกติ จนถึงมุมกว้างพิเศษ เพิ่มความหลากหลายให้การถ่ายเซลฟี่แบบสโลว์โมชั่นด้วยกล้องหน้า โดยทำให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มเอฟเฟกต์พิเศษได้ขณะบันทึกการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว
ระบบปฏิบัติการ EMUI 11 มาพร้อมระบบรักษาความปลอดภัยที่ใช้ง่ายแก่ผู้ใช้สมาร์ทดีไวซ์ของหัวเว่ย ระบบ Trusted Execution Environment มีความปลอดภัยสูงในระดับ CC EAL5+ ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงที่สุดของซอฟท์แวร์ไมโครเคอร์เนลเพื่อความปลอดภัยสำหรับการพาณิชย์รองรับ EMUI 11 ยังมาพร้อมฟีเจอร์รักษาความเป็นส่วนตัวใหม่ ๆ เมื่อส่งรูป ผู้ใช้สามารถปกปิดข้อมูลส่วนตัวที่ละเอียดอ่อนบนไฟล์ อย่างเช่น สถานที่ เวลา และรายละเอียดของเครื่อง ก่อนที่จะส่งให้ผู้อื่นได้
มาพร้อมระบบ Huawei Mobile Services (HMS) โดยในการเปิดตัว หัวเว่ยยังเผยแอปพลิเคชัน รวมถึงเครื่องมือใหม่ ๆ ที่จะนำเสนอให้ผู้ใช้ ทั้ง Petal Search เครื่องมือค้นหาแอปพลิเคชันที่สามารถค้นหาได้หลากหลาย Petal Maps แอปฯ แผนที่ที่สามารถควบคุมได้ด้วย Smart Gesture Control ของ HUAWEI Mate 40 Series และ HUAWEI Docs บริการด้านงานเอกสาร
ราคาและรุ่นที่วางจำหน่าย
HUAWEI Mate 40 หน่วยความจำ และความจุ 8GB+128GB ราคา 899 ยูโร
HUAWEI Mate 40 Pro หน่วยความจำ และความจุ 8GB+256GB ราคา 1,199 ยูโร
HUAWEI Mate 40 Pro+ หน่วยความจำ และความจุ 12GB+256GB ราคา 1,399 ยูโร
ในงานเปิดตัว หัวเว่ยยังเผย HUAWEI FreeBuds Studio หูฟังตัดเสียงรบกวนแบบเฮดเซ็ตหรือครอบหูตัวแรกของแบรนด์และ PORSCHE DESIGN HUAWEI WATCH GT 2 พร้อมประกาศการวางจำหน่ายทั่วโลกของแว่นตาอัจฉริยะ HUAWEI X GENTLE MONSTER Eyewear II และ HUAWEI Sound Wireless Hi-Fi ลำโพงอัจฉริยะไร้สาย
