TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnist“จ่ายคนละครึ่ง” วันนี้ ... วันหน้า “จ่ายหนี้” เต็ม ๆ

“จ่ายคนละครึ่ง” วันนี้ … วันหน้า “จ่ายหนี้” เต็ม ๆ

ต้องยอมรับว่าโครงการ “คนละครึ่ง” ที่รัฐบาลช่วยชาวบ้านจ่ายเงินซื้อสินค้าครึ่งหนึ่ง สูงสุดวันละ 150 บาท หรือ 3,000 บาทตลอดโครงการ มีร้านค้าหลายแสนร้านเข้าร่วมกันอย่างคึกคัก ส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้าในตลาดและร้านค้าห้องแถวที่ไม่เข้าข่ายเข้าร่วมในโครงการรัฐที่ผ่านมา เรียกว่างานนี้ถึงมือร้านค้ารายย่อยระดับชุมชนจริง ๆ

นับว่าสอดคล้องกับจุดประสงค์โครงการที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และช่วยค่าใช้จ่ายของคนชั้นกลาง และคนมีรายได้น้อย ไว้จับจ่ายซื้อสินค้าจำพวกอาหารและเครื่องดื่ม ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งโครงการนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้ให้มีเงินสะพัดในระบบมากขึ้น 

“ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย” อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พูดถึงโครงการนี้ว่า “มาตรการคนละครึ่ง บรรเทาค่าครองชีพให้คนละ 300 บาท/วัน โดยรัฐจะจ่ายให้ครึ่งหนึ่ง หรือไม่เกิน 150 บาท/วัน รวม 10 ล้านคน วงเงิน 30,000 ล้านบาท ช่วยเพิ่มอำนาจซื้อให้ประชาชน น่าจะทำให้เงินหมุนในระบบได้ 2-3 รอบ หรือมากกว่า 60,000 ล้านบาท”

แม้จะเป็นโครงการที่ดีมาก ๆ แต่ในทางปฏิบัติก็มีปัญหา เนื่องจากพ่อค้าแม่ค้าบางคนหัวหมอ ฉกฉวยโอกาสและเอาเปรียบลูกค้า ด้วยการขึ้นราคาสินค้าทันที เพราะเห็นว่าอย่างไรลูกค้าก็จ่ายเพียงครึ่งเดียว อย่างร้านกาแฟหลาย ๆ ร้านเคยขายแก้วละ 60 ก็ขึ้นเป็น 65 หรือร้านขายอาหารตามสั่งก็ขึ้นราคาอีกจานละ 5 บาท ร้านข้าวแกงในตลาดปกติตักครั้งละ 35 บาท ตอนนี้ตักครั้งละ 40 บาท

ทั้งนี้คนที่ได้รับผลกระทบไม่เฉพาะคนที่เข้าโครงการคนละครึ่งเท่านั้น คนจ่ายเงินสดยิ่งกระทบหนักกว่า แต่สิ่งที่ชาวบ้านกลัวว่าหากหมดโครงการแล้วพ่อค้าแม่ค้าที่ขึ้นราคาไปแล้วคงยากที่จะลดราคาลงมา เป็นเรื่องธรรมชาติอะไรที่ขึ้นไปแล้วเอาลงลำบาก 

ข้อเสียอีกอย่างโครงการนี้ ทำให้พ่อค้าแม่ค้าในตลาดนัด คนขายอาหารทางออนไลน์ พวกรายเล็กจริง ๆ ถูกแย่งตลาด เท่าที่สอบถามแม่ค้าออนไลน์บางรายเคยขายได้วันละ 3 พันกว่าบาท หลังจากมีโครงการคนละครึ่ง ยอดขายเหลือแค่พันกว่าบาท เพราะโดน “ร้านค้าคนละครึ่ง” แย่งลูกค้า

แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด นั่นคือ ทำให้ “ชาวบ้าน” เสพติดการได้ของฟรี จนติดนิสัย เหมือนกับที่เคยเสพติดประชานิยม รัฐบาลก็พลอยเสพติดตามไปด้วย

ต้องคิดหามาตรการแปลก ๆ ใหม่ ๆ ลดแลกแจกแถม แบบพิศดารขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อมาเอาใจชาวบ้าน โดยไม่ต้องคิดเยอะ แค่แจกเงินก็ได้รับความนิยม ยิ่งคราวนี้ผลโพลล์ออกมาเรตติ้งรัฐบาลพุ่งสูงขึ้นจากโครงการ “คนละครึ่ง”

ตอนนี้ลุงตู่จึงเตรียมเร่งอัดฉีดมาตรการลด แลก แจก แถม โดยเตรียมขยายโครงการ “คนละครึ่ง” เปิดโปรโมชันเพิ่มเฟส 2–3 ตามมา โดยที่ทั้งชาวบ้านและรัฐบาลลืมไปว่า เม็ดเงินที่ใช้นั้นต้องกู้มาโปะโครงการลด แลก แจกมาตลอด สักวันหนึ่งหากถึงจุดหมดรอบจะทำยังไงต่อไป

ตัวเลข “บัญชีประเทศ” สะท้อนชัดเจนว่า รายรับของประเทศที่เคยได้จากการส่งออกและการท่องที่ยว ทุกวันนี้รายได้จากทั้งสองทางแทบไม่มีเข้ามา ดังนั้น เม็ดเงินที่รัฐบาลนำมาแจกล้วนมาจากการ “ก่อหนี้” ทั้งสิ้น วันนี้อาจจะใช้จ่ายคนละครึ่ง แต่วันหน้าประชาชนต้องร่วมกันรับผิดชอบจ่ายหนี้ไปเต็ม ๆ

คนที่เป็นห่วงเป็นใยเรื่อง “หนี้” คนหนึ่งคือ “ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวปาฐกถาพิเศษ เมื่อเร็ว ๆ นี้ในหัวข้อ “ESG: Empowering Sustainable Thailand’s Growth”  ในงานสัมมนา ESG อนาคตประเทศไทยสู่ความยั่งยืนว่า 

“ที่ผ่านมาประเทศไทยเน้นการเติบโตของเศรษฐกิจที่ไม่คำนึงถึงเรื่อง ESG โดยเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตได้ในระยะสั้นเป็นหลัก เช่น ในภาคการท่องเที่ยวที่เน้นเชิงตัวเลข เน้นจำนวนคนเป็นหลัก โดยไม่ได้คำนึงถึงผลข้างเคียง หรือต้นทุนทางสิ่งแวดล้อม หรือการเน้นกระตุ้นการบริโภค เน้นให้เกิดการกู้ยืมเพื่อให้เกิดการใช้จ่าย เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น ส่งผลให้ตัวเลขเศรษฐกิจเติบโตได้ดี แต่ก็ไม่ได้คำนึงถึงผลข้างเคียงในเรื่องการก่อหนี้ครัวเรือน ที่ปัจจุบันอยู่ในระดับสูง และยังเป็นความเปราะบางของระบบเศรษฐกิจไทย”

หลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยเติบโตด้วยหนี้และยอดหนี้เพิ่มสูงขึ้นมาโดยตลอดสถานการณ์ประเทศไทยในอนาคตจึงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

ทวี มีเงิน

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ