TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistการมาของ Ethereum 2.0 จะส่งผลอย่างไรกับ Layer 2?

การมาของ Ethereum 2.0 จะส่งผลอย่างไรกับ Layer 2?

Ethereum 2.0 หนึ่งในการอัปเดตครั้งใหญ่ที่ผู้คนในวงการคริปโทเคอร์เรนซีกำลังเฝ้ารอกันอย่างตื่นเต้น และถูกคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปี ค.ศ. 2022 นี้

ตามทฤษฎีแล้ว การมาของ 2.0 จะทำให้เครือข่าย Ethereum มีความเร็วที่สูงขึ้น ประหยัดพลังงาน สามารถและรองรับธุรกรรมจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งน่าจะทำให้เครือข่ายที่มีการ Active เป็นอันดับที่ 1 อย่าง Ethereum กลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนรายย่อนอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เครือข่าย Layer 2 อย่าง Polygon (MATIC), Immutable X (IMX) ฯลฯ ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการทำงานของ Ethereum เวอร์ชันปัจจุบันที่กำลังประสบปัญหาด้านความล่าช้าของธุรกรรมและค่าธรรมเนียมที่สูงเนื่องจากจำนวนธุรกรรมที่มีมากเกินไปนั้น หลังจากการมาของ Ethereum 2.0 เครือข่าย Layer 2 เหล่านี้จะเป็นเช่นไร เรามาหาคำตอบกันได้ในบทความนี้เลย!

Ethereum 2.0 มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง?

อันดับแรกและน่าจะเป็นสิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจกันมากที่สุดสำหรับ Ethereum 2.0 นั่นคือการเปลี่ยนระบบฉันทามติจาก Proof-of-Work ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ไปสู่ Proof-of-Stake ที่บล็อกเชนรุ่นใหม่นิยมใช้กัน

การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้นักขุดในเครือข่าย Ethereum ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์กำลังประมวลผลสูง ๆ เพื่อขุดเหรียญอีกต่อไป แต่จะเปลี่ยนมาเป็นการล็อกเหรียญ (Stake) ไว้ในเครือข่าย โดยเครือข่ายจะสุ่มเลือกผู้ล็อกเหรียญให้มาตรวจสอบธุรกรรม เมื่อตรวจสอบธุรกรรมและสร้างบล็อกใหม่สำเร็จ ผู้ตรวจสอบก็จะได้รางวัลเป็นเหรียญ ETH และยิ่งล็อกเหรียญไว้เยอะก็มีโอกาสถูกเลือกมากขึ้นเท่านั้น

โดยเบื้องต้น ผู้พัฒนา Ethereum กำหนดให้ล็อกเหรียญ ETH ขั้นต่ำจำนวน 32 ETH ถึงจะสามารถร่วมเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรมได้ ซึ่งถือว่าเป็นมูลค่าที่สูงมากเลยทีเดียว แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงอีกหรือไม่ก็ต้องจับตากันต่อไป

และอีกอย่างที่น่าจับตาไม่แพ้กัน คือการพัฒนาสิ่งที่เรียกว่า Ethereum WebAssembly (eWASM) ซึ่งจะมีผลกับการเขียน Smart Contract บน Ethereum โดยตรง เนื่องจากปัจจุบัน Ethereum ใช้ Ethereum Virtual Machine (EVM) ในการเขียน Smart Contract ขึ้นมา ซึ่งต้องใช้ภาษา Solidity ที่เป็นภาษาสำหรับการเขียน Smart Contract บน Ethereum โดยเฉพาะ แต่ eWASM จะรองรับภาษาโปรแกรมที่เราคุ้นเคยกันอย่าง C, C++, และ Rust หมายความว่านักพัฒนาที่ไม่เชี่ยวชาญ Solidity ก็สามารถเข้ามาเขียน Smart Contract ได้ ซึ่งจะทำให้เครือข่าย Ethereum เติบโตขึ้นได้อีกอย่างมาก

นี่เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของสิ่งที่จะมาใน Ethereum 2.0 เท่านั้น เพราะผู้พัฒนายังมีแผนอัปเดตอื่น ๆ อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นระบบ Sharding ที่ทำให้เครือข่ายสามารถประมวลผลได้แบบคู่ขนาน (Parallel Processing) ทำให้การประมวลผลโดยรวมมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงการพัฒนาระบบที่ทำให้ Ethereum สามารถทำงานร่วมกับเครือข่ายบล็อกเชนอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เป็นต้น

Ethereum 2.0 จะทำให้ Layer 2 หมดความจำเป็นหรือไม่?

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจหน้าที่ของ Layer 2 กันก่อน โดย Layer 2 ก็คือเครือข่ายบล็อกเชนที่ทำหน้าที่สนับสนุนและแบ่งเบาภาระของเครือข่ายบล็อกเชนหลัก เช่น เครือข่าย Polygon (MATIC) ที่เป็น Layer 2 สำหรับ Ethereum โดย Layer 2 จะคอยรวบรวมธุรกรรมที่เกิดขึ้นบน Layer 2 จากนั้นจึงสรุปข้อมูลและส่งข้อมูลที่ถูกสรุปแล้วไปยังเครือข่ายหลักตามเวลาที่กำหนด การทำธุรกรรมบน Layer 2 ส่วนใหญ่จึงมีความเร็วสูงและค่าธรรมเนียมถูกกว่าเครือข่ายหลัก แต่อาจแลกมาด้วยความปลอดภัยที่น้อยกว่าเครือข่ายหลัก

แล้วการมาของ Ethereum 2.0 ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาความเร็วในการทำธุรกรรม ลดค่าธรรมเนียมให้ถูกลง ในขณะที่ยังคงความปลอดภัยของบล็อกเชนเอาไว้จะทำให้ Layer 2 หมดความจำเป็นลงหรือไม่?

คำตอบคือ Layer 2 ยังมีความจำเป็นอยู่อย่างแน่นอน นั่นก็เพราะ แม้ Ethereum 2.0 จะสามารถขยายขนาดให้สามารถรองรับจำนวนธุรกรรมที่มากขึ้นได้ แต่การขยายขนาดก็ยังคงมีขีดจำกัด ยิ่ง Ethereum ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่แล้วก็มีจำนวน Address กระเป๋าเพิ่มขึ้นกว่า 18.36 ล้านกระเป๋า หาก Ethereum ยังคงการเติบโตได้เช่นนี้ต่อไป Layer 2 ก็ยังคงมีความจำเป็นอย่างแน่นอน

ไม่ใช่แค่การแบ่งเบาภาระของเครือข่ายหลักเท่านั้น แต่ Layer 2 บางเครือข่ายยังทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่าง Ethereum กับเครือข่ายอื่น ๆ อย่าง Solana, Avalanche, Fantom เป็นต้น ทำให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมข้ามเครือข่ายได้ง่ายขึ้น และยังไม่นับโปรเจกต์ GameFi ต่าง ๆ ที่ความเร็วมีผลต่อการแพ้ชนะและรายได้ที่ผู้เล่นจะได้อีกด้วย ซึ่งหลาย ๆ เกมก็ใช้ Layer 2 ในการทำให้เกมของพวกเขามีความเร็วในระดับที่ตอบรับความต้องการของผู้เล่นได้

สรุป

Ethereum 2.0 คือการอัปเดตที่จะขยายขนาดและเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่าย Ethereum ให้สามารถรองรับธุรกรรมจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดค่าธรรมเนียม และรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย แต่การขยายขนาดก็ยังคงมีขีดจำกัด หาก Ethereuท ยังคงรักษาอัตราการเติบโตได้ดีต่อไป เครือข่าย Layer 2 ก็ยังมีความจำเป็นอยู่อย่างแน่นอน

อ้างอิง: Blockster, Cointelegraph, CryptoNews

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ