TH | EN
TH | EN
หน้าแรก Columnist คำถามถึง “กสทช.”

คำถามถึง “กสทช.”

ไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด สำหรับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีมติออกมา 2 ต่อ 3 ให้มีการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หลังจากเสียงเห็นชอบและคัดค้าน เสมอกัน 2 ต่อ 2 และของดออกเสียง 1 เสียง

ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. จึงใช้อำนาจตามข้อบังคับการประชุม กสทช. ออกเสียงอีกครั้งหนึ่งเพื่อชี้ขาดสนับสนุนการควบรวม จึงเป็นที่มาว่า ทำไมมติออกมาเป็น 3 ต่อ 2 ทั้งที่กรรมการประชุม 5 คนงดออกเสียง 1 คน

แต่ที่เป็นไฮไลท์ให้คนในสังคมวิพากษ์วิจารณ์ คือ กรณีที่คณะกรรมการ กสทช.สองคน คือ ประธานกสทช. และกรรมการอีกหนึ่งคน ยืนยันว่า กสทช.” ไม่มีอำนาจ “ในการอนุมัติ” ทำได้แค่ “รับทราบรายงาน” เท่านั้น ทั้งที่ ข้อ 8 ของประกาศฉบับ พ.ศ. 2549 ระบุว่าชัดเจนว่า

“การถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกัน ไม่ว่าจะในทางตรง ทางอ้อม หรือผ่านตัวแทน จะทำไม่ได้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการเสียก่อนแในกรณีที่พิจารณาแล้วเห็นว่าการถือครองธุรกิจนี้อาจส่งผลให้เกิดการผูกขาด หรือลด หรือจำกัดการแข่งขันในการให้บริการโทรคมนาคม คณะกรรมการสามารถสั่งห้ามการถือครองกิจการได้”

ที่สำคัญ ที่ประชุมเสียงข้างมากคือ ประธานและกรรมการอีกหนึ่งคน เห็นว่า การควบรวมธุรกิจในกรณีนี้ “ไม่เป็นการถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกัน” สวนทางกับกรรมการเสียงข้างน้อยอีก 2 ท่านที่เห็นต่าง ว่า “เป็นการถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกัน”

สิ่งที่คนสงสัยคือทั้ง ทรูและดีแทค ไม่ใช่ธุรกิจประเภทเดียวกันตรงไหน คนไทยรับรู้กันมาโดยตลาดว่าผู้ประกอบการทั้งสองค่ายนี้ คือ เบอร์ 2 และเบอร์ 3 ในธุรกิจโทรคมนาคม และเป็นคู่แข่งที่ขับเคี่ยวกันอย่างถึงพริกถึงขิง

อีกประเด็นที่คนสงสัยกันมาก คือ การลงมติครั้งนี้จะถือว่าผิดหลักการหรือไม่ เพราะประเด็นการพิจารณาเป็นเรื่องของ “กิจการโทรคมนาคม” แต่กรรมการกสทช. ทั้ง 5 คนที่พิจาณาในวันนั้น ไม่มีคนใดที่เป็นกรรมการในสายของกิจการโทรคมนาคม เนื่องจากกรรมการด้านนี้ ยังอยู่ระหว่างการสรรหา ซึ่งต้องใช้เวลาอีกประมาณ 1 เดือน นั่นแปลว่ามติที่ออกมาไม่ได้มีผู้เชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ด้านนี้ร่วมพิจารณา  

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ส่งผลกระทบกับผู้บริโภค 60-70 ล้านคน ที่อาจจะต้องใช้บริการแพงขึ้น ยังกระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจประเทศเพราะจะทำให้ต้นทุนผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น ย่อมมีผลต่อการตัดสินใจลงทุน เกิดเงินเฟ้อและกระทบจีดีพีของประเทศ  ทำไมไม่รอให้มีกรรมการด้านกิจการโทรคมนาคม ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญโดยตรงเสียก่อน 

อย่างที่คาดเดาทิ้งไว้เมื่อตอนที่แล้วว่า งานนี้ออกได้ 3 ทาง คือ แนวทางแรก หากกสทช.เห็นว่าการรวมธุรกิจไม่ก่อให้เกิดการผูกขาด สามารถมีคำสั่ง “อนุญาต” ให้ควบรวมได้โดยไม่มีเงื่อนไข แนวทางที่ 2 กสทช. เห็นว่าการรวมธุรกิจก่อให้เกิดการผูกขาด สามารถมีคำสั่ง “ห้ามการรวมธุรกิจ” และแนวทางที่ 3 หาก กสทช.เห็นว่า การรวมธุรกิจก่อให้เกิดการผูกขาด แต่สามารถกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเพื่อแก้ไขการจะก่อให้เกิดการผูกขาดได้ สามารถอนุญาตให้มีการรวมธุรกิจ และกำหนดเงื่อนไขเอาไว้

การที่ กสทช.เลือกแนวทาง อนุญาตให้ควบรวม แต่มีเงื่อนไข นั่นแสดงว่า รู้ทั้งรู้ว่า หากให้ผู้ประกอบการทั้งสองรายควบรวมกันย่อมเกิดการผูกขาดแน่ ๆ จึงมีเงื่อนไขกำหนด เช่น มาตรการกำกับราคาเฉลี่ยในอนาคต รวมถึงการเฉลี่ยต้นทุน ข้อกำหนดโปรโมชันราคาถูกสำหรับผู้มีรายได้น้อย และหลังจากควบรวมสำเร็จ จะมีการปฏิรูปสำหรับผู้มีอำนาจเหนือตลาด ทาง กสทช.ต้องออกเงื่อนไขใหม่เพื่อให้อยู่ภายใต้กติกาเดียวกัน เป็นต้น 

ด้าน รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย กรรมการ กสทช. ด้านเศรษฐศาสตร์เป็นกรรมการเสียงข้างน้อยที่คัดค้านการควบรวมให้ความเห็นส่วนตัวไว้ตอนหนึ่งว่า “ดังนั้น การรวมธุรกิจระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นการดำเนินการที่มีความเสี่ยงสูงที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สาธารณชน และสังคมโดยรวม

ทั้งนี้ ประโยชน์จากการรวมธุรกิจยังขาดความชัดเจนว่า ประชาชนจะได้รับระโยชน์มากน้อยเพียงใดจากการรวมธุรกิจในครั้งนี้ ซึ่งในกระบวนการของการพิจารณาก็ได้พยายามประเมินผลดีของการรวมธุรกิจผ่านวิธีการต่าง ๆ แต่ผลยังไม่ปรากฎเป็นที่แน่ชัดที่มาบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดต่อสาธารณชน เศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาประเทศได้

“จากการศึกษาและประสบการณ์ในอดีตของประเทศต่าง ๆ ที่เกิดการรวมธุรกิจและเหลือผู้ประกอบการ 2 รายในตลาด พบว่า เงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะ (Remedies) ไม่สามารถป้องกันหรือลดทอนผลกระทบอันเกิดจากระดับการผูกขาดที่เพิ่มขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพได้”

แม้ว่า กสทช.จะกำหนดเงื่อนไขโดยอ้างว่า เป็นมาตรการไม่ให้ผู้บริโภคเสียเปรียบซึ่ง ในความเป็นจริง กสทช.ก็เคยประกาศใช้มาตรการต่าง ๆอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เคยกำกับดูแลได้จริง ๆ ยิ่งเมื่อตลาดผูกขาดมากขึ้น ย่อมทำให้การกำกับดูแลยากขึ้นตามไปด้วย คำถามคือ กสทช.จะกล้าใช้อำนาจหรือไม่

งานนี้ จึงเป็นเพียงการเล่นกลตบตาคนไทยทั้งประเทศ เพื่อแสดงให้เห็นได้ว่าการควบรวมจะไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อผู้บริโภค เพื่อปล่อยให้ผู้ประกอบการสามารถควบรวมได้ตามที่ต้องการ เท่านั้น

จึงอยากฟังคำอธิบายจากกรรมกรเสียงข้างมากว่า การควบรวมตามที่เสียงส่วนใหญ่เห็นชอบนั้นดีอย่างไร เป็นประโยชน์กับประชาชนในฐานะผู้บริโภคอย่างไร รวมถึงการควบรวมดีกว่าการให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรีอย่างไร

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
0ผู้ติดตามติดตาม

Lastest News

AGS ร่วมกับ DIPT ติดปีกสินค้าไทย ขายออนไลน์ข้ามพรมแดนกับ Amazon

อเมซอน โกลบอล เซลลิ่ง ร่วมกับ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เสริมศักยภาพภาคธุรกิจให้ได้รับประโยชน์จากขายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซ

สปสช. จับมือกรุงเทพมหานคร ใช้เทคโนโลยีจัดสรรสถานพยาบาลให้ผู้มีสิทธิบัตร

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล จัดสรรสถานพยาบาลประจำแก่ผู้มีสิทธิบัตรทองที่ยังไม่มีสถานพยาบาลประจำ 1.9 แสนคน

มาม่า โอเค เปิดตัว 2 รสชาติใหม่ ใช้ CHAT GPT ช่วยคิดไอเดียโฆษณา หวังเจาะกลุ่ม Gen Z

บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) เปิดตัวมาม่า โอเค 2 รสชาติใหม่ รสหม่าล่าเนื้อ และ เห็ดทรัฟเฟิล นำ CHAT GPT ต่อยอดไอเดียจัดทำเป็นภาพยนตร์โฆษณา

โตชิบ้า ยืนยัน ข่าวขายกิจการในต่างประเทศ ไม่กระทบกับการดำเนินธุรกิจในไทย

บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ ส่งจดหมายชี้แจง กรณีที่มีข่าวจากสำนักข่าวต่าง ๆ ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและทั่วโลก เกี่ยวกับ “บริษัท โตชิบา คอร์ปอเรชัน จำกัด ปิดดีล ขายกิจการมูลค่า 2 ล้านล้านเยน

SCB 10X เปิดเวที Hackathon เฟ้นหาทีมนักพัฒนา ขับเคลื่อนนวัตกรรมด้วยบล็อกเชน

เอสซีบี เท็นเอกซ์ (SCB 10X) เปิดเวที “BANGKOK BLOCKATHON 2023” ภายใต้แนวคิด “Blockchain for the Next Billion Users”

GRAMMY x RS ตั้งบริษัทร่วมทุน เตรียมจัด 3 คอนเสิร์ตใหญ่ ก.ค.- ต.ค. นี้ เมืองทองธานี

GMM MUSIC และ RS MUSIC ประกาศจัดตั้ง กิจการร่วมค้าอะครอสเดอะยูนิเวิร์ส (Across The Universe Joint Venture) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมจัดซีรีส์คอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์

AWS เชื่อมั่นตลาดคลาวด์พุ่งไม่หยุด เล็งเติบโตต่อเนื่อง ล่าสุดส่ง ‘Lift’ ลุย SMB

อัตราการเติบโตของคลาวด์ในประเทศไทย ปี 2023 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นกว่า 30% AWS เชื่อมั่นแผนรับมือที่ดำเนินการมาต่อเนื่อง ทั้งเพิ่มคู่ค้า จัดทีมดูแลลูกค้าเฉพาะกลุ่ม

Blendata เปิดบริการ Analytics as a Service ในรูปแบบ Pay Per Use

เบลนเดต้า (Blendata) เปิดตัวบริการใหม่ Analytics as a Service บริการวิเคราะห์ข้อมูลครบวงจร รองรับทุกความต้องการด้าน Data Analytics ในรูปแบบการคิดค่าบริการตามการใช้งานจริง

เซ็นทรัลพัฒนา ผนึก WeChat Pay จัดแคมเปญใหญ่ ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผนึก WeChat Pay ผู้ให้บริการ E-Wallet รายใหญ่จากประเทศจีน มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวก รวดเร็ว

ดีป้า จับมือพันธมิตร เปิดตัว Tech Thailand แพลตฟอร์มชุมชนคนสายเทค

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ร่วมกับ บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด และ บริษัท มิสเตอร์ฟ็อกซ์ จำกัด ร่วมเปิดตัว Tech Thailand

MUST READ

‘พี.วี.ที. แมนูแฟคเจอริ่ง’ ยิ่งเจ็บ ยิ่งโต โตแบบยั่งยืน

‘พี.วี.ที. แมนูแฟคเจอริ่ง’ บริษัทรุ่นลูกที่เติบโตแบบคิดนอกกรอบในการทำธุรกิจด้วยโมเดล Solution Provider มีความโดดเด่นด้าน Innovative Enterprise ซึ่งเป็น 1 ใน 6 สุดยอดบริษัทที่ได้รับรางวัลจาก ‘Bai Po Business Awards by Sasin’

เปิดเคล็ดลับการครองตลาด และกลยุทธ์เอปสัน กับ ‘ยรรยง มุนีมงคลทร’

“ไม่ยึดติดกับความสำเร็จในอดีต” คำบอกเล่าที่เรียบง่าย แฝงความถ่อมตัว ของ ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด

สถาบันโรคหัวใจบำรุงราษฎร์ เป็นมากกว่าสถานที่รักษา

โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทยและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยพบผู้เสียชีวิตมากถึงปีละ 70,000 ราย การคิดค้นวิธีการรักษาใหม่ ๆ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ

Blendata เปิดบริการ Analytics as a Service ในรูปแบบ Pay Per Use

เบลนเดต้า (Blendata) เปิดตัวบริการใหม่ Analytics as a Service บริการวิเคราะห์ข้อมูลครบวงจร รองรับทุกความต้องการด้าน Data Analytics ในรูปแบบการคิดค่าบริการตามการใช้งานจริง
Newsletter

สนใจรับข่าวสารจาก The Story Thailand อัพเดตก่อนใคร สมัคร Newsletter กับเราเพียงกรอกอีเมลเท่านั้น