TH | EN
TH | EN
หน้าแรกInterview‘ติงส์ออนเน็ต’ กับภารกิจขับเคลื่อน IoT ไทย

‘ติงส์ออนเน็ต’ กับภารกิจขับเคลื่อน IoT ไทย

เพราะมองเห็นช่องว่างและโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรม IoT ไทย อีกทั้งต้องการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมไทยให้ก้าวไปสู่อุตสาหกรรมอัจฉริยะ Thailand 4.0 อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการนำเสนอโซลูชันภายใต้แนวคิว Make it simply จึงเป็นที่มาของ ‘ติงส์ออนเน็ต’ บริษัทผู้ให้บริการ IoT โซลูชันแบบครบวงจรของคนไทย เพื่อคนไทย

ปวิณ วรพฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ติงส์ ออน เน็ต จำกัด เปิดเผยกับ The Story Thailand ถึงมุมมองวิสัยทัศน์ขององค์กรที่ต้องการนำเอาเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) เข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศ และผลักดันเมืองอัจฉริยะให้ไทยเป็นสมาร์ทซิตี้ สร้าง 100 เมือง 76 จังหวัด ภายในปี 2565 โดยการทำให้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันผู้คน เพิ่มศักยภาพและยกระดับขีดความสามารถให้กับหน่วยงานภาครัฐ องค์กรธุรกิจ และอุตสาหกรรมด้านต่าง ๆ จนบรรลุเป้าหมาย 

“ผมมองว่า Big Data และ Data Analytic กำลังเป็นเมกกะเทรนด์ของโลกที่จะมีส่วนผลักดันตัวเลขจีดีพีไทยให้สูงขึ้น ยิ่งในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่มีการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปในช่วงวิกฤตินี้ ยิ่งทำให้เราอยากเร่งผลักดัน IoT ให้เกิดขึ้นในทุกภาคส่วน”

สิ่งที่ต้องทำก่อนจะก้าวเข้าสู่ Thailand 4.0 ต้องมีการเตรียมความพร้อมของข้อมูล (Big Data) ให้ดี ก่อนก้าวไปสู่แมชชีน เลิร์นนิ่ง (Machine Learning) หรือการทำ AI ต้องทำให้ผู้บริโภคเห็นว่า IoT เป็นเรื่องง่ายที่จะเข้ามาอยู่ใกล้ตัวพวกเราทุกคน คนที่ต้องการใช้งานสามารถซื้อขาย หรือเช่าซื้อได้ง่าย ๆ เมื่อใดก็ได้ที่ต้องการ 

‘ติงส์ออนเน็ต’ เข้าไปให้คำปรึกษาการวางแผนเชิงกลยุทธ์ให้แก่ลูกค้าตั้งแต่ระดับเอสเอ็มอีไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ตั้งแต่ภาคการผลิตไปจนถึงโรงงานอุตสาหกรรม ช่วยเหลือด้านการวิจัยและพัฒนา ตลอดจนการออกแบบอุปกรณ์เซ็นเซอร์ ซึ่งจะช่วยยกระดับการพัฒนาที่ยั่งยืนในชุมชนและด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศ

“เราเป็นผู้ให้บริการเครือข่าย Sigfox Operator ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายระยะไกลแบบประหยัดพลังงาน (Low Power Wide Area Network) จากประเทศฝรั่งเศษ ที่มีเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่ 72 ประเทศทั่วโลก มีเซ็นเซอร์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมกับธุรกิจ กว่า 1,000 ประเภท”

ปวิณ กล่าวว่า บริษัทมีความพร้อมด้าน Innovation Knowledge Management สำหรับผู้ที่สนใจ ซึ่งถือเป็นองค์กรแรกที่มี Full Stage ของ IoT ทั้งสมาร์ทดีไวซ์ เซ็นเซอร์ เน็ตเวิร์ก แพลตฟอร์ม ระบบประมวลผลข้อมูล ระบบคลาวด์ สิ่งที่ทำอยู่ คือการเสริมสร้างนวัตกรรมให้เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย การให้ความรู้ความเข้าใจในการทำเทคโนโลยีมาใช้ ทำให้ทุกภาคส่วนเห็นถึงความสำคัญของการเอาข้อมูล Big Data ไปใช้วิเคราะห์ วางแผน และปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจแบบยั่งยืน การเตรียมความพร้อมข้อมูล Big Data ที่ดี จะส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจ เพราะจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มยอดขายในระยะยาวได้

IoT เปลี่ยนโลก

ปัจจุบัน IoT ถูกนำมาใช้ในหลาย ๆ ภาคส่วน ตั้งแต่ภาคภาคการเกษตร การผลิตไปจนถึงโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ปวิณ ยกตัวอย่าง 3 ไฮไลท์หลัก ที่เห็นอย่างเป็นรูปธรรมแล้วและมีตัวเลขการเติบโตสูง คือ

1.สมาร์ทซิตี้ สมาร์ทบิวดิ้ง (Smart City, Smart Building) เสาไฟถนนอัจฉริยะ ที่มีความสำคัญมากต่อการดำเนินชีวิต  และช่วยลดการเกิดปัญหาอาชญากรรม ด้วยการนำเซ็นเซอร์ไปติด ช่วยให้สามารถตรวจสอบปัญหาของระบบไฟได้ ในต่างจังหวัดที่มีการเพาะปลูก ไฟบางดวงมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช บางพื้นที่เกษตรกรต้องนำถุงไปคุมเสาไฟเพื่อไม่ให้ผลผลิตของตนได้รับผลกระทบจากแสงไฟ การนำ IoT มาใช้จะช่วยให้ผู้ดูแลสามารถสั่งปิด-เปิดไฟเฉพาะดวงได้ผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์ หรือการบริหารจัดการอาคาร เพียงแค่นำอุปกรณ์ไปติดตั้งตามจุดต่าง ๆ ก็สามารถตรวจสอบจำนวนคนเข้าออกฟิตเนส ตรวจสอบคุณภาพน้ำในสระว่ายน้ำ ตรวจสอบคุณภาพความชื้นของดินในสนามเพื่อลดการเวลาช่วยลดการทำงานของเจ้าหน้าที่ ประหยัดต้นทุน

2. การขนส่งสินค้า (Logistic & Transportation) ที่กลายปัจจัยหนึ่งในการดำเนินชีวิต ยิ่งในช่วงโควิดที่ผ่านมาเห็นได้ชัดเจนจากการที่คนหันมาสั่งสินค้าออนไลน์กันมากขึ้นทั้ง ฟู๊ด เดลิเวอรี่ การซื้อขายสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงบริการต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบ B2B และ B2C จนไปถึงธุรกิจส่งออกที่มีตัวเลขการเติบโตสูง เราสามารถนำเซ็นเซอร์ไปติด เพื่อตรวจสอบสถานะสินค้า ตรวจสอบอุณหภูมิของตู้แช่ของรถขนส่งสินค้า สามารถควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมกับสินค้าแต่ละประเภท ซึ่งไทยก็ถือเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระดับต้น ๆ ของเอเซีย ส่วนหนึ่งเพราะไทยมีเทคโนโลยีที่ดี แต่สามารถทำให้มันดีขึ้นอีกด้วย IoT 

3) บริการเพื่อสุขภาพ (Healthcare) ไทยถือเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านการบริการโรงพยาบาลระดับโลก ไทยสามารถนำ IoT ไปตอบโจทย์การให้บริการให้มันดียิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการ  นอกจากนี้ ไทยยังกำลังเข้าสู่ Aging Society ทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนบุคลากรการแพทย์ ซึ่งอาจต้องพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น ซึ่งสามารถอยู่บ้านคุยกับหมอผ่านทางช่องทางออนไลน์ และรอรับยาได้จากที่บ้าน 

ในส่วนของการจัดเก็บและขนส่งการยาและเวชภัณฑ์จำเป็นต้องมีการควบคุมคุณภาพความร้อน ความเย็น และแสง หากไม่ได้มาตรฐานที่ดีจะทำให้เสื่อมสภาพ และประสิทธิภาพการสร้างภูมิคุ้มกันลดลง ‘ติงส์ออนเน็ต’ มีเทคโนโลยีที่ช่วยติดตามข้อมูลอุณหภูมิระหว่างการขนส่งตลอดเส้นทาง หากเกิดปัญหาไฟฟ้าดับ ตู้เย็นเสีย จะมีการแจ้งเตือนผ่านออนไลน์แอปพลิเคชัน

ที่เห็นได้ชัดคือภาคการเกษตร ใช้  IoT Solutions ในการขับเคลื่อนวงการเกษตรชุมชนด้วยระบบเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่าการเกษตรและปสุสัตว์นั้นมีปัจจัยแวดล้อมหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพอาการ  คุณภาพน้ำ คุณภาพดิน มีส่วนสำคัญอย่างมากในการเพิ่มผลผลิต เพื่อให้ได้คุณภาพที่เหมาะสม ยกตัวอย่างเช่น การต่อยอดพัฒนาโรงเรือนในฟาร์มเห็ดไทยเพื่อส่งออกไปยังตลาดโลก โดยใช้เซ็นเซอร์อัจฉริยะในการดูแล ควบคุม ความชื้นภายในโรงเรือนไม่ให้สูงเกินกว่าที่กำหนดไว้ และจะแจ้งเตือนเมื่อเกิดปัญหา 

การบริหารจัดการรถเช่า ติงส์ออนเน็ต เข้าไปช่วยยกระดับคุณภาพการบริการรถเช่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการ-ป้องกันการโจรกรรม โดยใช้อุปกรณ์ Asset tracker ที่สามารถส่งสัญญาณผ่านเครือข่าย Sigfox จีพีเอส ไวไฟ และบลูทูธ ซึ่งจะช่วยจำกัดขอบเขตการให้บริการการนำรถ-เข้าออก หากถูกนำออกนอกพื้นที่ หรือมีพนักงานนำรถของบริษัทออกไปใช้นอกเวลางาน จะมีการแจ้งเตือนผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ หรืออีเมล์ รวมถึงการการตรวจสอบสถานะรถยนต์ว่ารถคันไหนถึงเวลาเข้าศูนย์บริการเพื่อเช็คระยะได้

สร้าง Ecosystem เพื่อความยั่งยืน 

หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของ ‘ติงส์ออนเน็ต’ ที่น่าสนใจ คือ การสร้างอีโคซิสเต็มให้เกิดขึ้นกับธุรกิจ ผ่าน Co Partnership และ Local Partner ที่ปัจจุบันมีมากกว่า 51 รายในทุกภาคอุตสาหกรรม ซึ่ง ปวิณ ยอมรับว่า ไม่สามารถเดินได้ตามลำพัง พาร์ทเนอร์แต่ละรายมีองค์ความรู้ที่แตกตางกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการน้ำ ไฟฟ้า เฮลท์แคร์ โลจิสติก แมนูแฟคเจอริ่ง หรืออื่น ๆ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ในทุก ๆ ภาคอุตสาหกรรม

ไม่เพียงแต่พาร์ทเนอร์ด้านธุรกิจ แต่ปวิณยังให้ความสำคัญกับพาร์ทเนอร์ด้านการศึกษา ในการสร้างบุคลากรเพื่อป้อนสู่ตลาด IoT โดยถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยี IoT และเทคโนโลยีของ Sigfox เพื่อไปขยายผลต่อจนเกิดเป็นรูปธรรม โดยทำงานร่วมกัยสถาบันการศึกษาชั้นนำของไทยอาทิ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลิเทคนิคลานนา เชียงใหม่ มหาวิทยาลัยสยาม รวมถึงสมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย สมาคมไทยไอโอที และหน่วยงานภาครัฐและเอกชน  

ล่าสุด ‘ติงส์ออนเน็ต’ เพิ่งจะคว้ารางวัลสุดยอดองค์กรด้านนวัตกรรมและองค์ความรู้ Thailand SILVER MIKE Award 2021 ที่มอบให้กับบริษัทที่สามารถบูรณาการองค์ความรู้เทคโนโลยี สร้างสรรค์นวัตกรรมที่โดดเด่น มีศักยภาพและความสามารถที่จะพัฒนาและแปลงทรัพย์สินทางปัญญาไปสู่ผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชันที่เหนือกว่าคู่แข่งแบบก้าวกระโดด  ตอกย้ำการเป็นองค์กรผู้สร้างนวัตกรรมไอโอทีที่น่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

อศินา พรวศิน – สัมภาษณ์
สุมณี อินรักษา – เรียบเรียง

ดร.จิรวัฒน์ ตั้งปณิธานนท์ ผู้หลงรัก Fundamental Truth กับ Quantum เปลี่ยนโลก

“สุวิตา จรัญวงศ์” หญิงเก่งแห่ง ​Tellscore

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ