TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessอาร์เอส กางแผนปี 65 มุ่งเทคโนโลยีบล็อกเชนเต็มตัว ตั้งเป้าดันรายได้โตกว่า 5,000 ล้านบาท

อาร์เอส กางแผนปี 65 มุ่งเทคโนโลยีบล็อกเชนเต็มตัว ตั้งเป้าดันรายได้โตกว่า 5,000 ล้านบาท

บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ อาร์เอส กรุ๊ป เปิดบ้านแจงกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจประจำปี 2565 ให้กับนักลงทุนและบุคคลทั่วไปที่สนใจ มั่นใจปีนี้ยังขยับตัวเติบโตต่อไปได้ ด้วยการมุ่งสู่เทคโนโลยีบล็อกเชนแบบเต็มตัว ที่จะนำมาเสริมโมเดลธุรกิจ เอ็นเตอร์เทนเมิร์ซ (entertainmerce) ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ตั้งเป้าเดินหน้าสยายปีกรุกคืบทุกธุรกิจครอบคลุมทุกคอนเทนต์ พร้อมจัดการแปลงทรัพยาการอาร์เอสให้พร้อมช่วงชิงประโยชน์และโอกาสจากโลกเศรษฐกิจดิจิทัล 

สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้อาร์เอสปรับโมเดลธุรกิจครั้งใหญ่ ซึ่งหมายถึงการทำธุรกิจแบบ เอ็นเตอร์เทนเมิร์ซ ซึ่งในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา โมเดลเอ็นเตอร์เทนเมิร์ซ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า อาร์เอสกรุ๊ปมาถูกทางแล้ว ดังนั้น ในปี 2565 เอ็นเตอร์เทนเมิรซ์ของอาร์เอสจะเป็นรูปแบบที่ชัดเจนมากขึ้น สมบูรณ์มากขึ้น และไร้รอยต่อยิ่งขึ้น ซึ่งการเปิดตัวป๊อบคอยน์เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม ในฐานะสมาร์ทมาร์เก็ตติ้งแพลตฟอร์มจะทำให้ระบบนิเวศขของอาร์เอสกรุ๊ปขยายใหญ่ และมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงเป็นการสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจในเครืออาร์เอส 

“เอ็นเตอร์เทนเมิร์ซ ทำให้เรารู้ว่า การทำธุรกิจต้องมีความแตกต่างหลากหลาย และความแตกต่าง ทำให้เราแข็งแกร่ง และมีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตต่อไปได้ แต่ต่อให้ไปได้ดีอย่างไร เราก็ต้องไม่หยุดที่จะพัฒนา ซึ่งการพัฒนาต่อจากนี้ของอาร์เอส นอกจากการหาเทคโนโลยีนวัตกรรมแล้วยังหมายรวมถึงการสรรหาพาร์ทเนอร์ใหม่ ๆ เพื่อขยายระบบนิเวศของอาร์เอสให้ครอบคลุมมากขึ้น” สุรชัย กล่าว 

ทั้งนี้ ในส่วนของเทคโนโลยีนวัตกรรม ปีนี้อาร์เอส กรุ๊ป ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายสำหรับผู้บริโภคอยู่เหมือนเดิม แต่จะหันมาให้น้ำหนักกับรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดิจิทัลโปรดักส์ ดิจิทัลคอนเทนต์ และดิจิทัลเซอร์วิส โดยผ่านการทำงานของป๊อบคอยน์เพื่อยกระดับให้ อาร์เอส กรุ๊ป เป็นองค์กรที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจ โดยกลุ่มลูกค้าหลักยังเป็นกลุ่ม Baby Boomer, Gen X และ Gen Y ตอนต้นเหมือนเดิม เพียงแต่จะมีการใช้เทคโนโลยีของป๊อปคอยน์ทำให้ลูกค้าได้รับผลประโยชน์จากอาร์เอสมากขึ้นหรือมีช่องทางเข้าถึงใกล้ชิดกับบริษัทมากขึ้น 

ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีบล็อกเชนยังจะเป็นช่องทางเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ อย่าง Gen Y ตอนปลาย Gen Z และ Alpha ซึ่งชื่นชอบการใช้เทคโนโลยี และ ปรับตัวประยุกต์ใช้เทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการใช้ป๊อปคอยน์จะดึงให้ลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งและรู้จักอาร์เอส กรุ๊ป ได้สะดวกมากขึ้น ยังไม่นับรวมสิทธิพิเศษอีกมากมายที่จะได้รับจากการเป็นป๊อบสเตอร์ (Popster) ในคอมมูนิตี้ของป๊อปคอยน์

“ป๊อบคอยน์ คืออาวุธสำคัญของการเปลี่ยนผ่านอาร์เอส กรุ๊ปให้เข้าสู่โลกยุคดิจิทัล ผมบอกได้ว่า ปี 2565 นี้ จะเป็นปีที่อาร์เอสจะสามารถเก็บเกี่ยวและต่อยอดจากโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่เราได้ปูไว้ พูดได้ว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คือการวางรากฐานเตรียมความพร้อม ดังนั้นในปีนี้ก็คือการเริ่มต้นเก็บเกี่ยวและเติบโต”

ขณะเดียวกัน ในส่วนของการหาพันธมิตรทางธุรกิจ สุรชัยกล่าวชัดเจนว่า เป็นอีกหนึ่งแนวทางสำคัญของโลกธุรกิจยุคใหม่ที่บริษัทองค์กรทั้งหลายต้องจับมือแล้วโตไปด้วยกัน โดยการร่วมมือจะช่วยให้ระบบนิเวศ มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะสอดคล้องและตอบโจทย์เป้าหมายการเติบโตของอาร์เอสกรุ๊ปในปี 2565 นี้ ที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน 

“การร่วมลงทุนจะช่วยให้อาร์เอสมีธุรกิจที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ และช่วยในการสร้างแบรนด์ให้กับกลุ่มธุรกิจในเครือให้เป็นที่รู้จักและมีช่องทางในการเข้าถึงได้มากขึ้น”

ทั้งนี้ สุรชัย หรือ เฮียฮ้อ ยังใช้โอกาสนี้ ชี้แจงถึง 4 กลยุทธ์สำคัญที่ใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทในระยะยาว คือ 1) การสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลด้วยโมเดลเอ็นเตอร์เทนเมิร์ซ โดยการสร้างแพลตฟอร์มเชื่อมโยงอีคอมเมิร์ซและออนไลน์คอนเทนต์ ให้น้ำหนักกับดิจิทัลคอนเทนต์ และนำสินทรัพย์ของอาร์เอสมาแปลงเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อสร้างรายได้ใหม่ ๆ หรือใช้ประโยชน์ได้สูงสุด และใช้ป็อปคอยน์เป็นเครื่องมือสำคัญในการแปลงสินทรัพย์ของอาร์เอส กรุ๊ปให้เป็นโทเคนดิจิทัลบนบล็อกเชน

2) เมื่อสามารถแปลงและเชื่อมต่อคอนเทนต์และสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างครบวงจรแล้ว จะทำให้อาร์เอส กรุ๊ปเป็นบริษัทแห่งข้อมูล ที่สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์และใช้งาน เช่น ต่อยอดหาโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจ หรือ พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างเป็นต้น 

3) การยกระดับบรรดาบริษัทผลิตสินค้าในเครือของอาร์เอส กรุ๊ปให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ในตลาด (Mass Market) สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก และ 4) การเพิ่มมูลค่าให้แก่บริษัท ผ่านการควบรวม หรือร่วมลงทุนจับมือกับพันธมิตรใหม่ ๆ ในหลายวงการ รู้จักใช้ศักยภาพจากทุกธุรกิจในเครือเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด นำไปสู่การสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศของอาร์เอสตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และคว้าผลตอบแทนจากการเข้าไปร่วมลงทุนในบริษัทที่จดทะเบียนหรือเข้าไปจะทะเบียนในตลาด ตัวอย่างเช่น ปีนี้ บริษัทที่อาร์เอสเข้าไปร่วมลงทุนและมีแผนที่จะออกหุ้นไอพีโอปีนี้คือ CHASE Asia 

“ปี 2565 คือเป็นโอกาสในวิกฤตที่จะมองหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ มีบริษัทคุณภาพดี ๆ มีความสามารถมากมายรอเราอยู่ เราเพียงเข้ามาช่วยเสริมจุดแข็ง ป้องกันจุดอ่อนของกันและกัน และช่วยให้เดินต่อไปข้างหน้าได้ ซึ่งอาร์เอสปีนี้มีแผนที่จะปิดดีลให้ได้อีก 2-3 ดีล ทั้งหมดเป็นพาร์ทเนอร์ในกลุ่มเอ็นเตอร์เทนและอีคอมเมิร์ซ เบื้องต้นตั้งงบไว้ที่ดีลละ 500-1,000 ล้านบาท”

ด้าน วิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน เปิดเผยว่า กุญแจสำคัญที่จะทำให้อาร์เอส กรุ๊ป ก้าวไปสู่เป้าหมายตามที่ตั้งไว้ในปี 2565 คือ การดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ LEAP โดย L ย่อมาจาก Lifestyle Wellbeing Solution, E คือ Entertainment Uplift, A คือ Asset Monetization และ P คือ Popcoin ซึ่งทั้งหมดจะนำพาอาร์เอสกรุ๊ปให้เติบโตก้าวกระโดดไปอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง

ทั้งนี้ สำหรับกลุ่ม Lifestyle Wellbeing Solution บริษัทจะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจคอมเมิร์ซ อย่าง อาร์เอส มอลล์ (RS Mall) มัลติแพลตฟอร์มช้อปปิ้งสินค้าเพื่อการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม มีการแบ่งสินค้าและบริการออกเป็น 4 กลุ่ม ซึ่งกลุ่มใหญ่สุด 60 % คือสินค้ากลุ่มบอดี้ เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและความงาม 

ขณะที่ อีก 5% คือกลุ่มมายด์ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต เช่น ไทยประกันชีวิต บุพพการีมีเงินใช้ (เพื่อเพื่อผู้สูงอายุ), ไทยพาณิชย์ โพรเทค ประกัน แคนเซอร์ พลัส และสินค้ามงคล เป็นต้น ขณะที่อีก 2 กลุ่มที่เหลือคือสินค้ากลุ่มบ้านและสัตว์เลี้ยงที่ 20% และสินค้ากลุ่มท่องเที่ยวและกิจกรรมทางสังคมอยู่ที่ 15% ซึ่งครึ่งหนึ่งของสินค้าที่วางขายในอาร์เอส มอลล์ เป็นของไลฟ์สตาร์บริษัทในเครืออาร์เอส กรุ๊ป ภายใต้แบรนด์ Well u (เวล ยู), Vitanature+ (ไวตาเนเจอร์พลัส), CAMU C (คามู ซี) และ Lifemate (ไลฟ์เมต) ขณะที่อีก 50% เป็นสินค้าของพาร์ทเนอร์ 

“สำหรับไฮไลท์ผลิตภัณฑ์ปีนี้เป็นสินค้าที่มีสารสกัดจากกัญชงและ CBD ที่จะทยอยออกมาในแต่ละแบรนด์ และนอกจากจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่าน RS Mall แล้ว ยังขยายช่องทางการจำหน่ายไปสู่ช่องทางการขายที่เหมาะสมกับแต่ละประเภทสินค้า เช่น ร้านสะดวกซื้อ โมเดิร์นเทรด ร้านค้าปลีก Specialty Store ร้านขายยา และเพ็ทชอป รวมถึงช่องทางอีคอมเมิร์ซด้วย ที่สำคัญยังนำ Popcoin มาเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นยอดขาย และสร้าง Engagement เพื่อให้แบรนด์ใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น”

ทั้งนี้ อาร์เอสกรุ๊ป มีแผนจะทำสินค้า sku ใหม่ภายใต้ 4 แบรนด์ดังกล่าว 28 ชิ้น และจะทยอยเปิดตัวในแต่ละไตรมาสตลอดทั้งปี ขณะที่กลุ่มสินค้ากัญชงจะเปิดตัวอีก 7-8 sku คือ อาหารเสริมกัญชง, ฟังก์ชั่นนอลดริงก์กัญชง และผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง พร้อมกระตุ้นยอดขายผ่านโปรแกรมสมาชิก โดยตั้งเป้าขยายฐานสมาชิกจาก 8 แสน ให้ได้ 1.2 ล้านราย 

ในส่วนของ E หรือ Entertainment Uplift ยกระดับธุรกิจสื่อและบันเทิง ที่มีอยู่ ไล่เรียงตั้งแต่ สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่จะอัดแน่นด้วยคอนเทนต์ละคร ข่าว และกีฬา โดยเฉพาะมวย ซึ่งจะเปิดมาตรการเชิงรุกผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมเพื่อสร้างฐานแฟนคลับ, สถานีวิทยุคูลลิซึ่มในฐานะช่องทางเพิ่มการมีส่วนร่วม การจัดกิจกรรมและการเก็บสะสมเหรียญป๊อบคอยน์, กลุ่มเพลง หรือ อาร์เอส มิวสิก ด้วยการทำคอนเทนต์ใหม่ ๆ ขึ้นไปวางบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้นเพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้กับธุรกิจ โดยจับมือกับพันธมิตรเพื่อออกซิงเกิ้ลใหม่ และยังสามารถฟังผ่านสตรีมมิ่งต่าง ๆ อาทิ Apple MUSIC, JOOX, Spotify และ TRUE ID รวมถึงพาร์ทเนอร์ AIS, DTAC และ TRUE 

นอกจากนี้ อาร์เอส ยังมีแผนขยายช่องทางสร้างรายได้ใหม่ ๆ ด้วย A หรือ Asset Monetization ซึ่งเป็นการแปลงสินทรัพย์ของอาร์เอสที่มีอยู่ เช่น การผลิตคอนเทนต์และร่วมจัดอีเวนท์ระดับโลก การเตรียมเข้าสู่ตลาด NFT ของอาร์เอส มิวสิค รวมถึงการสร้างออนไลน์คอนเทนต์ร่วมกับช่องทางศิลปินในสังกัด เช่น เบิ้ล ปทุมราช แห่งอาร์สยาม กับ รายการ MISSION เฮ็ดสิเบิ้ล และรายการน่ารักสัตว์สัตว์

และสุดท้ายก็คือ P หรือ Popcoin ซึ่งเป็นสมาร์ท มาร์เก็ตติ้ง แพลตฟอร์มที่นำ เทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาใช้สร้างโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจให้แก่ อาร์เอส กรุ๊ป รวมไปถึงการหาพาร์ทเนอร์ใหม่ ๆ ด้วย

วิทวัสย้ำว่า การใช้กลยุทธ์ทั้งในระยะยาวและระยะสั้นของ อาร์เอส กรุ๊ป จะเป็นการยกระดับโมเดลเอ็นเตอร์เทนเมิร์ซเพื่อให้ลูกค้าของอาร์เอสเกิดประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจ และดันให้อาร์เอสกลายเป็นองค์กรที่มีบิ๊กดาต้าใช้งานอย่งสมบูรณ์แบบ ส่งผลให้ อาร์เอส กรุ๊ป มีฐานข้อมูลลูกค้าที่ใหญ่ขึ้น สามารถวิเคราะห์และพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตและการขยายธุรกิจทั้งในแนวตั้งและแนวราบ ทำให้คาดการณ์ได้ว่า อาร์เอส กรุ๊ป จะมีรายได้รวมทะลุ 5,100 ล้านบาท ภายในปี 2565 นี้ โดยจะแบ่งเป็นกลุ่มคอมเมิร์ซ 2,750 ล้านบาท และกลุ่มมีเดียเอ็นเตอร์เทนเมนต์ 2,350 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนดิจิทัลทีวีและวิทยุ 1,400 ล้านบาท, ป๊อบคอย์และดิจิทัล 300 ล้านบาท, เพลง 325 ล้านบาท และคอนเสิร์ต-อีเวนต์อีก 325 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิจะอยู่ที่ประมาณ 14-15% ของรายได้

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

NUSA ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ลดสัดส่วนอสังหาฯ มุ่งลงทุนด้านสุขภาพและพืชสีเขียว

SkinX แอปฯหาหมอผิวหนังออนไลน์รายแรกของไทย รวมแพทย์ดังกว่า 200 คน

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ