เพราะพนักงาน คือองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของการดำเนินธุรกิจของ ‘เมโทรซิสเต็มส์’ เอสไอรายใหญ่แห่งหนึ่ง ที่อายุเฉียด 4 ทศวรรษ ล่าสุด เปิดตัวโครงการ “Metro Gen” คอมมูนิที่ให้พื้นที่พนักงานทุกเจเนอเรชันเกือบ 1,000 คนได้สร้างสรรค์ไอเดีย ดึงคนรุ่นใหม่ร่วมครีเอต Solution ใหม่ ควบคู่กับไปกับการลงทุนอย่างต่อเนื่องปีละ 30-40 ล้านบาทในเทคโนโลยีใหม่ ๆ และการปรับปรุงบรรยากาศการทำงานรองรับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนสู่ทศวรรษหน้า
จากผู้ใช้ที่ไม่ธรรมดาสู่ IBM VAR
ย่างก้าวของเมโทรในแวดวงไอที เริ่มจากการเป็นผู้ใช้ไอบีเอ็ม System/38 (1) คอมพิวเตอร์ 48 บิตเป็นรายแรกในเอเชียเมื่อปี 2528 ของแผนกคอมพิวเตอร์ บริษัท ศรีกรุงวัฒนา จำกัด ปีถัดมาก่อตั้งบริษัท เมโทรซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด อย่างเป็นทางที่บริเวณราชวงศ์ ได้รับการแต่งตั้งเป็น VAR ของไอบีเอ็ม
ปี 2539 นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปีต่อมา 2540 ปีเดียวกับที่เกิดวิกฤติต้มยำกุ้งได้ใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท ก่อตั้งเมโทรแคมปัส บนพื้นที่ 18 ไร่ใกล้สวนหลวง ร.9 ซึ่งเป็นที่ทำการถึงปัจจุบัน
พนักงานร่วมใจฝ่าวิกฤติ
ธวิช จารุวจนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมโทรซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น เล่าว่า ในช่วงวิกฤติบริษัทมีพนักงาน 300-400 คน ก็ได้เรียกประชุมแจ้งให้ทราบว่าไม่มีนโยบายให้ออก แต่ต้องปรับการทำงานใหม่
“พนักงานรวบรวมเงินมาให้บริษัทใช้ทำมาค้าขาย จากปกติจะทำเช่นนี้ไม่ได้ เพราะเป็นรูปแบบบริษัท แต่ผมไม่สนใจแล้ว ในเมื่อพนักงานมีใจให้ ผมก็เอา”
กิตติ เตชะทวีกิจกุล รองประธานกรรมการ บมจ.เมโทรซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น เล่าว่า ช่วงนั้นบริษัทจ้างบริษัทที่ปรึกษา PWC มาช่วยปรับปรุงระบบการทำงาน ทั้งระบบบัญชี และระบบบริหารจัดการให้เป็นมาตรฐานมากขึ้น โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องไม่เอาคนออก
บริษัทข้ามพ้นวิกฤติมาได้ และเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งรายได้และบุคลากรที่ปัจจุบันมีเกือบ 1,000 คน แบ่ง 4 เจเนอเรชัน 4 ทศวรรษ ซึ่งเจนแรกมีอยู่ไม่ถึง 10% ล้วนก้าวสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับต่าง ๆ ในบริษัท เจนสองประมาณ 20-30% เจนสามและสี่ถือเป็นบุคลากรส่วนใหญ่ และมากกว่าครึ่งอายุน้อยกว่า 30 ปี ส่งผลให้อายุเฉลี่ยพนักงานอยู่ที่ประมาณ 30 ปี
สร้างคอมมูนิตี้รวมพลังคนต่างเจน
สุรเดช เลิศธรรมจักร์ กรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจซอฟต์แวร์ โซลูชันส์ บมจ.เมโทรซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น บอกว่า จากความเชื่อของเมโทรซิสเต็มส์ที่ว่า “บุคลากร” เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมาย จึงสนับสนุนไอเดียของพนักงาน และผลักดันให้ไปสู่ความสำเร็จ
ปีนี้มีกลุ่มพนักงานหลากหลายแผนกรวมตัวกันนำเสนอแนวคิดสร้างคอมมูนิตี้เป็นศูนย์รวมคนทุก Generation
“คุณธวิช เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ เลยหาพื้นที่ให้ และให้พนักงานหาคนมาดำเนินการออกแบบพื้นที่เอง” สุรเดช เล่า
“ผมเอาพื้นที่อาคาร F ที่เดิมเคยเป็นศูนย์ฝึกอบรมโปรแกรมต่าง ๆ มาปรับปรุง เพราะเดี๋ยวนี้การอบรมการใช้งานซอฟต์แวร์ไม่ต้องมาที่ศูนย์แล้ว เอาพื้นที่มาทำคอมมูนิตี้ให้พนักงานพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนไอเดีย สร้างงานใหม่ ๆ กันดีกว่า พวกเขาดำเนินการกันเองเลยนะ หาคนมาออกแบบพื้นที่” ธวิช บอก
ล่าสุด เมโทรซิสเต็มส์ เปิดโครงการ MSC Community ภายใต้ชื่อ “Metro Gen” เป็น Metro Working Space บนพื้นที่กว่า 500 ตร.ม. ใช้งบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท ให้คนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ในบริษัทได้มีพื้นที่สร้างสรรค์ไอเดีย สร้างบรรยากาศการทำงานที่สนับสนุนแนวคิด นวัตกรรมที่ทันสมัย และแสวงหาธุรกิจใหม่ ๆ สำหรับรองรับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยต่อยอดธุรกิจของบริษัทได้ในอนาคต ทั้งเป็นการสานต่อวัฒนธรรมองค์กร “Metro Way” ที่มีอยู่เดิม
อย่างไรก็ตาม การเปิดพื้นที่นี้ขึ้น ยังรองรับนักศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ซึ่งปกติมาดูงานกันประจำแทบทุกเดือน ให้เข้าใช้พื้นที่ได้ โดยมุ่งหวังให้ Metro Gen เป็นเสมือนศูนย์รวมการขับเคลื่อนองค์กรให้เป็นผู้นำธุรกิจด้านไอทีผ่าน Gen U(EX) ประกอบด้วย Gen U (University) กลุ่มนิสิตนักศึกษา ที่จะเข้ามาร่วมเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่องค์กร Gen E (Employee) กลุ่มพนักงาน เพื่อสร้างความเป็นหนึ่งและความผูกพันต่อองค์กร มุ่งส่งเสริมให้พนักงานทำงานอย่างมีความสุข เพื่อเติบโตไปพร้อมกับองค์กร และ Gen X (Executive) กลุ่มผู้บริหาร เพื่อเพิ่มความใกล้ชิดกับพนักงานทุกระดับ ผ่านการถ่ายทอดประสบการณ์และปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรยุคใหม่
“เราสนับสนุนนักศึกษาด้วย อยู่ปี 2 ก็ได้ ถ้ามีไอเดียดี ๆ นำเสนอ และบอกกำหนดมาเลยว่า จะทำเสร็จในเมื่อไร เช่น 2 เดือน เราก็ให้ทุนสนับสนุนการทำงาน เรียกว่าเป็นอินคิวเบเตอร์ได้เลย” ธวิช กล่าว
สู่ทศวรรษหน้า กับเอไอ-คลาวด์
กิตติ บอกว่า การจะเติบโตอย่างยั่งยืน ก้าวสู่ทศวรรษที่ 40 และ 50 ต่อ ๆ ไปนั้น ในฐานะบริษัทไอที ซึ่งมีปัจจัยสำคัญ 2 ด้านคือ คน และอุปกรณ์เทคโนโลยี บริษัทต้องเกาะตามเทรนด์ของเทคโนโลยี โดยลงทุนเทคโนโลยีใหม่ ๆ ตลอดเวลา เพื่อให้บุคลากรได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และมีเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า สิ่งที่บริษัททำนั้นลูกค้าใช้ประโยชน์ได้
“แต่ละปี บริษัทลงทุน 30-40 ล้านบาท ในเรื่องเทคโนโลยีและการปรับปรุงบรรยากาศในที่ทำงาน”
กิตติ เชื่อว่า เทคโนโลยีเอไอ ยังไปได้อีกไกลมาก เพราะในมุมของธุรกิจจะนำ Data Analytics และเอไอไปใช้อีกมาก จากปัจจุบันมีแต่องค์กรใหญ่ๆ ที่ลงทุนใช้งานกัน แต่ธุรกิจขนาดกลางลงไปยังใช้กันน้อย ซึ่งนวัตกรรม The Superapp ที่บริษัทสร้างขึ้น ผนวกกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะช่วยลูกค้าขนาดกลางและเล็กลงไปได้
สุรเดช กล่าวว่า The Superapp เป็นการพัฒนาแอปพลิเคชันของบริษัท (IP) ที่สั่งสมมาตั้งแต่ยังเป็นแผนกคอมพิวเตอร์ในเครือศรีกรุง พัฒนาสู่แพลตฟอร์ม CRM และ ERP ซึ่งพร้อมให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่ ถือเป็นหนึ่งในทิศทางทางธุรกิจที่บริษัทดำเนินการมา 2 ปีและวางแผนสำหรับอีก 2 ปีต่อจากนี้ที่บริษัทมุ่งเน้น รวมถึงการให้บริการทางด้านไอทีที่บริษัทมีผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้บริการทุกด้าน เช่น บริการคลาวด์ (Cloud Service) ให้บริการพื้นที่จัดเก็บได้ยืดหยุ่นตามความต้องการ ลดการลงทุนในอินฟราสตรักเจอร์ แก่ลูกค้าที่ต้องการใช้บริการของผู้ให้บริการในประเทศ
“การที่ชิปขาดตลาด และยังมีแนวโน้มขาดอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจต่างๆ จึงยิ่งหันไปคลาวด์กันมากขึ้น ไม่ต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์เอง ซึ่งต้องใช้เวลารอนานหลายเดือน และประหยัดต้นทุน ในแง่รายได้ของบริษัท คลาวด์อาจทำให้มีรายได้น้อยลง แต่ผลกำไรมากขึ้น และเป็นความผูกพันระยะยาว” กิตติ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีพันธมิตรรายใหญ่ในตลาด ทั้งไอบีเอ็ม ฮิวเลตต์-แพคการ์ด ไมโครซอฟท์ อเมซอน หัวเว่ย และแบรนด์ชั้นนำระดับโลกอีกมาก เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าครบวงจร
สุรเดช เผยผลประกอบการปี 2565 เดิมตั้งเป้าการเติบโตทั้งปีไว้ 8% ซึ่งครึ่งปีแรกมีอัตราการเติบโต 21% กำไรสุทธิเพิ่ม 16% ที่ 136 ล้านบาท รายได้รวม 4,377 ล้านบาท
หมายเหตุ: (1) System/38 ออกสู่ตลาดปี 2521
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
META จับมือสอบสวนกลาง เปิดตัวฟีเจอร์ ช่วยตามหาเด็กหาย บน FACEBOOK และ INSTAGRAM
ลอรีอัลเปิดตัว SKINCAM ให้ลูกค้าวิเคราะห์สภาพผิวออนไลน์ด้วย AI บนแอปฯ SHOPEE
