ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีนักลงทุนหน้าใหม่ในกลุ่ม Gen Y ให้ความสำคัญกับการลงทุนและเรียนรู้มากขึ้น จะเห็นได้จากจำนวนการเปิดบัญชีหุ้นใหม่ในตลาดหลักทรัพย์และตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล รวมทั้งให้ความสนใจด้านการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มสูงมาก ซึ่งมีคำแนะนำสำหรับนักลงทุน 5 ข้อ ดังนี้
- รู้จักผลิตภัณฑ์ลงทุน (Investment Products) ข้อได้เปรียบสำหรับนักลงทุนยุคนี้ที่มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกลงทุนได้หลากหลายกว่าคนยุคก่อน ทั้ง ETFs, DR, กองทุนรวมในประเทศและต่างประเทศ, หุ้นรายตัว, DW, TFEX รวมไปถึง Cryptocurrency ซึ่งนักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจแต่ละผลิตภัณฑ์และวางแผนลงทุน รวมไปถึงวิเคราะห์ผลตอบแทนกับความเสี่ยงของทุกทุกสินทรัพย์ได้เอง
- วิเคราะห์ความถูกความแพงของแต่ละสินทรัพย์ได้ (Fundamental Analysis) นักลงทุนควรศึกษาและอ่านปัจจัยพื้นฐานและงบการเงิน ตลอดจนสามารถจัดกลุ่มสินทรัพย์ที่จะลงทุนได้ รวมไปถึงการคาดการณ์มูลค่าในอนาคต เพื่อค้นหาอัตราผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนต้องการหรือได้รับผลตอบแทนสูงสุด
- ค้นหาจังหวะของการลงทุนด้วยกราฟเทคนิคเป็น (Technical Analysis) จังหวะของการลงทุนแบ่งออกได้เป็น 3 ช่วง ได้แก่ ซื้อ (Buy) ถือ (Sell) หรือขาย (Hold) ซึ่งตามปกติควรจะมีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกันกับพื้นฐานของแต่ละสินทรัพย์ แต่โลกของการลงทุนแท้จริงนั้น นักลงทุนมีทั้งความโลภและความกลัวที่สะท้อนอยู่ในราคาตลอดเวลา ซึ่งเราสามารถใช้เครื่องมืออย่างกราฟของราคาหุ้นเข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ได้สะดวกยิ่งขึ้นในปัจจุบัน
- เข้าใจตัวเลขเศรษฐกิจเบื้องต้น (Economic Insight) ตัวเลขเศรษฐกิจฟของโลกล้วนมีผลต่อการลงทุน เพราะโลกเราถูกเชื่อมด้วยเงินลงทุนจากทุกประเทศและจากทุกสถานการณ์เข้าไว้ด้วยกัน รวมไปถึงเทรนด์ธุรกิจต่างก็มีทิศทางที่สอดคล้องกันและมีความสัมพันธ์กันตลอด นักลงทุนควรเข้าใจและวิเคราะห์ตัวเลขเศรษฐกิจเบื้องต้นได้เองเช่นเดียวกัน
- เพิ่มทักษะการใช้งานเครื่องมือลงทุนออนไลน์ (Investment Tools) ในยุคดิจิทัลแบบนี้ เครื่องมือหรือตัวช่วยในการลงทุนได้ถูกพัฒนาขึ้นมาหลากหลาย เพื่อตอบสนองต่อการใช้งานของนักลงทุนทุกกลุ่ม เพื่อใช้ในการวิเคราะห์พื้นฐานและเทคนิค รวมไปถึงการซื้อขายแบบอัตโนมัติที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้นักลงทุนไม่ต้องเฝ้าหน้าจออีกต่อไป จึงอยากแนะนำให้ศึกษาและเรียนรู้แพลตฟอร์มที่ช่วยพัฒนาการลงทุนของพวกเราให้ทันกับโลกในยุคปัจจุบันอยู่เสมอ
จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ไทยที่บ่งบอกว่ายุคนี้เรามีนักลงทุน Gen Y ซึ่งมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง มุ่งมั่นต่อความสำเร็จ และแสวงหาความก้าวหน้า ในขณะเดียวกันก็ต้องการใช้ชีวิตที่มีความยืดหยุ่น ชอบความท้าทาย พร้อมทั้งมีทักษะทางด้านดิจิทัลสูง เข้ามามีบทบาทในตลาดหุ้นสูงที่สุด คิดเป็น 61% ของจำนวนนักลทุนใหม่ทั้งหมด และเป็น 54% ของมูลค่าซื้อขายของบุคคลใหม่ทั้งหมด ทั้งนี้ ในปี 2564 ถือเป็นครั้งแรกที่กลุ่มนักลงทุน Gen Y มีสัดส่วนมูลค่าซื้อขายสูงเกินกว่าครึ่งหนึ่ง จากเดิมที่อยู่ระดับใกล้เคียงหรือน้อยกว่า
Gen X จึงอยากเชิญชวนให้เข้ามาเรียนรู้การลงทุนในโครงการ The Stock Master ที่จะจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 ซึ่งเป็นหลักสูตรการเรียนรู้ที่จะเน้นการพัฒนาให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถวางแผนทางการเงินและการลงทุนสำหรับนักลงทุนมือใหม่ได้อย่างครบเครื่อง แบบ “รู้จริงกับสนามจริง” สนใจอ่านรายละเอียดได้ที่ www.bualaung.co.th/thestockmaster หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 2618 1111
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
รายงาน BLS Top Funds แนะ 3 กองทุนเด่นโค้งสุดท้ายของปี 2565
