TH | EN
TH | EN
หน้าแรก Interview พัฒนาการอินเทอร์เน็ตไทย ในมุมมอง “ศ.ดร.กาญจนา กาญจนสุต”

พัฒนาการอินเทอร์เน็ตไทย ในมุมมอง “ศ.ดร.กาญจนา กาญจนสุต”

กว่า 3 ทศวรรษที่ประเทศไทยและคนไทยได้สัมผัส รู้จัก และใช้งาน “อินเทอร์เน็ต” จนคุ้นเคย กระทั่งกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ของการดำรงชีวิตที่ขาดไม่ได้ เพราะไม่เพียงแต่ทำให้ชีวิตมีความสะดวกสบายมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นฐานที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมในอีกหลายด้าน ไล่เรียงตั้งแต่ด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยีนวัตกรรม การแพทย์ ไปจนถึงการศึกษา   

ในฐานะผู้ที่บุกเบิกนำอินเทอร์เน็ตเข้ามาสู่ประเทศไทย และทำงานเกี่ยวพันในการพัฒนาระบบอินเทอร์เน็ตในไทยมาอย่างต่อเนื่อง ศ.ดร.กาญจนา กาญจนสุต รองประธานมูลนิธิศูนย์สารสนเทศเครือข่ายไทย (THNICF) แสดงความเห็นกับ The Story Thailand ว่า การเปลี่ยนแปลงด้านอินเทอร์เน็ตของไทยในทุกวันนี้ มีทั้งมุมที่น่าชื่นชมและมุมที่น่าวิตกกังวล 

ในแง่มุมที่น่าชื่นชม คือ การที่อินเทอร์เน็ตกลายเป็นประตูสู่การพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีในเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานมาโดยตลอดอย่างรอบด้าน เรียกได้ว่า อินเทอร์เน็ตคือพื้นฐานของการพัฒนาแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อคนในสังคม ทำให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง ยกตัวอย่าง เช่น การศึกษา ที่การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต หมายถึง การเข้าถึงความรู้ในเรื่องที่คน ๆ นั้น อยากรู้อยากเรียนได้ 

ส่วนมุมที่น่าวิตกกังวล ก็คือ ประเด็นด้านความปลอดภัย (Security) ซึ่งไม่เพียงเป็นปัญหาในเชิงเทคนิคของไทยเท่านั้น แต่ปัญหาด้านความปลอดภัยถือเป็นปัญหาทางเทคนิคในระดับสากลที่ทุกประเทศต่างต้องเผชิญหน้าร่วมกัน เพราะโดยพื้นฐานแล้วอินเทอร์เน็ตถูกคิดค้นและพัฒนาเพื่อกระจายเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารโดยไม่ได้คิดว่าจะมีการนำไปใช้อย่างแพร่หลายและหลากหลายจนกระทบต่อความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีกลุ่มคนนำอินเทอร์เน็ตไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง อย่างเช่นการขโมยข้อมูล 

ศ.ดร.กาญจนา เล่าว่า แนวทางการป้องกันภัยคุกคามจากโลกอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาภายหลัง หลังจากที่มีการใช้งานไปแล้วในระยะหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่า ในฐานะทีมนักพัฒนาผู้อยู่เบื้องหลัง ย่อมคิดค้นหาแนวทางเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยอยู่เสมอ แต่ก็ติดขัดตรงที่นำมาตรการรักษาความปลอดภัยไปใช้ปฎิบัตินั้น ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของคนที่ใช้งาน หรือให้บริการอินเทอร์เน็ตเป็นหลัก และการที่ต้องอาศัยขอความร่วมมือดังกล่าว ทำให้ความปลอดภัยในการใช้อินเทอร์เน็ตของไทยค่อนข้างน่าเป็นห่วง 

“ในวงการอินเทอร์เน็ต เราไม่ใช้การบังคับ ทุกคนจะเคลื่อนไหวเมื่อคิดว่ามีประโยชน์ก่อนแล้วจึงค่อยเข้ามาร่วมมือทำ ดังนั้น การสร้างแนวปราการป้องกันขึ้นมาจึงต้องใช้เวลา”

“ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีปัญหา เพราะอินเทอร์เน็ตยังไม่ใช่ลมหายใจ แต่ตอนนี้ อินเทอร์เน็ตเป็น (ลมหายใจ) แล้ว ถ้าเกิดมีคนปล่อยเชื้อโรคเข้ามาในลมหายใจนี้ เราก็อาจจะต้านไม่ทัน”

โครงสร้างและกำลังคน 

นอกจากประเด็นปัญหาด้านความปลอดภัย สิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกอย่างหนึ่งในการใช้งานอินเทอร์เน็ตของสังคมไทย ก็คือ ความไม่พร้อมในเชิงโครงสร้างที่จะรองรับนวัตกรรมเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต และความไม่พร้อมของคนในสังคมอันเป็นผลจากความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล (Digital Divide) ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการรู้เท่าทันโลกดิจิทัล (Digital Literacy)

ทั้งนี้ ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล คือ ความแตกต่างด้านโอกาสระหว่างกลุ่มคนที่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างอินเทอร์เน็ตได้ กับกลุ่มคนที่ไม่สามารถเข้าถึง ทำให้คนกลุ่มหลังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสารบนโลกออนไลน์เพื่อเพิ่มพูนความรู้หรือแสวงหาโอกาสในการยกระดับคุณภาพชีวิต ตลอดจนไม่สามารถเข้าถึงบริการพื้นฐานของรัฐได้ 

ขณะเดียวกัน แม้จะพยายามแก้ไขความเหลื่อมล้ำด้วยโครงการที่ทำให้คนกลุ่มดังกล่าวเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แต่ ศ.ดร.กาญจนา กล่าวว่า สำหรับคนที่เกิดมาโดยไม่เคยมีอินเทอร์เน็ตมาก่อน เมื่อจู่ ๆ วันหนึ่งมีอินเทอร์เน็ตให้ใช้งาน ก็จะเกิดปัญหามากมาย เนื่องจากคนกลุ่มนี้จะตกเป็นเหยื่อของข้อมูลข่าวสารที่มีปริมาณมหาศาลล้นเหลือบนโลกออนไลน์ที่บางส่วนเป็นข่าวลวง ข่าวปลอม 

พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือว่า คนกลุ่มนี้ รู้ไม่เท่าทัน หรือขาดความรู้ในด้าน Digital Literacy (การรู้เท่าทันโลกดิจิทัล) นั่นเอง 

ในส่วนของปัญหาความไม่พร้อมในเชิงโครงสร้าง ศ.ดร.กาญจนา อธิบายว่า สามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วนหลัก ๆ ก็คือ ส่วนที่เป็น Core Infrastructure ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลัก ๆ และส่วนที่เป็น โครงสร้างพื้นฐานปลายทาง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดในเวลานี้ ก็คือ ระบบ 4G/5G 

โดย ศ.ดร.กาญจนา กล่าวว่า ปัญหาในเชิงโครงสร้างถือเป็นปัญหาที่หนักอกไม่น้อย เพราะการเติบโตของอินเทอร์เน็ตในไทยขาดการบริหารจัดการที่ดี ทำให้โครงสร้างพื้นฐานของอินเทอร์เน็ตที่ขยายเครือข่ายด้วยการลากสายไฟเบอร์ สะเปะสะปะมาก และสายไฟเบอร์เหล่านี้ก็เสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้

ยิ่งไปกว่านั้น การที่ปล่อยให้ผู้ให้บริการจัดการโครงสร้างพื้นฐานกันเอาเอง ตั้งแต่การลากสายไฟเบอร์ไปจนถึงปลายทาง ส่งผลให้ค่าบริการสูงขึ้น จนคนที่แม้จะอยู่ในเมืองบางรายไม่สามารถจ่ายค่าอินเทอร์เน็ตได้ สุดท้ายแทนที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของอินเทอร์เน็ตจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ กลับยิ่งกลายเป็นการซ้ำเติมให้ความเหลื่อมล้ำหนักข้อมากยิ่งขึ้น 

สำหรับมุมมองของ ศ.ดร.กาญจนา ปัญหาข้างต้นเกิดขึ้นเพราะไทยขาด “ส่วนกลาง” ที่จะเข้ามาบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐาน ผลักภาระให้เอกชนแบกรับค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานแต่เพียงผู้เดียว ดังนั้น ปัญหาความเหลื่อมล้ำบนโลกดิจิท้ลย่อมยากที่จะหมดไป 

นอกจากนี้ ปัญหาความเหลื่อมล้ำของไทยในเวลานี้ ยังเกิดขึ้นจากปัญหาในเรื่องของภาษา ที่อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่นิยมใช้ภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาไทย

กลายเป็นอุปสรรคสำหรับคนที่ในชนบทที่ต้องพี่งพาลูกหลานในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต รวมถึงระบบอินเทอร์เน็ตของไทยยังไม่พร้อมกับการรองรับการใช้งานของกลุ่มผู้พิการทุพพลภาพเท่าไรนัก

ความเสี่ยงด้านการผูกขาด

อีกหนึ่งแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับวงการอินเทอร์เน็ตของไทยและทั่วโลก ก็คือ การที่บริษัทต่าง ๆ ผลิตแพตฟอร์มออกมาแข่งขันกัน ซึ่ง ศ.ดร.กาญจนา มองว่า การแข่งขันดังกล่าวของบริษัทไม่ได้หยุดแค่การพัฒนาแพตฟอร์ม หลายบริษัทเริ่มหยั่งลึกลงไปถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของตนเอง

“ประเด็นหนึ่งที่เรากลัวกัน ก็คือว่า อินเทอร์เน็ตแต่เดิมจะต้องเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย(Network) เดียว แต่ในอนาคตเป็นไปได้ว่าจะมีเครือข่ายของบริษัทหนึ่ง บริษัทหนึ่ง และบริษัทหนึ่ง คือ ต่างฝ่ายต่างสร้างเครือข่ายของตนเอง ซึ่งอันนี้น่ากลัวกว่า เพราะว่าผลประโยชน์มหาศาล ทำให้การแบ่งผลประโยชน์ให้กับประเทศด้อยพัฒนาจะเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น”

ศ.ดร.กาญจนา อธิบายว่า การกระทำดังกล่าวจะเป็นการแบ่งอินเทอร์เน็ตออกเป็นส่วน ๆ ซึ่งไม่ใช่อุดมการณ์แรกสุดของการสร้างอินเทอร์เน็ตที่ต้องการเชื่อมโยงเข้าถึงทุกคนให้เกิดความเท่าเทียม 

ทั้งนี้ สถานการณ์ในปัจจุบัน ไม่ได้แตกต่างจากในอดีตที่บรรดาบริษัทใหญ่ซึ่งครอบครองเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่าพากันดูดเอาทรัพยากรจากประเทศด้อยพัฒนาไป โดย ศ.ดร.กาญจนา กล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวดีขึ้นอยู่ช่วงหนึ่งหลังการเข้ามาของอินเทอร์เน็ต แต่สุดท้าย แล้วบริษัทยักษ์ใหญ่ทางเทคโนโลยีเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ และใหญ่กว่าเดิม 

แน่นอนว่า ความหวังและทางออกที่พอเป็นไปได้ก็คือการขอความร่วมมือ แต่ ศ.ดร.กาญจนา ยอมรับว่า การพูดคุยเพื่อขอความร่วมมือก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน 

“เราต้องไม่เอาชีวิตเราไปขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่ง เราต้องให้ผู้ให้บริการรายเล็ก ๆ สามารถที่จะเติบโตได้ ถ้าผู้ให้บริการเล็ก ๆ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยก็ถือว่าอันตราย และอินเทอร์เน็ตอาจจะไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป นี่เป็นสิ่งที่เราก็กำลังสู้อยู่เช่นกัน ที่จะไม่ให้ผู้ให้บริการรายเล็ก ๆ หายไป” รองประธาน THNICF ระบุ

ไทยมีศักยภาพ แต่ขาด “แรงขับ”

ทั้งนี้ ในมุมมองของผู้ที่ทำงานอยู่เบื้องหลังการพัฒนาอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ศ.ดร.กาญจนา มองว่า การแก้ปัญหาคือสิ่งที่สามารถทำได้ ภายใต้ความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะปัญหาในเชิงโครงสร้างพื้นฐาน แต่สิ่งที่แก้ยากยิ่งกว่า ก็คือ เรื่องของกำลังคน ที่ในขณะนี้ ยังมองไม่เห็น “คน” ที่จะเข้ามาร่วมด้วยช่วยปรับปรุงพัฒนาระบบอินเทอร์เน็ตของไทย ทำให้ไม่อาจคาดหวังกับการเจริญเติบโตทางอินเทอร์เน็ตของไทยนับต่อจากนี้ได้

อย่างไรก็ตาม การไม่มี ไม่ได้หมายความว่า คนไทยไม่เก่ง หรือด้อยประสบการณ์ ไทยมีคนเก่งที่มีศักยภาพอยู่มากมาย แต่ที่ไม่สามารถไปถึงฝั่งฝันได้ส่วนหนึ่งมาจากการขาดแรงขับที่ผลักดันให้รู้สึกว่าตนเองต้องดิ้นรนขวนขวาย

“คนของเราแรงกดดันยังน้อย แรงกดดันที่ว่าจะต้องต่อสู้เพื่อการอยู่รอดยังต่ำกว่าประเทศอื่น” ศ.ดร.กาญจนา กล่าว ก่อนอธิบายว่า เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่ประชาชนเป็นฝ่ายริเริ่มพยายามขวนขวายด้วยตัวเอง หาทางออกด้วยตัวเอง คนไทยมักจะปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามยถากรรม

ขณะเดียวกัน การศึกษาของไทยยังขาดแนวทางที่จะโน้มน้าวจูงใจให้เด็กเก่งที่เลือกเรียนมาทางด้านอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีเข้ามาอยู่ในแวดวงนี้อย่างจริงจัง ทำให้แม้จะมีเด็กเก่ง แต่สุดท้ายแล้วเด็กเก่งเหล่านี้ก็ไปทำอย่างอื่น ซึ่งยังไม่นับถึงกรณีความร่วมมือระหว่างคนไทยในต่างประเทศกับในประเทศที่แทบจะไม่มี ทำให้การพัฒนาสะดุดและขาดตอน 

และสุดท้าย สิ่งที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นอุปสรรคในการพัฒนาวงการอินเทอร์เน็ตของไทย ก็คือ แรงสนับสนุนจากคนไทยด้วยกันเอง 

“เรามีโดเมนเนมของไทย มีแพลตฟอร์มที่คิดค้นขึ้นมา แต่คนไทยกลับไม่นิยม เมื่อเทียบกับญี่ปุ่น หรือฝรั่งเศส ที่คนของเขายินดีใช้โดเมนเนมของตนเอง แม้จะแพงกว่าก็ตาม” ศ.ดร.กาญจนา กล่าวทิ้งท้าย

อศินา พรวศิน – สัมภาษณ์
นงลักษณ์ อัจนปัญญา – เรียบเรียง

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
0ผู้ติดตามติดตาม

Lastest News

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ช่วยลูกค้าทั่วโลกลดคาร์บอนมากกว่า 90 ล้านตันในปี 2565

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำระดับโลกด้านดิจิทัลทรานฟอร์เมชันด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น เผยผลประกอบการปี 2565 ทั่วโลกกวาดรายได้ 34,176 ล้านยูโร

โตโยต้า ทูโช เน็กซ์ตี จับมือพันธมิตร จัดแข่งขันพัฒนาซอฟต์แวร์ขับเคลื่อนรถยนต์ไร้คนขับผ่าน Virtual Simulation

บริษัทโตโยต้า ทูโช เน็กซ์ตี อิเล็กทรอนิกส์ (ไทยแลนด์) จำกัด (NETH) จัดการแข่งขันพัฒนาซอฟต์แวร์จำลองการขับเคลื่อนรถยนต์ไร้คนขับ ผ่าน Virtual Simulation

ส่องกระแส ChatGPT เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก

ตั้งแต่ ChatGPT ถูกเปิดตัวในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 มีกระแสการพูดถึงแชทบอทตัวนี้อย่างล้นหลามในหลายแวดวง เนื่องมาจาก ChatGPT มีระบบ AI ที่สามารถหาคำตอบให้คู่สนทนาได้อย่างรวดเร็ว ด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติและสามารถตอบคำถามที่ซับซ้อนได้

T&B เปิดตัว ศูนย์รวมทรานส์ลูเซีย เมตาเวิร์ส ที่แรกของโลก พร้อมนำธุรกิจบันเทิงเข้าสู่โลกเสมือนเต็มตัว

บริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตซีรีส์แอนิเมชั่นและคอนเทนต์เพื่อความบันเทิงชั้นนำของประเทศไทย จัดงาน “The Universe of Happiness” เปิดตัวโครงการใหญ่ ศูนย์รวมแห่งเมตาเวิร์ส ทรานส์ลูเซีย

ช่อง 8 ต้อนรับ “พุทธอภิวรรณ” นั่งแท่นผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายข่าวคนใหม่ ดันเรตติ้ง

หลังจาก เฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ อาร์เอส กรุ๊ป ประกาศผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ต้อนรับ พุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี เป็นผู้อำนวยข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 คนใหม่

Helperlink แพลตฟอร์มออนไลน์ตัวกลางจัดหางานซาอุฯ เปิดลงทะเบียนฟรี ค่าแรงสูง-สวัสดิการดี

Helperlink แพลตฟอร์มออนไลน์จัดหางานในราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ตัวกลางเชื่อมโยงนายจ้างและแรงงานผู้ช่วยดูแลงานบ้าน เปิดให้ลงทะเบียนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

AIS โชว์ศักยภาพบนเวทีโลก คว้ารางวัล WSIS Prize 2023

AIS พาโครงการ “อุ่นใจ CYBER” เป็นตัวแทนประเทศ คว้ารางวัลด้านความยั่งยืนระดับโลก ติดอันดับ 1 ใน 5 จาก 1,800 โครงการทั่วโลก

เสียวหมี่ เปิดตัว Xiaomi 13 Series “co-engineered with Leica” สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุด

เสียวหมี่ ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุด – Xiaomi 13 Series – สู่ตลาดต่างประเทศ ณ งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน

เทนเซ็นต์ คลาวด์ ส่ง Metaverse Solution Suite ยกระดับผู้ประกอบการไทย

จากการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิทัล ส่งผลให้การเชื่อมต่อระหว่างโลกเสมือน และโลกความเป็นจริงแข็งแกร่งมากขึ้น หลายองค์กรเริ่มมองหาโอกาสจากการสร้างแพลตฟอร์ม

ย้อนเวลาสู่อาณาจักรโรมัน…ตามล่าบทเรียนวิกฤติการเงินเขย่าโลก

หากคุณได้ติดตามข่าวมาบ้าง น่าจะรู้ว่าในปี 2565 ที่ผ่านมาได้เกิดความผันผวนขึ้นอย่างหนักในโลกการเงิน จนหลายคนภาวนาอยากให้วิกฤติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นผ่านพ้นไปเสียที

MUST READ

ทำไมต้องเลือก “ดูแลหัวใจ” ที่บำรุงราษฎร์

รู้หรือไม่มีผู้ป่วยหัวใจจำนวนมากเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจเนื่องจากการเข้าถึงการรักษาที่ช้าเกินไป การวินิจฉัยที่อาจคลาดเคลื่อน ดังนั้นการดูแลหัวใจด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์และรักษาในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานเป็นสิ่งจำเป็น

ดีอีเอส – ดีป้า จัดกิจกรรม CEO Networking ส่งเสริมการใช้ ThailandCONNEX ฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

ดีอีเอส - ดีป้า เดินหน้าจัดกิจกรรม CEO Networking พบปะผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานภาครัฐ - เอกชน และผู้ประกอบการด้านการนำเที่ยว ทั้งไทยและต่างชาติ

กทม. เปิดสอบข้าราชการสำหรับคนพิการเป็นครั้งแรก ดึงศักยภาพร่วมพัฒนางาน

สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร จัดการสอบคัดเลือกคนพิการ เพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ ซึ่งเป็นการจัดการสอบครั้งแรก

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ตั้งเป้าปี 66 รายได้ 1,700 ล้าน ขยายพอร์ตกว่า 400 โครงการ

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้นำในธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนต์ไทย เผยผลงานบริหารจัดการโครงการ ด้วยพื้นที่บริหารมากที่สุดกว่า 18 ล้านตร.ม.

SEAT Conference 2023 กลับมาอีกครั้ง งานรวมตัวสุดยอดผู้เชี่ยวชาญ พร้อมอัปเดตเทคโนโลยี

SEAT 2023 : Southeast Asia Technology Conference 2023 งานสัมมนาที่รวมเหล่าผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนระดับโลก
Newsletter

สนใจรับข่าวสารจาก The Story Thailand อัพเดตก่อนใคร สมัคร Newsletter กับเราเพียงกรอกอีเมลเท่านั้น