ESG (Environment Social และ Governance) ถือเป็นดีเอ็นเอที่ฝังลึกของธนาคารกสิกรไทย ซึ่งมีเป้าหมายที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายของการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยครอบคลุมถึงการป้องกันภาวะโลกร้อนที่เป็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)
ด้วยความเชื่อมั่นว่าความยั่งยืนเป็นโอกาสที่สามารถต่อยอดได้อีกมากมายสำหรับผู้ประกอบการที่ปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อย่างก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ ธนาคารกสิกรไทยจึงได้ริเริ่มทำให้เห็นก่อน ด้วยการเตรียมเปิดตัว WATT’S UP แอปพลิเคชัน ซึ่งเป็นอีมาร์เก็ตเพลสแพลตฟอร์มในการให้เช่ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจากหลาย ๆ ผู้ประกอบการ
Swap Together เปลี่ยนเพื่อไปต่อกับ Battery Swapping แพลตฟอร์มแพ็กแบตเตอรี่มาตรฐานแบบสับเปลี่ยน
สุขสันต์ วัฒนายากร ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาด ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า WATT’S UP ถือเป็นจุดเริ่มต้นของทางธนาคารกสิกรไทยในการเป็นศูนย์กลางการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับจักรยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น
นอกจากจะเป็นศูนย์กลางให้ผู้ผลิตจักรยานยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรายมาให้บริการลูกค้าที่สนใจได้ใช้งานในฐานะผู้เช่าแล้ว WATT’S UP ยังอำนวยความสะดวก ด้วยการให้บริการตู้สลับแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามาไว้ทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล สามารถทำการสมัคร เช่า และชำระเงิน รวมถึงสลับแบตเตอร์รีได้จบ ครบ ในที่เดียวบนแอปพลิเคชั่นของ WATT’S UP
ผู้ที่สนใจใช้บริการ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน WATT’S UP ก่อน และลงทะเบียนตามที่ระบุไว้ในแอปพลิเคชันให้เรียบร้อย จากนั้นสามารถทำการสมัคร เช่าและชำระเงิน รวมถึงสั่งการเปิดตู้สลับแบตเตอรี่ ได้จบ ครบ ในที่เดียว
“ในระยะแรก ใครก็ตามที่มีแอปพลิเคชั่น K PLUS ของธนาคารกสิกรไทย ก็สามารถใช้ข้อมูลในส่วนนี้ ยืนยันตัวตนกับทาง WATT’S UP ได้”
ปัจจุบันเน้นให้บุคคลธรรมดาทั่วไปสามารถเข้ามาใช้งานได้ แต่ในอนาคตทางแอปพลิเคชัน WATT’S UP จะขยายขอบเขตการให้บริการเพื่อรองรับผู้ใช้งานกลุ่มธุรกิจด้วย ซึ่งในกรณีที่เป็นบริษัทก็อาจจะต้องมาพูดคุยตกลงกันในระดับของธุรกิจ หรือ Business to Business (B2B) ต่อไป
“ต้องบอกว่า WATT’S UP เป็นส่วนหนึ่งของธนาคารกสิกรไทย ที่ลุกขึ้นมาทำธุรกิจสนับสนุนสิ่งแวดล้อมภายใต้โมเดล ESG เพื่อยกระดับ EV Bike Ecosystem ของประเทศให้มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง”
ขณะนี้ WATT’S UP กำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมการที่จะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ และกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมรับบริการเช่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าส่วนใหญ่คือ บุคคลทั่วไป ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับริการเดลิเวอร์รี กลุ่มโลจิสติกส์ ขนส่ง เป็นต้น
สำหรับการให้บริการตู้สลับแบตเตอรี่ ทางธนาคารกสิกรไทยได้จับมือกับพันธมิตรที่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ที่มีความชำนาญในด้านนี้เพื่อร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ และ ต่อยอดให้ระบบนิเวศนี้สมบรูณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งฟังก์ชันการใช้งานตู้ คือให้บริการสลับเปลี่ยนแบตเตอรีที่มีระดับแบตเตอรี่ใกล้หมด เปลี่ยนเป็นแบตเตอรี่ที่มีระดับแบตที่พร้อมใช้งานได้ทันที ไม่ต้องรอเวลาชาร์จ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกที่เปิดให้บริการตู้สลับแบตเตอรีจะตั้งที่สาขาของธนาคารกสิกรไทยที่อยู่ในทำเลที่เหมาะสมที่กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยจะให้บริการเฉพาะการสลับแบตเตอรีเท่านั้น ยังไม่ครอบคลุมถึงการชาร์จแบตที่จะเสริมเข้ามาในภายหลัง
การสลับแบตเตอรี่ที่ตู้ทำได้ง่าย ๆ ผ่าน แอปพลิเคชัน WATT’S UP เพียงสแกนคิวอาร์โค้ด ทำตามขั้นตอน 4 ขั้นตอนก็สามารถสลับแบตพร้อมขับขี่ต่อได้ในไม่กี่นาที ทางธนาคารกสิกรไทยตั้งใจวางตู้ให้บริการสลับแบตเตอร์รี่ไว้ประมาณ 10 ตู้ ภายใน 1-2 เดือนนี้ ก่อนจะขยายไปเป็น 70 ตู้ ภายในปลายปี 2566
ทั้งนี้ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนการพัฒนาโมเดลของตู้สลับแบตและแผนงาน ตามเทคโนโลยีและความต้องการของตลาด เช่น ติดตั้งตู้สลับแบตบนพื้นที่นอกสาขาธนาคาร
การสนับสนุนบริการด้านสินเชื่อต่าง ๆ แก่ผู้ที่มาร่วมโครงการกับกสิกรไทยในระบบนิเวศรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้านี้ สุขสันต์ มองว่าการใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่มากขึ้นถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายของการพัฒนาอย่างยั่นยืนได้ การสำรวจวิจัยก่อนหน้านี้ชี้ว่า จักรยานยนต์เป็นตัวการสำคัญในการปล่อยปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณมหาศาลและประเทศไทยมีจำนวนผู้ใช้งานมอเตอร์ไซค์เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ดังนั้นการสนับสนุนการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า จึงมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้แก่ประเทศไทยได้เช่นกัน ทั้งนี้การใช้งานมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่มีแนวโน้มความต้องการเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เป็นโอกาสที่ดีของ WATT’S UP ด้วย
“WATT’S UP เป็นโมเดลธุรกิจที่เพิ่งริเริ่มขึ้นของกสิกรไทยที่ผสานเอานวัตกรรมเทคโนโลยีมาใช้ ซึ่งเป้าหมายของเราคืออยากจะทำให้ Green Ecosystem ของจักรยานยนต์ไฟฟ้านี้ เกิดขึ้นมาได้จริง ๆ มันอาจจะไม่ได้รวดเร็ว แต่เราก็คิดว่ามันยั่งยืน”
ทั้งนี้ กสิกรไทยไม่ใช่รายเดียวที่คิดทำแอปพลิเคชันแพลตฟอร์มให้บริการปล่อยเช่าและตู้สลับแบตเตอรี โดยขณะนี้กลุ่มธุรกิจอรุณในเครือปตท.ก็มีโครงการ Swap N Go ซึ่งทำมาได้ 2 ปี แล้ว ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลักคือมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของพนักงานเซเว่นอีเลฟเว่น มีตู้บริการสลับแบตทั้งหมด 30 ตู้ทั่วกรุงเทพฯ และตั้งเป้าเพิ่มอีก 150 ตู้ภายในสิ้นปี 2566
ขณะเดียวกัน ทางด้านผู้ประกอบการผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า HSEM และพันธมิตร WATT’S UP ในการปล่อยเช่าจักรยานยนต์ไฟฟ้าผ่านแพลตฟอร์ม ก็จับมือกับทาง Grab ในการทำตู้สลับแบตเตอรีให้กับไรเดอร์ที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งปัจจุบันมีการติดตั้งให้ใช้บริการทั่วกรุงเทพฯ แล้วกว่า 90 ตู้ และมีเป้าหมายเพิ่มให้ได้หลักร้อยภายในสิ้นปีนี้เช่นเดียวกัน
ความหลากหลายของผู้ให้บริการดังกล่าว จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ที่จะมีรายงานว่า “ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 9” ตามดัชนีชี้วัดความพร้อมด้านการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าทั่วโลก (Global Electric Mobility Readiness Index-GEMRIX) ในปี 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในกลุ่มประเทศตลาดยานยนต์ไฟฟ้าเกิดใหม่ (Emerging EV Markets) เทียบเคียงกับ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งอยู่ในกลุ่มนี้เช่นเดียวกัน
ตอกย้ำความเชื่อและความมุ่งมั่นของกสิกรไทยที่ต้องการพิสูจน์ให้ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า ความยั่งยืนไม่ใช่ภัยคุกคาม แต่เป็นโอกาสที่ดีทางธุรกิจที่ต้องอาศัยความตั้งใจ ความรู้ แหล่งทุนและเครือข่ายทางพันธมิตรที่มีแนวคิดแบบเดียวกัน และกสิกรไทยก็พร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งในเครือข่ายนั้น
9 องค์กรร่วมสร้าง “แพลตฟอร์มแพ็กแบตเตอรี่มาตรฐานแบบสับเปลี่ยนสำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า”
บีโอไอ เผยยอดส่งเสริมอีวีพุ่งกว่า 1 แสนล้านบาท ทั้งการผลิตรถยนต์ แบตเตอรี่ ชิ้นส่วน และสถานีชาร์จ
