TH | EN
TH | EN
หน้าแรกTechnologyถอดรหัส “เสียวหมี่” แบรนด์สมาร์ทโฟนและอีโคซิสเต็มส์ AIoT ชั้นนำของโลก

ถอดรหัส “เสียวหมี่” แบรนด์สมาร์ทโฟนและอีโคซิสเต็มส์ AIoT ชั้นนำของโลก

จากจุดเริ่มต้นแห่งความฝันของ “เหลยจุน” ประธานและซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัทเสียวหมี่ เมื่อ 12 ปีที่แล้ว (ก่อตั้งบริษัทปี 2010) ที่ต้องการสร้าง โทรศัพท์ที่ดีที่สุดในราคาเพียงครึ่งหนึ่ง เพื่อให้ทุกคนสามารถซื้อได้ ทำให้วันนี้ “เสียวหมี่” ก้าวสู่การเป็นหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำด้านสมาร์ทโฟนและ AIoT ของโลก

โดยเห็นได้จากการขยายตลาดครอบคลุมมากกว่า 100 ตลาดทั่วโลก และจากข้อมูลการรายงานของ Canalys สำหรับยอดจัดส่งสมาร์ทโฟนออกสู่ตลาดในไตรมาส 1 ปี 2022 เสียวหมี่ยังคงรั้งอันดับ 3 ของการเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำระดับโลก นอกจากนี้ เสียวหมี่ติดอันดับ 1 ใน 3 อันดับแรกใน 49 ตลาดทั่วโลกอีกด้วย

โจนาธาน คัง ผู้จัดการ เสียวหมี่ ประเทศไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ The Story Thailand ว่า หากมองย้อนกลับไป ณ วันเริ่มต้นที่ ‘เหลย จุน’ ประธานและซีอีโอและผู้ก่อตั้งเสียวหมี่ ประกาศเจตนารมณ์และแสดงความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดเพื่อให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ ทั้งยังมีแนวคิดที่ต้องการสร้างความแตกต่างจากผู้ผลิตมือถือค่ายอื่น ๆ ที่ไม่เน้นแค่การพัฒนาฮาร์ดแวร์เพียงอย่างเดียว แต่ยังเน้นพัฒนาที่ซอฟต์แวร์ และมุ่งการเติบโตผ่านทางอินเทอร์เน็ตด้วย แนวความคิดข้างต้นนี้เป็นที่มาของการพัฒนา 3 ผสานเข้าด้วยกัน คือ ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์และบริการอินเทอร์เน็ต โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก

Innovation for Everyone: นวัตกรรมสำหรับทุกคนบนโลก

‘เหลย จุน’ เดินหน้าผลักดันความฝัน โดยหนึ่งในสิ่งที่เค้ามุ่งพัฒนาและให้ความสำคัญมากที่สุดนั่นก็คือ การพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่ง เหลย จุน ได้ทำให้ ‘เสียวหมี่’ กลายเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการพัฒนาระบบปฏิบัติการ Android แถวหน้าในประเทศจีนและเป็นที่มาของ MIUI (MI User Interface) ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่นิยมในกลุ่มผู้มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี จากที่มีเพียงแค่กลุ่มผู้ใช้งานเริ่มต้นใน Xiaomi Community เวอร์ชั่นท้องถิ่น เมล็ดพันธุ์แห่งเทคโนโลยีของเสียวหมี่ถูกหว่านลงไปสู่วัฒนธรรม Xiaomi Fan ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีด้วยจำนวนผู้ใช้ MIUI มากถึง 30,000 ราย

“MIUI เป็นจุดกำเนิดสมาร์ทโฟนเครื่องแรก Mi 1 (Xiaomi Phone) ที่วางจำหน่ายในราคาเพียง 1,999 หยวน และหลังการประกาศราคาขายบนเวทีจบลงก็มีการสั่งซื้อล่วงหน้ากว่า 300,000 เครื่อง หลังจากนั้นสมาร์ทโฟน Mi 1 ก็ทำยอดขายได้กว่า 7 ล้านเครื่อง โดยปัจจัยหลักของยอดขายอันถล่มทลายนี้มาจากการสร้างฐานผู้ใช้ผ่านการพัฒนา MIUI ดังนั้น การพัฒนา MIUI จึงถือเป็นพันธกิจแรกของเสียวหมี่ที่ปัจจุบันก็ยังคงให้ความสำคัญ และตามมาด้วยพันธกิจที่สอง คือ การค้นหาฮาร์ดแวร์ที่ดีผนวกไปพร้อมกับพันธกิจที่สาม คือ การจำหน่ายอุปกรณ์ในราคาที่ซื่อสัตย์แก่ผู้บริโภค ทุกวันนี้ เสียวหมี่ยังคงดำเนินธุรกิจตามความมุ่งมั่นและตั้งใจตั้งแต่วันแรกคือการส่งมอบ Amazing Products with Honest Prices” โจนาธาน กล่าว     

ผลิตภัณฑ์ Ecosystem ที่ครอบคลุมอย่างกว้างขวาง     

หลังจากธุรกิจสมาร์ทโฟนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เสียวหมี่ก็เริ่มขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์ Ecosystem เพิ่มเติมผ่านกองทัพผู้ประกอบการสตาร์ตอัพภายใต้กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ‘Smartphone x AIoT’ เพื่อผลักดันการทำงานร่วมกันในสองธุรกิจนี้ในด้านต่าง ๆ รวมถึงเพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานอุปกรณ์ไอทีให้แก่ผู้บริโภคอีกด้วย                

“ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ในข้างต้นนั้นเป็นไปได้ด้วยดี มาจากการให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา (Research & Development) เพื่อยกระดับนวัตกรรมและเทคโนโลยีซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจของเสียวหมี่ โดยปัจจุบันเสียวหมี่มีศูนย์วิจัยและพัฒนา 11 แห่งทั่วโลก ซึ่งตั้งอยู่ทั้งในประเทศจีนและประเทศต่าง ๆ R&D ต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้เสียวหมี่เป็นผู้นำของเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ หลายครั้ง เช่น เทคโนโลยีการชาร์จไว 120W Xiaomi HyperCharge กล้องถ่ายภาพความละเอียดสูง 108MP เป็นต้น ซึ่งในไตรมาสแรกของปี 2022 เสียวหมี่ลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนาสูงถึง 3.5 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน โดยเสียวหมี่ได้รับสิทธิบัตรมากกว่า 26,000 รายการ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2022” โจนาธาน กล่าวเพิ่มเติม       

โจนาธาน คัง ผู้จัดการ เสียวหมี่ ประเทศไทย

สำหรับ เสียวหมี่ ประเทศไทย นั้นมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ทั้งสมาร์ทโฟนและ AIoTมาโดยตลอด ซึ่งในช่วงต้นปี 2022 ที่ผ่านมา เสียวหมี่ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ อย่าง Redmi Note 11 Series สมาร์ทโฟนระดับกลางคุณภาพระดับแฟล็กชิป, Xiaomi 12 Series สมาร์ทโฟนเรือธงที่ชูจุดเด่นเรื่องการถ่ายภาพด้วยสโลแกน Master Every Scene และผลิตภัณฑ์ AIoT อีกมากมาย รวมถึงยังรุกขยายร้านค้าและจุดวางจำหน่ายสินค้า พร้อมพัฒนาศูนย์บริการหลังการขายให้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย      

ถึงแม้ว่า ‘เสียวหมี่’ จะเป็นบริษัทน้องใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งมาเพียง 12 ปี แต่ผลประกอบและอัตราการเติบโตก็สะท้อนให้เห็นว่าเสียวหมี่มีความยอดเยี่ยมในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม ทั้งยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้ความมุ่งมั่นในการสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้  

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ