TH | EN
TH | EN
หน้าแรกLifeไปให้สุด แล้วหยุดที่ "TikTok"

ไปให้สุด แล้วหยุดที่ “TikTok”

คำพูดนี้ อาจจะดูโอเวอร์ไปนิด ๆ แต่ก็แฝงความแอบจริงอยู่ไม่น้อย สำหรับแอปพลิเคชัน “TikTok” ที่มาแรงมาก จนเซเลบหลายคนในเมืองไทย รวมถึงคุณสุทธิชัย หยุ่น ล่าสุดก็กระโดดร่วมวง TikTok ด้วย ดังนั้นตอนนี้ TikTok คงไม่เพียงเป็นพื้นที่สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ และต้องบอกว่าสำหรับคนที่ปรับตัวและอยู่ในยุคใหม่ ยุคแห่งการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์

-FastKey นวัตกรรมช่วยคนซื้อ-ขาย อสังหาฯ
-โคบอทส์ หุ่นยนต์ผู้ช่วยด้านสุขภาพ

TikTok ในไทยมาฮิตสุด ๆ ก็ตอนโควิด-19 ทุกคนต้องอยู่กับบ้าน ดังนั้นการถ่ายวิดีโอกิจกรรมต่าง ๆ เช่นร้องเพลง เต้น COVER ก็เลยเป็นกิจกรรมเพลิน ๆ ที่ทำให้คลายเหงา คลายเครียด ไปได้ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ใช้ติด Top 3 ของอาเซียนไปแล้ว

ความสำเร็จของ TikTok วัดได้จาก Monthly Active users (สถิติคนใช้งานรายเดือน) ที่ตอนนี้ทะลุ 1,500 ล้านคนไปแล้ว มากกว่าประเทศจีนทั้งประเทศอีก จะว่าไปแล้วก็กำลังเป็นโซเชียลมีเดีย ซึ่งเน้นคอนเทนท์แบบวิดีโอ ที่ขึ้นไปยืนเป็นเบอร์ต้น ๆ ของโลก

เสน่ห์ของ TikTok อาจจะมาจากคอนเทนท์วิดีโอสั้น ๆ เพียง 15 วินาที และเพลย์วนซ้ำได้ โดยความยาวรวมสูงสุดได้ 60 วินาที ซึ่งวิดีโอคอนเทนต์ ก็จะเป็นการเต้น Cover ร้องเพลง แสดงละครเลียนแบบ และสร้างวิดีโอที่มีเทคนิค หรือ สตอรี่ขำ ๆ แบบหักมุก แล้วแต่ Creator หรือ คนสร้างคอนเทนต์จะนำเสนอ… คอนเทนต์เหล่านี้ส่วนใหญ่ทำให้คนดูคลายเครียด ยิ้มได้

นอกจากจะมีเวที มีหน้าจอ ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ในการทำวิดีโอ ยังช่วยปลดปล่อยความเครียดให้ Creator ได้ด้วยเหมือนกัน หลาย ๆ คนก็จะมีความสุขกับการที่ได้นำเสนอตัวตน และยิ่งมีความดูตอบรับ ก็ยิ่งมีความสุข เรียกว่า วิน-วิน ทั้งคนดูและคนสร้างคอนเทนต์

นอกเหนือจากเป็นเวทีการแสดงออกของเหล่า Creator แล้ว สิ่งที่ดึงดูดในการสร้างสรรค์วิดีโออย่างต่อเนื่อง ก็คือรายได้เหมือนกับ Youtube ให้กับผู้สร้างคอนเทนต์ แต่ว่ากันว่า TikTok จ่ายให้ดีกว่าอีก…

ถ้าจะเปรียบ Youtube คือเวทีการสร้าง Story Content ในทุกรูปแบบ หลัก ๆ คือ การบอกเล่าประสบการณ์ด้านต่าง ๆ การรีวิวสินค้า แต่ TikTok มาด้วยความแตกต่าง จะเรียกว่าเป็นเวทีสร้างศิลปินที่สร้างคอนเทนต์ ทั้งสายครีเอทีฟและคอนเทนต์สายฮา

เส้นทางของ TikTok

TikTok เป็นร่างแปลงของแอปพลิเคชัน “Douyin” ที่ฮิตแบบเป็นบ้าเป็นหลังในจีนเหมือนกัน แล้วเปลี่ยนชื่อมาทำตลาดเมืองนอก ตอนนี้ TikTok ทำตลาดในกว่า 150 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะที่สหรัฐฯ TikTok โซเชียลมีเดียสัญชาติจีน ที่เข้าไปตีตลาดกระจุย กลายเป็นแอปพลิเคชันที่คนอเมริกันต้องมี ในปี 2018 TikTok ก็กลายเป็นแอปพลิเคชันที่คนอเมริกันดาวน์โหลดมากที่สุด

เพียงแค่ในระยะเวลา 3 ปี TikTok โตแบบก้าวซูเปอร์ก้าวกระโดด รายได้ในปี 2019 มีรายได้สูงถึงกว่า 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 5 พันล้านบาท และเชื่อแน่ว่ายังโตกว่านี้อีกมาก เพราะนี่คือช่องทางการทำการตลาดและการโฆษณา ที่ทรงประสิทธิภาพอีกหนึ่งช่องทาง มีบางเอเจนซี่โฆษณา เมินกูเกิล และเฟซบุ๊ก ลองมาใช้ TikTok ซึ่งผลลัพท์ดีเกินคาด เพราะตรงกลุ่มเป้าหมายสุดๆ …

น่าทึ่งสุด ๆ สำหรับ TikTok โซเชียลมีเดีย สัญชาติจีน ที่เติบโตได้เร็ว แซงหน้ายักษ์ของโลกอย่าง Facebook แต่ก็จะว่าไม่ได้ เพราะใครที่จะข้ามไปทำตลาดจีน ก็เจอบังเกอร์ทรงพลัง แม้แต่มดยังหลุดเข้าไปไม่ได้

ซีอีโอ ของ TikTok มีชื่อว่า Zhang Yiming (จาง ยีหมิน) เป็นคนหนุ่มที่ครอบครัวเป็นครอบครัวแรงงานธรรมดา ๆ เรียนสาขาไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านบริษัทที่ทำธุรกิจโซเชี่ยลมีเดียมาหลายต่อหลายบริษัท จนปี 2012 ก่อตั้งบริษัทที่มีชื่อว่า “Bytedance” ทำแอปพลิเคชันที่รวมรวมและฟีดข่าว ที่มีชื่อว่า “Toutiao” ซึ่งก็ประสบความสำเร็จมาก ๆ ในจีนเช่นเดียวกัน

ต่อมา Bytedance เข้าซื้อ Musical.ly ในช่วงปลายปี 2017 ด้วยเม็ดเงิน 1 พันล้านบาท ตอนนี้ Bytedance มีมูลค่าบริษัทสูงถึง 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นสตาร์ตอัพที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก

จาง ยีหมิน ทำให้ “Douyin” และคู่แฝด “TikTok” ประสบความสำเร็จได้อย่างไร?

TicTok มีฟีเจอร์หลักคือ Video-First UI (video-first interface) คือเปิดมาเจอวิดีโอเลย โดยจะมีอัลกอริทึ่มเก็บข้อมูลผู้ใช้งานว่ามีความชอบหรือสนใจอะไร ก็จะมีวิดีโอโชว์ขึ้นมาเลย เรียกได้ว่า TikTok นี่แหล่ะตัวจริงของ AI ในการเก็บข้อมูลและประมวลผล

เทคนิคการเติบโตของ TikTok มาจากหลายปัจจัย ตั้งแต่การตัดต่อที่ง่ายมากๆ เพราะวิดีโอสั้น ๆ Creator สามารถถ่ายและตัดได้เลย สามารถทำวิดีโอและโพสต์ได้บ่อยครั้ง มีถังเพลงจำนวนมากไว้รองรับการนำมาประกอบวิดีโอ แล้วยังสามารถไปโพสต์ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้ แต่ก็จะลิงก์กลับมาที่ TikTok

การเข้าถึง Influencers เพื่อให้โปรโมทแอปพลิเคชัน ก็เป็นเทคนิคที่ Bytedance ใช้มาตั้งแต่ตอนทำ Toutiao นอกจากนี้ยังมีสิทธิพิเศษให้กับผู้สร้างคอนเทนต์ เพราะว่าจะมีคำแนะนำ การฝึกสอนวิดีโอต่าง ๆ นานา มาให้แบบคนต่อคน คือ เหมือนส่งครูมาสอนพิเศษถึงบ้านเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์กระตุ้นให้คนดูแชร์วิดีโอด้วย

ยังมีเทคนิคนับไม่ถ้วนที่ TikTok ใช้ และใช้เงินมหาศาลในการโฆษณาและดึงดูดคนดูและคนสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ เข้ามา แต่ผลลัพท์ปลายทางคืออีกหนึ่ง “หลุมดำ” ขนาดยักษ์ในทางการตลาดที่ดึงดูดวิดีโอคอนเทนต์มารวมไว้ ดึงดูดคนใช้งานที่ตอนนี้มี Active User ที่มีประมาณ 1,500 ล้านคน และเตรียมดูดเม็ดเงินโฆษณาอีกมหาศาล

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ