TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessKT Ventures ประกาศพันธกิจ สร้างยูนิคอร์นให้ประเทศไทย

KT Ventures ประกาศพันธกิจ สร้างยูนิคอร์นให้ประเทศไทย

เป็น Krungthai Innovation Lab มา 2 ปี ปัจจุบัน KT Ventures เป็น Investment Arm ของ บริษัท อินฟินิธัส จำกัด มีพันธกิจ คือ จะเป็นฟันเฟืองหนึ่งที่ช่วยสร้างยูนิคอร์นให้ประเทศไทย กับบทบาท “สะพานเชื่อม” สตาร์ตอัพ กับ Thailand Digital Platform และ ​VCs ต่างชาติ

“ทุกวันนี้ตื่นเช้ามา ยูนิคอร์นที่เราใช้ทุกตัวเป็นแอปฯต่างชาติหมด อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างยูนิคอร์นให้ประเทศไทย คิดว่า KT Ventures มีโอกาสที่จะทำตรงนี้ให้เกิดขึ้นได้จริง” สมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์ ซีอีโอ KT Ventures กล่าว

“หวังว่าจะได้เห็นยูนิคอร์น และมีความรู้สึกว่าใกล้ความจริงมากกว่าทุก ๆ ครั้ง คือ มีเครื่องมือ มีแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่ทำให้มีความใกล้เคียงที่ทำให้มียูนิคอร์นค่อนข้างมาก”

KT Ventures จะหนุนยูนิคอร์นผ่านการลงทุนเป็นหลัก แต่ด้วยความที่อยู่ในระบบนิเวศนี้มานาน มีเครือข่ายที่จะเปิดประตูให้สตาร์ตอัพหลายรายที่อาจจะไม่ได้ลงทุน อาจจะมาทำงานร่วมกันก่อนได้ 

“บทบาทจะไม่เหมือนตอนที่ทำ dtac accelerate ที่ Groom มาตั้งแต่เล็ก ๆ แล้วส่งไม้ต่อ บทบาทตรงนี้เหมือนเป็นไม้ต่อที่จะมารอรับสตาร์ตอัพที่เติบโตมาระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งสตาร์ตอัพที่เราลงทุนจะมาตอบโจทย์ในระบบนิเวศที่เราสร้างอยู่ Open Platform ของอินฟินิธัส ซึ่งหากสามารถต่อยอดได้จะเป็นประโยชน์ได้ดี”

KT Ventures จะลงทุนในสตาร์ตอัพที่เป็น ​Growth Stage คือ ซีรีส์ A และสูงขึ้นไป ประมาณ 80% และอาจจะมี Pre-Series A บ้าง 20% ด้วยความที่เป็นซีรีส์ A และสูงขึ้นไป นั่นหมายความว่า Product-Market Fit แล้ว Growth Stage แล้ว อยู่ในระดับที่จะขยายตัวในระดับภูมิภาค 

กรุงไทยมีแพลตฟอร์มหลายตัวที่ช่วยเหลือสิ่งเหล่านี้ได้อยู่ มีฐานลูกค้าที่มาจากโครงการหลายโครงการที่ทำมา ไม่ว่าจะเป็น ชิม ช้อป ใช้  คนละครึ่ง สปสช. เป็นต้น ถือเป็นฐานลูกค้า 40-50 ล้านคนและถือเป็น Open Platform ของคนไทยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแล้ว

ทว่าสตาร์ตอัพที่ KT Ventures ไม่ได้เน้นที่ฟินเทคท่านั้น เพราะด้วยพันธกิจของอินฟินิธัสในการขับเคลื่อน Thailand Digital Platform (TDP) ที่เป็นระบบเปิด สตาร์ตอัพที่มีบริการที่สามารถมาต่อยอดได้ไม่จำเป็นต้องเป็นฟินเทคก็สามารถทำได้ อาจจะเป็นการท่องเที่ยว การแพทย์และสุขภาพ ดาต้าคอมเมิร์ซ เป็นต้น 

“การสร้างโครงสร้างพื้นฐานระดับประเทศแบบที่อินฟินิธัสทำ สตาร์ตอัพที่เข้ามา ถ้าเขามีโจทย์เดียวกับเรา ว่าต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศหรือมีโซลูชัน มีสินค้าที่คิดว่าจะทำให้แพลตฟอร์มนี้เกิดประโยชน์สูงสุด และเราช่วยให้เขาสเกลได้เราก็ลงทุน ไม่เฉพาะต้องเป็นฟินเทค แต่เราอาจจะเชี่ยวชาญฟินเทค ด้วยความที่หลังบ้านเราเป็นธนาคาร”

อย่างไรก็ดี เป้าหมายใหญ่ของ KT Ventures ยังเหมือนเดิม คือ การช่วยเอสเอ็มอีสู่ดิจิทัล  (Digitize SMEs) แต่ความถนัด โฟกัสที่ Thailand Digital Platform จะไปได้ KT Ventures จะโฟกัสที่ 5 เสาหลักที่อินฟินิธัสมีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อม ซึ่งธนาคารกรุงไทยเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีรัฐเป็นพันธมิตร คือ Healthtech, Data Commerce, Travel, Capital Market ไม่ได้หมายความว่าไม่เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้จะไม่สามารถมาต่อได้

“ถ้าสามารถมาต่อยอดสิ่งที่กรุงไทยทำ อาทิ แอปเป๋าตัง ถือเป็น Open Platform ที่มีลูกค้า 40-50 ล้านราย จะต่อยอดอย่างไร จะทำให้แอปเป๋าตังเป็น Super App อย่างไรได้บ้าง เป็นต้น เราก็อยากลงทุนในสตาร์ตอัพที่มีวิสัยทัศน์ มีสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์สิ่งเหล่านี้”

ในมิติของผลกระทบของสินค้าและบริการของสตาร์อัพที่ KT Ventures สนับสนุน ก็สามารถมาต่อยอด Thailand Digital Platform ได้ มีลูกค้า 40-50 ล้านรายรออยู่ ก็สามารถสเกลได้ ทำกำไร และเติบโตได้ ซึ่ง 40-50 ล้านรายเป็นลูกค้าที่มีอยู่ในมือแล้ว แต่ประเทศไทยมีอีก 30-40 ล้ายรายที่อยู่นอก Platform นี้ ที่สามารถเพิ่มเข้ามาได้อีก 

ซึ่งตรงนี้เป็นขนาดตลาดที่ใหญ่มาก หากจะทำให้สตาร์ตอัพมีโอกาสเข้าถึงตลาดที่มีขนาดใหญ่เท่านี้ เขาต้องใช้กำลังคนและกำลังเงินจำนวนมาก ต้องทุ่มเงินขนาดไหนถึงจะมีคนใช้งานระดับ 20-30 ล้านรายได้ 

ถ้าสตาร์ตอัพสามารถใช้ประโยชน์และต่อยอดจากฐานลูกค้าที่อยู่บน Thailand Digital Platform อยู่แล้ว ณ ตอนนีไ้ด้ เขาจะได้เข้าถึงฐานลูกค้าจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว โดยไม่ต้องทุ่มเงินจำนวนมหาศาล

อย่างโครงการคนละครึ่งมีหลักเกือบสิบล้านรายการต่อวัน สตาร์ตอัพไทยมีจำนวนการใช้งานมหาศาลขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายหากไม่มี National Platform ที่ช่วยให้เขาสเกลได้ นี่คือ Springboard สำหรับสตาร์ตอัพ เพื่อกระโดดขึ้นไปอยู่ในระดับโลกได้” 

จำนวนฐานลูกค้าขนาดนี้ใหญ่พอสำหรับบางอุตสาหกรรมและไม่พอสำหรับบางอุตสาหกรรม อาทิ ตลาดกองทุนในประเทศไทยมีขนาดใหญ่ หากสตาร์ตอัพได้ส่วนแบ่งตลาด 1% อาจจะไปถึงยูยิคอร์นได้โดยไม่ต้องออกตลาดต่างประเทศ ในขณะที่ตลาด HealthTech ที่จับตลาดผู้สูงอายุ ลำพังตลาดไทยอาจจะไม่พอ แต่ตลาด SEA อาจจะพอ 

เน้นลง Series A และสูงขึ้นไป 

เบื้องต้นมีเงินลงทุนขั้นต่ำ 3,000 ล้านบาท สำหรับการลงทุน 4 ปี KT Vuntures เองมีโอกาสที่จะ Spin Off ออกมาจากอินฟินิธัสอีกขั้นหนึ่ง 

ขนาดการลงทุนที่ KT Ventures เตรียมลงในระดับ Series A และสูงขึ้นไป โดยเฉลี่ยสำหรับการลงทุนในสตาร์ตอัพในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมูลค่าบริษัทสตาร์ตอัพและ VCs ที่จะร่วมลงทุนในรอบนั้นด้วย 

“Ticket Size ที่จะลง คือ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป แต่ไม่ได้กำหนดตายตัวว่าขนาดการลงทุนจะเป็นเท่าใด ขึ้นกับ VCs ที่จะลงทุนในรอบนั้น ๆ ด้วย และมูลค่าทั้งหมด แต่ถ้ามีรายใหญ่มาก ๆ มาลง Ticket Size ก็อาจจะต้องขยับไปตามสัดส่วนการลงทุน ไม่จำเป็นต้องเป็น Lead Investment ทุกครั้ง แต่ถ้าเป็นได้ก็ชื่นชอบกว่า”

หากไปดูภูมิทัศน์สตาร์ตอัพไทย จาก Series A ไป Series B เริ่มติดขัด มีจำนวนนับนิ้วมือได้ จึงเกิดคำถามว่าทำไม สตาร์ตอัพไทยจาก Series A ไป Series B ถึงมีไม่มาก ไม่ใช่สตาร์ตอัพไทยไม่ดี แต่ Financial VCs ต่างชาติ ส่วนใหญ่ไม่มีตัวตนในไทย อยากจะ Lead Investment แต่ไม่สะดวกใจ ตรงนี้ในแง่ของ KT Ventures จะเข้าไปตอบโจทย์ได้ เพราะอยู่ในไทยและเป็น Investment Arm ของอินฟินิธัส น่าจะไปช่วยตรงนี้ (เป็น Lead Investor) ได้เยอะมาก 

ที่ผ่านมาตรงนี้เป็นช่องว่างหนึ่งที่ทำให้มีสตาร์ตอัพไทยไป Series B ไม่มาก หาก KT Ventures เล่นบทบาท The Bridge นี้ จะช่วยลดช่องว่างลงได้ 40% ของสตาร์ตอัพจาก Series A ที่ไป Series B ไม่ได้ 

“6 เดือนที่ผ่านมาคุยกับสตาร์ตอัพ Series A ประมาณ 6-7 ราย ทุกคนมี Term Sheet รอ มี Series B จ่ออยู่แต่ติดข้อจำกัดที่ว่า VCs ต่างชาติต้องการให้มี Lead Investment ในไทย ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็น VC ไทยเท่านั้น เป็น VCs ต่างชาติก็ได้ แต่ต้องมีตัวแทนในไทย ที่ผ่านมาสตาร์ตอัพหลายรายแก้ปัญหาด้วยการไปจดทะเบียนในต่างประเทศ” 

บทบาทการเป็น Lead Investor นี้ KT Ventures ช่วยได้มาก เพราะ KT Ventures มีธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นธนาคารของรัฐหนุนหลังอยู่ 

“ลงทุนรอบนี้จะแตกต่างจากทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา ROI จำเป็นต้องมี แต่ไม่จำเป็นต้อง Maximize ขนาดนั้น ไม่ได้ต้องการลงทุน 1 เพื่อให้ได้ 1,000 อาจจะได้ 100 หรือ 10 ก็ได้ ถ้ามันสามารถช่วยสเกล Thailand Digital Platform ได้ เรามีโจทย์เหล่านี้เข้ามาด้วย ทำให้การลงทุนของเราจะเป็นอะไรที่น่าสนุกมาก ๆ”

ก่อนหน้านี้ประเทศไทยไม่เคยอยู่ในเรดาห์ของ VCs ต่างชาติเลย เพิ่งจะมีปี 2019 ที่ผ่านมาจะเริ่มมีมีดีลระดับ 100 ล้านเหรียญ อย่างของ Wongnai กับ LINE MAN หรือ aCommerce แต่ยังไม่มากในแง่ของปริมาณ ซึ่ง KT Ventures อยากจะปักธงแบบนี้ 

หากมีดีลแบบนี้ Series B และ Series C เกิดขึ้นเรื่อย ๆ ภาพระบบนิเวศสตาร์ตอัพไทยจะเริ่มเหมือนอินโดนีเซียเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว เพราะพอเริ่มมีการ Exit ของสตาร์ตอัพไทย เงินจากการ Exit ก็จะกลับเข้าประเทศไทย และจะหมุนระบบนิเวศสตาร์ตอัพไทยไปเรื่อย ๆ เหมือนที่เห็นที่อินโดนีเซียก่อนหน้านี้ 

“ตลอด 4 เดือนเรามีคุยอยู่หลายราย และเล็งไว้ว่าจะลงทุนแน่นอนอยู่ 2-3 ราย เราจะลงทุนทันทีที่กระบวนการทางกฎหมายเสร็จสิ้น แล้วเราสามารถลงทุนได้ ก็น่าจะประมาณไตรมาส 1 ปี 2021 เราไม่ได้ลงรอบเดียวแล้วหาย ถ้าเขามีแนวโน้มที่ดี เราจะลงตามไป Series B ซึ่งขนาดการลงทุนโดยเฉลี่ยคือ 5 เท่าจาก Series A เพราะฉะนั้น ปีแรกจำนวนดีลอาจจะมาก แต่ในปีที่ 2,3,4 จำนวเงินจะมากกว่าจำนวนดีล” 

KT Ventures ปักธงจะอยู่กับสตาร์ตอัพที่ลงทุนจนกว่าจะ Exit แต่ขึ้นกับสถานการณ์ของสตาร์ตอัพด้วย หากประเทศและสตาร์ตอัพได้ประโยชน์ KT Ventures อาจจะ Exit ก่อน 

“ไม่ได้มีความรู้สึกว่าได้นำประสบการณ์จากการทำดีแทค แอคเซอเลอเรทมาต่อยอดตรงนี้ เพราะตรงนี้ใหญ่กว่ามาก ๆ แต่ใช้ประสบการณ์ที่อยู่ในระบบนิเวศสตาร์ตอัพมานาน ทำให้เรามองได้ไว ๆ ว่าจะหยิบจับสตาร์ตอัพไหนมาเชื่อมต่อกับโครงสร้างพื้นฐาน เราเป็นเหมือนสะพานเชื่อม 2 โลก เชื่อมระหว่างสิ่งที่กรุงไทยมี และสิ่งที่สตาร์ตอัพมี เราดึงข้อดีของทั้งสองฝั่งมาเจอกันตรงกลางได้”​

CVC (Corporate VC) ทั้งโลก 70% ล้มเหลว เพราะเขาเลือกลงทุนแต่สตาร์ตอัพที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอย่างเดียว เหมือนโฟกัสที่ตัวเองมากกว่าโฟกัสที่ภาพรวม KT Ventures จะมีบทบาทเชื่อมระหว่าง Corporate และสตาร์ตอัพและสามารถสร้างมูลค่าจากการมาเจอกันได้ 

“สตาร์ตอัพไทยยังมีโอกาสไปถึงยูนิคอร์น ยิ่งมี Thailand Digital Platform เป็น Springboard ให้ มีเราเป็นตัวเชื่อม”  

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ