TH | EN
spot_img
TH | EN
spot_imgspot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกTechnologyชไนเดอร์ ชูกลยุทธ์ ‘มัดใจช่างไฟ’ บุกตลาดบ้านอัจฉริยะ HEMS

ชไนเดอร์ ชูกลยุทธ์ ‘มัดใจช่างไฟ’ บุกตลาดบ้านอัจฉริยะ HEMS

ในยุคที่เทคโนโลยีและพลังงานสะอาดกลายเป็นเมกะเทรนด์สำคัญ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) กำลังเดิมพันครั้งใหญ่กับการผลักดันโซลูชัน บ้านแห่งอนาคต (Home of the Future) ที่ผสานระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะ (Home Energy Management System – HEMS) เข้ากับการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ทว่าเบื้องหลังเทคโนโลยีล้ำสมัย กุญแจสำคัญที่ชไนเดอร์มองว่าจะมาปลดล็อกตลาดนี้กลับไม่ใช่แค่ตัวผลิตภัณฑ์ แต่เป็น ช่างไฟ บุคคลที่เปรียบเสมือนทัพหน้าและผู้มีอิทธิพลตัวจริงในการตัดสินใจของผู้บริโภค

นี่คือกลยุทธ์ที่น่าจับตากับการสร้าง Ecosystem ที่แข็งแกร่ง ผ่านการมัดใจและพัฒนาศักยภาพช่างไฟกว่า 100,000 คนทั่วประเทศ เพื่อเป็นสะพานเชื่อมเทคโนโลยีที่ซับซ้อนไปสู่บ้านทุกหลัง

HEMS: เมื่อบ้านไม่ได้เป็นแค่ที่อยู่อาศัยแต่คือโรงไฟฟ้าส่วนตัว

วิสัยทัศน์บ้านแห่งอนาคตของชไนเดอร์ตั้งอยู่บนแกนหลัก 3 ส่วนที่ทำงานสอดประสานกันอย่างสมบูรณ์ คือ การผลิตพลังงาน การใช้พลังงาน (โหลด) และการบริหารจัดการ

  1. ส่วนผลิตพลังงาน: นำโดยระบบโซลาร์รูฟท็อป ที่เปลี่ยนหลังคาบ้านให้กลายเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าสะอาด พร้อมด้วยอุปกรณ์เสริมอย่างอินเวอร์เตอร์และแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน (Energy Storage) สำหรับใช้งานในเวลาที่ไม่มีแสงแดด
  2. ส่วนใช้พลังงาน (Load): ครอบคลุมเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในบ้าน ตั้งแต่ระบบพื้นฐานอย่างแสงสว่าง, เครื่องปรับอากาศ, ปั๊มน้ำ ไปจนถึงโหลดขนาดใหญ่อย่าง เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) ซึ่งกินไฟเทียบเท่ากับการเปิดเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ 5-6 เครื่องพร้อมกัน
  3. ส่วนบริหารจัดการ: หัวใจของระบบคือ ตู้ไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่ติดตั้งเซ็นเซอร์ PowerTag เพื่อตรวจจับและส่งข้อมูลการใช้พลังงานของแต่ละวงจรแบบเรียลไทม์ผ่านระบบ Zigbee ไปยัง Gateway และขึ้นสู่ระบบคลาวด์

กุศล กุศลส่ง รองประธานกลุ่มธุรกิจ Residential ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมา อธิบายแนวคิดนี้ว่าเป็นการ Make the Invisible Visible คือการทำให้พลังงานไฟฟ้าที่มองไม่เห็น สามารถมองเห็นและบริหารจัดการได้ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ผู้ใช้จะทราบได้ทันทีว่าพลังงานถูกใช้ไปกับส่วนไหนมากที่สุด ช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดค่าไฟและลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“พลังงานไฟฟ้าเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น เราใช้งานแต่ไม่รู้ว่าใช้ไปเท่าไหร่ ที่ไหน ระบบมอนิเตอร์ริ่งจะช่วยบอกได้ว่าเราใช้ตรงไหนคุ้ม หรือไม่คุ้ม เพื่อให้ผู้ใช้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น” คุณกุศล กล่าว

กลยุทธ์มัดใจช่างไฟ: ตัวจักรสำคัญสู่บ้านทุกหลัง

แม้เทคโนโลยีจะล้ำสมัยเพียงใด แต่ชไนเดอร์ตระหนักดีว่าสินค้ากลุ่มนี้ไม่สามารถซื้อไป วาง แล้วใช้งานได้เลย แต่ต้องผ่านการติดตั้งที่ได้มาตรฐานและปลอดภัย ซึ่ง ช่างไฟ คือผู้กุมบทบาทสำคัญนี้

ชไนเดอร์ระบุว่า ช่างไฟคือ Decision Maker ตัวจริงในตลาดบ้านสร้างเองและอาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก ความปลอดภัยของผู้ใช้งานครึ่งหนึ่งขึ้นอยู่กับคุณภาพผลิตภัณฑ์ และอีกครึ่งหนึ่งอยู่ที่ฝีมือการติดตั้ง ด้วยเหตุนี้ ชไนเดอร์จึงทุ่มเททรัพยากรเพื่อสร้างชุมชนช่างไฟที่แข็งแกร่ง ผ่านกลยุทธ์ 3 ระดับ

  1. ระดับการเข้าถึงในวงกว้าง ทางออฟไลน์ ร่วมมือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (DSD) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) และวิทยาลัยเทคนิคต่าง ๆ เพื่อจัดอบรมให้ความรู้และสร้างความคุ้นเคยกับแบรนด์ตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา ส่วนทางออนไลน์ ใช้โซเชียลมีเดียทั้ง Facebook, YouTube และ TikTok ในการสื่อสาร และสร้าง LINE OA ซึ่งปัจจุบันมีช่างไฟที่เป็นสมาชิกกว่า 5,000 คน เป็นช่องทางสื่อสารเบื้องต้นที่รวดเร็วและสะดวกที่สุด
  2. ระดับการสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผ่าน Mobile Application ด้วยการพัฒนาแอปพลิเคชัน MySchneider ที่เป็นมากกว่าช่องทางสื่อสาร โดยมีฟีเจอร์ Loyalty Program ให้ช่างไฟสแกน QR Code บนผลิตภัณฑ์เพื่อสะสมคะแนนแลกของรางวัล, เข้าถึงคอร์สเทรนนิ่งออนไลน์ และติดต่อขอความช่วยเหลือด้านเทคนิคได้โดยตรง
  3. ระดับการสร้างชุมชนระดับพรีเมียม (Exclusive Community) ด้วยการคัดเลือกช่างไฟระดับท็อปประมาณ 800 คนทั่วประเทศเข้าสู่ชุมชนพิเศษ ที่มีกิจกรรมใกล้ชิดแบบ Face-to-Face เช่น การทำกิจกรรม CSR ร่วมกัน ด้วยการปรับปรุงระบบไฟให้โรงเรียนและวัด สร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์และได้ตอบแทนสังคม

“แบรนด์ Loyalty ของช่างไฟสูงมาก เพราะเขาเป็นคนที่คลุกคลีกับสินค้าของเรานานที่สุดในบ้านหนึ่งหลัง ถ้าเขารักและประทับใจ เขาจะเป็นคนช่วยบอกต่อที่มีพลังอย่างมหาศาล”

นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกมิติการใช้ชีวิต

นอกเหนือจากระบบ HEMS แล้ว ชไนเดอร์ยังได้จัดแสดงกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับที่อยู่อาศัยที่น่าสนใจอีกหลายรายการ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่

EV Charger มีให้เลือกทั้งแบบ AC Charger (สูงสุด 22 กิโลวัตต์) สำหรับการชาร์จที่บ้าน ซึ่งช้ากว่าแต่ปลอดภัยและดีต่อแบตเตอรี่ และ DC Fast Charger (เริ่มต้น 50 กิโลวัตต์ ไปจนถึง 180 กิโลวัตต์ในอนาคต) สำหรับสถานีชาร์จสาธารณะ

ระบบควบคุมในบ้าน KNX เป็นระบบ Home Automation ขั้นสูงที่เชื่อมต่อการควบคุมทั้งแสงสว่าง เครื่องปรับอากาศ ม่าน และระบบความปลอดภัยเข้าไว้ด้วยกัน โดดเด่นด้วยสวิตช์ดีไซน์ล้ำสมัยแบบสัมผัสและจอทัชสกรีน ที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวเพื่อเปิดไฟ LED นำทาง ช่วยให้สบายตา

สวิตช์และเต้ารับดีไซน์ใหม่ นำเสนอดีไซน์สวิตช์และเต้ารับหลากหลายรูปแบบ ทั้งทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสและผืนผ้า พร้อมฟังก์ชันใหม่ ๆ เช่น USB Fast Charge 65 วัตต์ ที่สามารถชาร์จแล็ปท็อปได้โดยตรงไม่ต้องผ่านอแดปเตอร์ และเต้ารับที่มีสวิตช์ปิด-เปิดในตัว ช่วยเพิ่มความสะดวกและปลอดภัย

ความท้าทายและอนาคตของตลาด

แม้ HEMS จะเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคต แต่การเข้าถึงในปัจจุบันยังจำกัดอยู่ในกลุ่มบ้านระดับบนและโครงการใหม่ ๆ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาของอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น แผงโซลาร์และ EV Charger มีราคาถูกลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ROI (Return on Investment) หรือระยะเวลาคืนทุนสั้นลงอย่างเห็นได้ชัด จากในอดีตที่อาจนานกว่า 5 ปี ปัจจุบันสำหรับโครงการบ้านใหม่ อาจใช้เวลาเพียง 2-3 ปีเท่านั้น

ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ตลาดนี้เติบโตแบบก้าวกระโดด คือนโยบายภาครัฐที่อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถขายไฟคืนให้กับการไฟฟ้า ซึ่งจะสร้างแรงจูงใจให้ครัวเรือนหันมาติดตั้งระบบโซลาร์และ HEMS มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ท้ายที่สุด กลยุทธ์ของ ชไนเดอร์ อีเล็คทริค สะท้อนให้เห็นว่า การจะนำพานวัตกรรมไปสู่ตลาดในวงกว้างได้นั้น เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แต่ต้องอาศัยคนเป็นผู้ขับเคลื่อน และการลงทุนสร้างชุมชนช่างไฟให้มีความรู้และภักดีต่อแบรนด์ คือการวางรากฐานที่แข็งแกร่งและยั่งยืน เพื่อรอรับการเติบโตของตลาดบ้านแห่งอนาคตที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ถอดบทเรียนจากรัฐบาลดิจิทัลระดับโลก: เดนมาร์ก, UK, เอสโตเนีย

LG Subscribe ฉลอง 1 ปีโต 1,230% ดันไทยขึ้นเบอร์ 1 โลก

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Latest News

MUST READ