5 ปี LINE BK พลิกทำกำไรสำเร็จ โกยลูกค้า 8 ล้านคน ปักธงสู่ ‘Everyday Financial Partner’ ต่อยอด Ecosystem สู่ทุกมิติชีวิต
ครบรอบ 5 ปี ของ LINE BK บริการธนาคารบนโซเชียลแพลตฟอร์มรายแรกของไทย ที่เดินทางผ่านสารพัดวิกฤติเศรษฐกิจมาพร้อมกับคนไทย ประกาศความสำเร็จด้วยฐานลูกค้ากว่า 8 ล้านคน พร้อมสินเชื่อที่ปล่อยไปแล้วกว่า 85 แสนราย ที่สำคัญคือสามารถสร้างกำไรได้แล้ว ตอกย้ำความสำเร็จของโมเดลธุรกิจดิจิทัลที่ต้องอาศัยสเกลขนาดใหญ่ ก่อนจะประกาศก้าวต่อไปสู่บทบาท “Everyday Financial Partner” หรือเพื่อนคู่คิดด้านการเงินที่อยู่เคียงข้างในทุกวันของชีวิต
หัวใจความสำเร็จ: เจาะกลุ่มที่เข้าไม่ถึง และพลังของสเกล
ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดคือภารกิจหลักในการเจาะตลาดกลุ่มที่มักถูกมองข้าม โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพอิสระและผู้มีรายได้น้อย ซึ่ง ธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด เรียกว่าเป็นกระดูกสันหลังของประเทศไทย ข้อมูลระบุว่าเกือบครึ่งหนึ่งของลูกค้าอาชีพอิสระที่มาสมัครสินเชื่อ มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มักเผชิญข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการสินเชื่อจากสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม โดยกลุ่มลูกค้าของ LINE BK นั้น มีสัดส่วนเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย และแม้จะหนาแน่นในกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่ก็มีการกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศตามสัดส่วนประชากรของแต่ละจังหวัด
โมเดลธุรกิจของ LINE BK ซึ่งเป็นธุรกิจดิจิทัลเต็มรูปแบบ มีต้นทุนการลงทุนด้านระบบในช่วงแรกที่สูง แต่เมื่อมีฐานลูกค้าที่ใหญ่พอ ค่าใช้จ่ายในการบริการลูกค้าใหม่แต่ละรายจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จุดนี้เองที่ทำให้ LINE BK สามารถทำกำไรได้สำเร็จหลังดำเนินงานมาพักหนึ่งแล้ว โดย ณ สิ้นครึ่งปีที่ผ่านมา บริษัทมีพอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ประมาณ 25,000 ล้านบาท
โจทย์ใหญ่ที่รอวันแก้: ทำอย่างไรกับ 90% ที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ
แม้จะมีลูกค้าสินเชื่อกว่า 85 แสนราย แต่ธนาเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกว่า ปัจจุบัน LINE BK มีอัตราการอนุมัติสินเชื่ออยู่ที่ประมาณ 10% เท่านั้น หมายความว่าในทุกๆ 100 คนที่เดินเข้ามาขอสินเชื่อ มีถึง 90 คนที่ต้องถูกปฏิเสธ ซึ่งบริษัทไม่ได้มองว่าคนกลุ่มนี้ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ทั้งหมด แต่ยังคงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องหาทางทำความเข้าใจลูกค้าให้ดีขึ้น เพื่อจะสามารถปล่อยสินเชื่อให้คนกลุ่มนี้ได้มากขึ้นในอนาคต
เจาะลึกพฤติกรรมลูกค้า: ชีวิตการเงินที่เกิดขึ้นตลอดวันบน LINE
ข้อมูลอินไซต์จากผู้ใช้งานสะท้อนภาพการเป็นพาร์ตเนอร์ในทุกวันได้อย่างชัดเจน โดยพบว่าลูกค้ามีการใช้งานตลอดทั้งวัน แต่จะหนาแน่นเป็นพิเศษในช่วงบ่ายถึงเย็น
- ช่วงเที่ยง: เป็นช่วงเวลาที่มีการสแกน QR เพื่อจ่ายเงินตามร้านค้าสูงสุด
- ช่วงบ่าย: เป็นช่วงที่คนสมัครและเบิกใช้วงเงินสินเชื่อมากที่สุด
- ช่วงเย็น: มียอดการโอนเงินพุ่งสูงสุด
พฤติกรรมเหล่านี้ยืนยันความสำเร็จในการทำให้เรื่องเงินเป็นเรื่องง่าย และผสานเข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้คนได้อย่างลงตัวผ่านแอปพลิเคชัน LINE ที่ใช้กันอยู่แล้ว
3 ธุรกิจหลัก: จากสินเชื่อ สู่ประกัน และความร่วมมือเฉพาะทาง
นอกจากการเงินพื้นฐานแล้ว LINE BK ยังเติบโตผ่าน 3 ธุรกิจหลักที่ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างรอบด้าน:
สินเชื่อเพื่อคนตัวเล็ก: เริ่มต้นให้บริการในปี 2563 ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ทำให้ความต้องการสินเชื่อพุ่งสูงถึงหลักแสนคนต่อวันในช่วงพีค ตลอดมาได้ช่วยเหลือลูกค้าผ่านการให้ส่วนลดค่างวด การปรับโครงสร้างหนี้ และให้ความรู้ทางการเงินเพื่อไม่ให้คนก่อหนี้เกินตัว
ประกันชิ้นเล็กที่เข้าถึงง่าย: LINE BK Insurance Broker เจาะตลาดประกันด้วยกลยุทธ์ชิ้นเล็กๆ ที่ขายง่ายๆ โดยมีเมืองไทยประกันชีวิตเป็นผู้รับประกันภัย ผลิตภัณฑ์ที่ขายดีคือ ประกันผู้ป่วยนอก (OPD), ประกันชดเชยรายได้ (HB), และประกันโรคร้ายแรง (CI) กลุ่มลูกค้าหลักคือ Gen Y (85%) และล่าสุดได้ออก ประกันมีหนี้ไม่มีห่วง เพื่อลดภาระให้ครอบครัวลูกค้าสินเชื่อโดยเฉพาะ
ความร่วมมือกับ LINE MAN Wongnai: เป็นการปล่อยสินเชื่อให้ร้านค้าบนแพลตฟอร์มโดยตรง จุดแข็งคือ LINE BK สามารถใช้ข้อมูลการค้าขายของร้านค้ามาวิเคราะห์สินเชื่อได้ ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น
จุดยืนท่ามกลางสมรภูมิ Virtual Bank
เมื่อถูกถามถึงการมาถึงของ Virtual Bank ธนาให้มุมมองที่น่าสนใจว่า สำหรับผู้บริโภคอาจไม่เห็นความแตกต่าง เพราะทำธุรกรรมได้ครบวงจรเหมือนกัน แต่จุดยืนของ LINE BK แตกต่างในเชิงโครงสร้าง คือ ไม่ได้ขอใบอนุญาต Virtual Bank และไม่ได้รับเงินฝากโดยตรง แต่ใช้โครงสร้างของธนาคารกสิกรไทยเป็นเบื้องหลัง โมเดลนี้ทำให้ LINE BK ไม่ต้องบริหารจัดการเงินฝากเอง แต่สามารถนำทรัพยากรเงินฝากจาก KBank ไปต่อยอดในการปล่อยสินเชื่อในกลุ่มที่ KBank ไม่ได้เจาะตลาดโดยตรงได้อย่างคล่องตัว โดยยอมรับว่าปีหน้าการแข่งขันจะดุเดือดขึ้น และบริษัทก็ได้เตรียมของสนุก ๆ ไว้รับมือเช่นกัน
ต่อยอด Ecosystem สู่เพื่อนคู่คิดการเงิน
สำหรับก้าวต่อไปในปีที่ 6 LINE BK ตั้งเป้าหมายในการเป็น “Everyday Financial Partner” อย่างเต็มรูปแบบ โดยจะต่อยอดจุดแข็งของ LINE Ecosystem ควบคู่ไปกับการใช้ความเข้าใจลูกค้ารายย่อยของธนาคารกสิกรไทย รวมถึงการเปิดตัวโปรแกรม “เพื่อนชวนเพื่อน” เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบอย่างมีความรับผิดชอบ
“เราต้องการให้ LINE BK เป็นมากกว่าบริการการเงิน คือเป็นเพื่อนคู่คิดด้านการเงิน ที่ใกล้ชิดกับชีวิตประจำวันมากขึ้น และคนไทยวางใจได้ทุกวัน” ธนา กล่าวทิ้งท้าย
