เเปิดวิสัยทัศน์ใหม่ True Business ประกาศสลัดภาพผู้ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม (Infrastructure Play) ก้าวสู่การเป็นผู้ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ (Intelligence Play) เต็มรูปแบบ ชูแนวคิด ‘Plus One’ เติมหนึ่งโซลูชันต่อยอดจากบริการพื้นฐาน หวังเป็นเพื่อนคู่คิดติดอาวุธให้ผู้ประกอบการทุกขนาดตั้งแต่รายย่อยถึงองค์กรยักษ์ใหญ่ ปักธงเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน GDP ประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ในยุคที่ทุกธุรกิจต้องวิ่งหนีการเปลี่ยนแปลง การมีเพียงแค่ “การเชื่อมต่อ” (Connectivity) อาจไม่เพียงพออีกต่อไป นี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้ True Business หน่วยงานดูแลลูกค้าองค์กรภายใต้ True Corporation ตัดสินใจปฏิวัติบทบาทของตัวเองครั้งใหญ่ จากเดิมที่เป็นเพียงผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ สู่การเป็น “ผู้ให้บริการโซลูชันอัจฉริยะ” ที่พร้อมจะเข้าไปแก้ปัญหาและสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจไทย
การประกาศวิสัยทัศน์ครั้งสำคัญนี้ นำโดย ดร.ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกลุ่มธุรกิจองค์กร และ ตฤณ สิทธิอนันต์วงศ์ หัวหน้าสายงานการพาณิชย์ด้านกลุ่มธุรกิจองค์กร บมจ ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่เผยทิศทางใหม่ที่มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้าองค์กรในทุกมิติ
ดร.ธีรเดช กล่าวว่า วิสัยทัศน์ของทรูคือการเปลี่ยนตัวเองจากการเป็น Infrastructure Play สู่การเป็น Intelligence Play ตลาดโทรคมนาคมที่มีมูลค่ากว่า 8 แสนล้านบาทกุญแจสำคัญที่จะสร้างการเติบโตได้ คือการขยับไปสู่บริการที่เหนือกว่าแค่โครงข่ายพื้นฐาน ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าการเติบโตอย่างชัดเจนว่า 70% ของการเติบโตใหม่จะมาจากบริการในกลุ่มที่เหนือกว่า Connectivity แม้ว่าปัจจุบันรายได้หลัก 80-90% จะยังมาจากบริการพื้นฐานก็ตาม โดยตั้งเป้าการเติบโตโดยรวมของธุรกิจไว้ที่ 4-5% ต่อปี ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้อย่างแท้จริง
เจาะลึกปรัชญา Plus One จาก Connectivity สู่ Solution ที่ใช่
หัวใจสำคัญของยุทธศาสตร์ใหม่นี้คือแนวคิดที่เรียกว่า Plus One หมายถึงการเสนอโซลูชันเพิ่มเติมอย่างน้อยหนึ่งอย่างให้กับลูกค้าที่ใช้บริการพื้นฐานอยู่แล้ว เพื่อช่วยให้ธุรกิจของพวกเขามีประสิทธิภาพและเติบโตได้ดียิ่งขึ้น
ผู้บริหารขยายความว่า วันนี้ธุรกิจจะคิดแค่ว่ามีอินเทอร์เน็ตหรือเบอร์มือถือไม่ได้แล้ว แต่ต้องต่อยอดด้วยบริการเสริม เช่น การเก็บไฟล์งานบน Secure Cloud ที่เข้าถึงได้จากทุกที่ หรือการติดกล้องที่ Food truck เพื่อไลฟ์สดขายของบน TikTok สร้างรายได้อีกทาง True Business เชื่อว่าการบวกหนึ่งโซลูชันเข้าไปจะสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่คุ้มค่าและยิ่งใหญ่กว่าให้แก่ผู้ประกอบการ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนเกินตัว เพราะเป้าหมายคือการทำให้ธุรกิจไทยลงเงินแล้วได้ ROI คุ้มค่าและสร้างการเติบโตได้
Data คือขุมทรัพย์, AI คืออาวุธ และ Cyber Security คือโล่กำบัง
เบื้องหลังการขับเคลื่อนสู่ Intelligence Play คือการนำขุมทรัพย์ข้อมูลมหาศาลจากฐานลูกค้ากว่า 50 ล้านรายทั่วประเทศ มาผนวกรวมกับเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Data Analytics เพื่อสร้างความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภคเชิงลึกแบบ 360 องศา หรือที่เรียกว่า Singularity การนำข้อมูลจากหลายแหล่งมาผสมผสานกัน จะทำให้เห็นภาพรวมของลูกค้าที่ช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และดึงลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงข้อมูล สิ่งที่จะตามมาเสมอคือความกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว True Business ย้ำว่าเรื่องนี้คือสิ่งที่ให้ความสำคัญสูงสุด โดยมี Cyber Security ระดับโลกเป็นเกราะป้องกันข้อมูลของลูกค้าไม่ให้รั่วไหล และต้องปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) อย่างเคร่งครัด เหนือสิ่งอื่นใด บริษัทยังตระหนักถึงความสำคัญของ AI ที่มีความรับผิดชอบ (Responsible AI) โดยแสดงความกังวลว่า AI อาจถูกป้อนข้อมูลที่บิดเบือนเข้าไป และมองว่า True Business มีหน้าที่สำคัญในการช่วยสร้างความตระหนักรู้ให้สังคมเข้าใจและใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้อง
แก้ Pain Point ธุรกิจไทย ด้วย Consultative Approach และ Ecosystem ที่แข็งแกร่ง
หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่ผู้ประกอบการไทยกำลังเผชิญคือ การมีโซลูชันให้เลือกใช้มากมายจนไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เหมาะสมกับธุรกิจของตัวเองอย่างแท้จริง และบ่อยครั้งที่การนำเทคโนโลยีหลาย ๆ ตัวเข้ามาใช้กลับสร้างปัญหาไซโล หรือการทำงานแบบแยกส่วน ทำให้ข้อมูลไม่เชื่อมถึงกัน
True Business ต้องการเข้ามาแก้ปัญหานี้ด้วยการทำงานแบบ Consultative Approach คุณตฤณ กล่าวว่าธุรกิจขนาดกลางลงมาบางทีเขารู้ว่าอยากจะทำ Digital Transformation แต่ไม่รู้เลยว่าต้องเริ่มยังไง ทรูจึงเข้ามาเป็นเหมือน One-stop service ที่ให้คำแนะนำและอาจจะเซอร์วิสได้ครบถ้วนในที่เดียว แนวทางนี้ยังถูกเสริมความแข็งแกร่งด้วยกลยุทธ์การสร้างระบบนิเวศผ่านการเป็นพันธมิตร โดยเลือกจับมือกับผู้ให้บริการคลาวด์ระดับโลก อย่าง Microsoft Azure หรือ Amazon AWS และใช้ประโยชน์จาก True IDC ซึ่งเป็น Data Center ในประเทศ ในขณะเดียวกันก็พร้อม ทำงานร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำ (Big Four) โดย True Business จะเน้นการนำโซลูชันไปใช้งานจริง
“True Business จะเลือกทำในสิ่งที่เชี่ยวชาญและทำได้ดีจริง ๆ เท่านั้น เช่น AI, Data Analytics, Cloud, Cyber Security และ Communication Solution โดยให้คำมั่นสัญญากับลูกค้าเสมอว่า หากเรื่องไหนไม่สามารถส่งมอบคุณภาพได้ ก็จะไม่ทำ”
ดร.ธีรเดช กล่าวว่า ความท้าทายที่สุดของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยี แต่คือการพาคนไปด้วยกัน การจะเปลี่ยนองค์กรให้มีวิสัยทัศน์ใหม่ได้นั้น จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติของพนักงานทุกคนให้พร้อมขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญกับการ Reskill และ Upskill บุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความสามารถสอดคล้องกับโซลูชันและบริการใหม่ ๆ ที่ต้องการนำเสนอสู่ตลาด
ภารกิจที่ใหญ่กว่าธุรกิจ: ร่วมเป็นทีมประเทศไทยขับเคลื่อน GDP
วิสัยทัศน์ของ True Business ไม่ได้หยุดอยู่แค่การเติบโตทางธุรกิจ แต่ยังมองไปถึงภาพใหญ่ระดับประเทศ
“เราอยากเป็นส่วนหนึ่งของทีมประเทศไทยที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและ GDP ของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำ AI ซึ่งมีศักยภาพสร้างการเติบโตให้ GDP ทั่วโลกได้ถึง 14% เข้ามาปฏิวัติอุตสาหกรรมหลักของไทย” ดร.ธีรเดช กล่าว
ตัวอย่างการใช้งานจริงในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การผลักดันแนวคิด Patient Singularity สร้างฐานข้อมูลสุขภาพแบบรวมศูนย์ และเปลี่ยนโฉมวงการจากการรักษาเมื่อป่วย (Reactive) ไปสู่ การดูแลเชิงป้องกัน (Preventive Healthcare) โดยใช้ข้อมูลคาดการณ์ความเสี่ยงล่วงหน้า
ด้านการเงินและการธนาคาร เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมเป้าหมายหลักที่มีความต้องการใช้ Data Analytics และ AI สูง เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ ๆ
ด้านภาครัฐและหน่วยงานท้องถิ่น นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าไปเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานระดับจังหวัดและท้องถิ่น เช่น อบต. อบจ. และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เพื่อยกระดับการบริการประชาชน
“ความฝันไม่ใช่แค่การปฏิวัติ True แต่คือการปฏิวัติธุรกิจในประเทศไทย เพื่อผลักดันให้คนตัวเล็กกลายเป็นคนตัวใหญ่ขึ้น และช่วยขับเคลื่อน GDP ของประเทศให้เติบโตไปพร้อมกันโดยไม่ตกขบวน”
นี่คือการประกาศจุดยืนครั้งสำคัญของ True Business ที่พร้อมจะเปลี่ยนตัวเองจากผู้ตามในโลกของโทรคมนาคม สู่การเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและโซลูชัน ที่จะเป็นเพื่อนคู่คิดและแรงขับเคลื่อนสำคัญให้ธุรกิจไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนในยุคดิจิทัล
