เทรนด์ใส่ใจสุขภาพมาแรง ข้อมูลคำสั่งซื้อจาก LINE MAN Wongnai ปี 2025 โชว์เมนู ‘มัตจะ’ เครื่องดื่มมาแรงที่สุดแห่งปี แซงทุกเทรนด์ ด้วยยอดสั่งเติบโตสูงสุด 300% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมียอดสั่งรวมกว่า 6.5 ล้านแก้ว ทั้งส่งอานิสงส์ต่อ ‘ชาเขียวนม’ ที่ราคาต่ำกว่าขึ้นครองเมนูยอดสั่งสูงสุดแทนที่กาแฟดำ

ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่รายใหญ่ เพิ่มเติมข้อมูลว่า ความแรงของมัตจะ สะท้อนกระแสสุขภาพและจัดเป็นเครื่องดื่ม Affordable Luxury ใหม่ของปี แต่ด้วยราคาของมัตจะค่อนข้างสูงประมาณกว่า 100 – 250 บาทต่อแก้ว จึงส่งผลให้ ‘ชาเขียวนม’ ซึ่งมีราคาถูกกว่าที่ประมาณ 60–70 บาทต่อแก้ว เข้าถึงง่ายกว่ามาก กลายเป็นตัวเลือกทดแทนมัตจะ และขึ้นเป็นเมนูเครื่องดื่มที่มียอดสั่งซื้อสูงสุดบนแพลตฟอร์ม เป็นการขึ้นมาแทนกาแฟดำที่เคยครองแชมป์มาตลอด ให้ไปอยู่อันดับ 2 ตามด้วย เอสเปรสโซ่เย็น ชานม และชาไทย
ยกระดับชาไทย
อย่างไรก็ตาม ชาไทย เป็นอีกแนวโน้มที่น่าสนใจ ด้วยการยกระดับชาไทยธรรมดาให้เทียบเท่ากาแฟ Specialty ด้วยการเน้นการคัดสรรแหล่งปลูกและรสชาติที่มีเอกลักษณ์ ทำให้ผู้บริโภคกระแสหลักหันมาสนใจชาไทยคุณภาพมากขึ้นในปีนี้
อีกทั้งชาไทยยังเป็นเมนูที่ได้รับการสั่งซื้ออันดับ 1 ในแคมเปญคนละครึ่ง พลัส ตามมาด้วย ตำปูปลาร้า ชาเขียวนม โกโก้ และตำป่า
คนไทยติดแซ่บ
ส่วนอาหารยอดนิยม ‘ตําปูปลาร้า’ กลับมาครองแชมป์เมนูยอดสั่งสูงสุดแห่งปี 2025 กว่า 8 ล้านจานทั่วประเทศ ชิงคืนบัลลังก์จาก ‘ไก่ทอด’ คู่แข่งตลอดกาลมาได้อย่างสมศักดิ์ศรี โดยข้าวผัดขึ้นเป็นอันดับ 2 ไก่ทอดไปอยู่อันดับ 3 ตามมาด้วย ข้าวมันไก่ และกะเพราหมูกรอบ
ความนิยมรสเผ็ดร้อนของคนไทยยังสะท้อนผ่านตัวเลขการค้นหาเมนูประเภท “ส้มตํา ยํา หม่าล่า” ที่มียอดค้นหารวมถึง 16 ล้านครั้ง ส่วนหมวดหมู่ที่มียอดค้นหาสูงสุดตามมาคือ ก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง อาหารจานเดียว และข้าวแกง
ทั้งนี้ ข้าวแกงได้รับการพิสูจน์ว่า เป็น Fast Food แบบไทยที่แข็งแกร่งที่สุดในช่วงเศรษฐกิจผันผวน ด้วยยอดสั่งรวมตลอดปีทะลุ 65 ล้านจาน เติบโตขึ้น 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากความสะดวก รวดเร็ว และราคาเข้าถึงง่าย ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการควบคุมค่าใช้จ่าย
เมนูข้าวแกงที่ขายดีที่สุดคือ หมูทอด/หมูก้อนทอด ตามด้วย ไข่พะโล้ แกงคั่ว ผัดพริกแกง และแกงเขียวหวาน
ชิโอะปังมาแรง

ขณะที่ เมนูที่ยอดสั่งสูงเติบโตรองจากมัตจะ ได้แก่ ชิโอะปัง หรือขนมปังเกลือ ซึ่งมาแรงและมีร้านชิโอะปังเปิดเพิ่มขึ้นบนแพลตฟอร์มกว่า 2,000 ร้าน
ส่วนไอศกรีมซันเดย์ เติบโตสูงจากกลยุทธ์ด้านราคาที่เข้าถึงง่ายของร้านแฟรนไชส์ใหญ่ และไก่จ๊อ เป็นม้ามืดที่ยอดสั่งเติบโตพุ่งสูง จากความง่ายในการเป็นอาหารจานด่วนและกินเล่นได้
ผู้บริโภครัดเข็มขัดต่อ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai ยังให้ข้อมูลว่า ปี 2025 กำลังซื้อของผู้บริโภคไม่สูงนัก เห็นได้จากกลุ่มยอดขายต่อบิลที่ต่ำกว่า 500 บาท ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจน้อยกว่า ยอดขายต่อร้านลดลงเพียง -12% ในไตรมาสที่ 2 ก่อนจะกลับมาโต 5% ในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน แต่เมนูที่ยอดบิลสูงกว่า 500 บาทถูกกดดันหนักกว่าในช่วงกลางปี โดยติดลบ 14% ในไตรมาส 2 และเริ่มฟื้นปลายปีเพิ่มขึ้น 4% หากยังโตน้อยกว่าเมนูราคาถูก
“แสดงให้เห็นว่ากำลังซื้อระดับกลางยังรัดเข็มขัดต่อเนื่อง ผู้บริโภคหันมานิยมเมนูราคาจับต้องได้มากขึ้นในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ตึงตัว”
ร้านต่างจังหวัดฟื้นแรง
ช่วงไตรมาส 4/2025 (เดือนตุลาคม – พฤศจิกายน) ภาพรวมตลาดร้านอาหารในต่างจังหวัดฟื้นตัวแรงกว่ากรุงเทพฯ ด้วยยอดขายต่อร้านต่างจังหวัดโตเฉลี่ย 7% จากไตรมาส 2 ติดลบ 11% ขณะที่กรุงเทพฯ โตเพียง 2% จากไตรมาส 2 ติดลบ 16%
ส่วนเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างเชียงใหม่ โตขึ้น 9% พัทยา 12% และภูเก็ต 7% เป็นการเริ่มฟื้นตามการกลับมาของนักท่องเที่ยว
ทั้งนี้ จากแคมเปญคนละครึ่ง พลัส ดันยอดขายร้านต่างจังหวัดโตสูง จังหวัดที่มียอดขายร้านเติบโตสูงที่สุด เมื่อเทียบกับยอดขายช่วงก่อนโครงการ ได้แก่ จันทบุรี เพิ่ม 9.4 เท่า หนองบัวลำภู 9.3 เท่า อุตรดิตถ์ 8.9 เท่า อุดรธานี 8 เท่า และเชียงราย 7 เท่า
อย่างไรก็ตาม แม้ช่วงสิ้นปีตลาดภาพรวมจะเริ่มฟื้น แต่กรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ที่ฟื้นตัวช้าที่สุด โดยโซนฮอตสปอต หลายย่านยังมียอดขายติดลบ โดยเฉพาะย่านบรรทัดทอง ที่เคยชะลอตัวหนักที่สุด ติดลบ 35% ในไตรมาส 2 แม้ดีขึ้นช่วงปลายปีแต่ยังติดลบ 21% และย่านธุรกิจสุขุมวิท-สีลม-สาทร ยอดขายต่อร้านยังคงติดลบ 1% จากเคยติดลบ 19% ในไตรมาส 2
“สะท้อนว่าร้านอาหารในย่านยอดนิยมของเมืองหลวงยังต้องเผชิญการแข่งขันและต้นทุนสูงต่อเนื่อง”
ส่วนร้านในห้าง เป็นกลุ่มเดียวในกรุงเทพฯ ที่พลิกกลับมาบวกได้ในช่วงปลายปี โดยช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ยอดขายเพิ่ม 1% จากไตรมาส 2 เคยติดลบ 21%
คนละครึ่ง พลัส กระตุ้นยอด
ด้านมาตรการรัฐช่วยปลดล็อกกำลังซื้อในวงกว้าง มีร้าน 65% ที่เข้าโครงการคนละครึ่ง พลัส เลือกขายบน LINE MAN และทำยอดขายในโครงการ 63% มากที่สุดในตลาด เกิดยอดออเดอร์คนละครึ่งรวมกว่า 8 ล้านออเดอร์ ภายใน 3 สัปดาห์ ยอดขายร้านค้าทั่วประเทศ เติบโตเฉลี่ย 4.2 เท่า และเติบโตสูงสุดมากกว่า 10 เท่า สูงกว่าโครงการ
คนละครึ่งในรอบที่ผ่านมา
“คนละครึ่ง พลัส ช่วยขยายฐานผู้ใช้และกระตุ้นกำลังซื้ออย่างชัดเจน ร้านค้าได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 22% ความถี่ในการสั่งบ่อยขึ้น 30% และมูลค่าต่อบิลโต 15%”
คุณยอด ชี้ว่า สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือคนละครึ่ง พลัสช่วยให้ร้านเล็ก ที่รายได้น้อยกว่า 10,000 บาท/เดือน เติบโตได้จริง มียอดขายเพิ่ม 5.9 เท่า เมื่อเทียบกับยอดขายช่วงก่อนโครงการ ส่วนร้านขนาดกลาง รายได้มากกว่า 10,000 บาท/เดือน เติบโต 2 เท่า
ด้านฝั่งไรเดอร์ก็ได้อานิสงส์จากโครงการ มีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 15–25% ตามปริมาณออเดอร์ต่อวันที่สูงขึ้น รายได้จากวันละ 600-800 บาท เพิ่มเป็นมากกว่า 1,000 บาท
ตั้งเป้าเติบโตกว่าตลาดที่ 20%
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยังมีเป้าหมายปี 2026 ว่า จะเติบโต 20% ต่อปีสูงกว่าตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ ที่คาดการณ์จะเติบโตประมาณ 15% ต่อปี แม้นักวิเคราะห์ จะมองว่า ปี 2025 เป็นช่วงเศรษฐกิจที่ดีที่สุดแล้วใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นความท้าทายของภาพรวมเศรษฐกิจ
ดังนั้น จึงวางแผนการรับมือที่ยืดหยุ่น และมีเทคโนโลยีรองรับ ด้วยการบริหารจัดการความไม่แน่นอน เตรียมรับมือทุกสถานการณ์ หลังมีบทเรียนจากปี 2025 ที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม สงคราม เกิดขึ้นต่อเนื่อง จนมองว่า “การไม่เกิดอะไรขึ้นเป็นเรื่องแปลกแล้ว”
แผนธุรกิจของบริษัท เตรียมทั้ง Base Case กรณีไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติ ไว้เป็นแกนหลักในการปฏิบัติงานจริง และเตรียม Scenario ต่าง ๆ เช่น หากมีโครงการคนละครึ่งเฟสใหม่ หรือเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่
นอกจากนี้ ได้ลงทุนในเทคโนโลยี เช่น AI มาใช้ในทุกกระบวนการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน ได้แก่ ร้านค้าจะออกผลิตภัณฑ์ AI ช่วงต้นปี เพื่อช่วยร้านค้าในการสร้างรูปภาพ เขียนรายละเอียดสินค้า ช่วยแปลภาษา และช่วยคิด bundle เมนู ที่เหมาะสมกับการขาย
ส่วน Customer Service ได้นำ AI มาใช้ตอบเคสผ่านแชตแล้วประมาณ 25% ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบกลับ งานขายและการตลาด AI จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลร้านค้าเพื่อแนะนำแคมเปญโฆษณาที่เหมาะสม
ช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัย
กรณีน้ำท่วมหาดใหญ่ บริษัทมีแผนการรับมือไม่ได้จำกัดแค่การบรรเทาทุกข์เบื้องต้น แต่เน้นการฟื้นฟูธุรกิจ ได้แก่ ฟื้นฟูร้านอาหารเนื่องจากปัญหาใหญ่ที่สุดคือร้านอาหารพังไปมาก อุปกรณ์เสียหายจนไม่สามารถเปิดได้ บริษัทกำลังพิจารณาจัดตั้ง Cloud Kitchens สัญจร เพื่อให้ร้านค้ากลับมาเปิดขายชั่วคราวได้ 3-6 เดือน เพื่อหาเงินฟื้นฟูร้านเดิม
พร้อมกับช่วยเหลือไรเดอร์โดยส่งช่างไปช่วยซ่อมบำรุงรถจักรยานยนต์ของไรเดอร์ที่เสียหายจากน้ำท่วม การให้ถุงยังชีพแก่ไรเดอร์และญาติ รวมถึงเปิดให้คนสั่งอาหารบริจาคตรงแก่สภากาชาดไทย
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เรเชล (Rachel) นวัตกรรมชุดพยุงร่างกายฝีมือคนไทย
SCBX: ก้าวข้าม AI สู่ Quantum Ready เดิมพันอนาคตโลกการเงิน




