ดีป้า เดินหน้าส่งเสริมสตาร์ตอัพต่อเนื่อง ปี 2564 ดีป้าวางแผนจะสนับสนุนสตาร์ตอัพอีกจำนวน 50 สตาร์ตอัพ ที่จะไปทำงานกับภาคธุรกิจอุตสาหกรรมและภาคการศึกษาที่มีความต้องการใช้งานดิจิทัลในการอยู่รอด ปีที่ผ่านมาสนับสนุน 50 ราย ในขณะที่ปีหน้าดีป้าจะสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพ ได้แก่ อุตสาหกรรมคอนเทนต์เพิ่มเติมอีก 5 ราย
-แกร็บ จับมือ ดีป้า และ Klasssi เปิดตัว “GrabAcademy”
-ดีป้า เดินหน้าส่งเสริมการยื่นจดทรัพย์สินทางปัญญาด้านดิจิทัล
ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กล่าวว่า ภาพรวมบริการดิจิทัล (Digital Service) ช่วงที่ผ่านมาเติบโตไม่น้อยกว่า 3 หมื่นล้านบาท หมายความว่าสตาร์ตอัพมีโอกาสทางธุรกิจเพิ่มขึ้น ส่วนตัวเชื่อว่าบริการดิจิทัลจะเข้ามาปิดช่องว่างในโลกวิถีใหม่
วิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมา ในช่วงแรกคนอาจจะยังตกใจ จึงหาบริการที่ตัวเองมีความรู้และต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ถัดมาเป็นช่วงการระวังภัย ก็จะเลือกใช้บริการที่ทำให้ตัวเองมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช่น เรื่องการศึกษา หรือเทคโนโลยีการแพทย์ และในอนาคตจะเป็นเรื่องการอยู่รอด การทำธุรกิจในรูปแบบเดิมอาจจะใช้ไม่ได้อีกต่อไป จะต้องใช้ดิจิทัลเข้ามาช่วยทำธุรกิจแบบใหม่ ซึ่งเป็นโอกาสของการพัฒนาบริการดิจิทัล
ต้องมองภาพสตาร์ตอัพไทยว่ามีจุดแข็งด้านใดบ้าง ถ้าจะไปแข่งด้าน FinTech ก็อาจจะสู้บางประเทศไม่ได้ แต่ไทยมีจุดแข็งในหลายเรื่อง เช่น เทคโนโลยีการเกษตร (AgriTech) การท่องเที่ยว (TravelTech) การศึกษา (EdTech) เป็น 3 แกนหลักที่ประเทศไทยจะต้องพัฒนาต่อ
“ซึ่งดีป้ามีหน้าที่สร้างความเชื่อมั่นสตาร์ตอัพไทย เราทำอย่างต่อเนื่อง ปีที่แล้วร่วมมือกับ 50 สตาร์ตอัพ มีทั้งกลุ่มที่เป็น Early Stage ที่เข้าไปช่วยแบกรับความเสี่ยง และกลุ่มที่เป็น Growth Stage ในปี 2564 วางไว้อีก 50 สตาร์ตอัพ ซึ่งถ้าดีป้าทำต่อเนื่องก็จะสามารถสร้างกองทัพมดของประเทศได้”
ดีป้าทำงานกับทุกภาคส่วน กลุ่มแรก คือ กลุ่มลูกค้า ช่วยให้พัฒนาและต่อยอดได้ กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มที่สร้างระบบนิเวศ โดยหน้าที่ของดีป้าคือคอยดูว่าใครมีบทบาทหน้าที่อะไร และเข้าไปสนับสนุนให้แต่ละภาคส่วนทำงานได้สะดวกขึ้น
“เราอยากจะมียูนิคอร์นในประเทศไทย แต่การสร้างยูนิคอร์นจะต้องค่อย ๆ พัฒนาขึ้นไป เราก็กำลังช่วยแก้ไขระบบต่าง ๆ เพื่อช่วยให้สตาร์ตอัพสามารถไปเติบโตในต่างประเทศได้ สร้างช่องทางให้สตาร์ตอัพเจอกับกลุ่มทุนจากต่างประเทศ หรือดึงนักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศไทย”
ในวันนี้ดีป้าเข้ามาสนับสนุน ไม่เพียงแค่การนำงบประมาณลงมาสนับสนุน แต่พาเอกชนและสตาร์ตอัพเข้ามามีส่วนร่วม สร้างบรรยากาศให้ผู้ซื้อและผู้ขายเจอกัน หรือสตาร์ตอัพได้เจอกัน ทำให้มีการพัฒนาต่อยอดหรือตกลงกันทางธุรกิจ ซึ่งความคาดหวังของดีป้า คือ สตาร์ตอัพไทยจะสามารถเติบโตและสเกลธุรกิจได้ในระดับโลก
