Aggie Haven Accelerator แห่งศูนย์วิจัยบีซีจีเพื่อเศรษฐกิจชนบทยั่งยืน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พร้อมด้วยสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และ 13 เอกชนโคราช ร่วมจัดอบรม Startup Booth Camp “หลักสูตร การระดมทุนและการบริหาร Startup ด้านเกษตรและอาหาร เพื่อสร้างมูลค่าสูงสุดและยั่งยืน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566” ระหว่างวันที่ 14-16 และ 21-23 มีนาคม 2566 ณ โรงแรมแคนทารี่ โคราช จ.นครราชสีมา
โครงการ Startup Booth Camp ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ ได้รับทุนสนับสนุนจาก งบประมาณแผ่นดินสนับสนุนการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ประจำปี พ.ศ. 2566 ซึ่งการอบรมครั้งนี้มีผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชน เกษตรกร บัณฑิตจบใหม่ และผู้สนใจทั่วไป ที่มีไอเดียในการทำสตาร์ตอัพจากทั่วทุกภูมิภาคสนใจลงทะเบียนเข้าร่วมฝึกอบรมจำนวนมาก และมีเพียง 60 ท่านที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมการอบรมในครั้งนี้ ซึ่งในงานได้มีการเสวนา เรื่อง “หลักสูตรการระดมทุนและการบริหาร Startup ด้านเกษตรและอาหารเพื่อสร้างมูลค่าสูงสุดและยั่งยืน กับ การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ Northeastern Economic Corridor : NeEC-Bioeconomy : ศักยภาพ โอกาส และความท้าทายของ Startup”
ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า “สร้างเศรษฐกิจ เป็นเรื่องสำคัญของสำคัญที่จะยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของชาวโคราช โคราชเป็นเมืองที่มีศักยภาพสูงในการผลักดันให้เกิด “โคราชสตาร์ทอัพซิตี้” ซึ่ง อบจ.นครราชสีมา มีความยินดีในการร่วมส่งเสริม สนับสนุน พร้อมผลักดันโคราชให้มีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมระบบนิเวศสตาร์ทอัพ (startup ecosystem) ให้เป็นพื้นที่สำหรับสตาร์ทอัพและนักลงทุนจากทั่วโลก
หัสดิน สุพัฒนะพงศ์เชฏ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจคณะที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา กล่าวย้ำว่า “โคราชเมืองแห่งการสร้างโอกาสทางธุรกิจ เชื่อมโยงงานวิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรม และแหล่งทุน เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมระดับภูมิภาค พร้อมเร่งรัดการจัดตั้งศูนย์ประสานงานเขตเศรษฐกิจพิเศษ ภายใต้การพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (จ.นครราชสีมา) ที่จะช่วยเร่งการเติบโตของธุรกิจและสตาร์ทอัพให้พุ่งทะยาน ครอบคลุมทุกด้าน พร้อมผนึกกำลังพันธมิตรเอกชนโคราช ที่จะร่วมผลักดันธุรกิจสตาร์ทอัพไทยที่จะมาเริ่มทำธุรกิจในโคราชให้แข่งขันได้ในระดับภูมิภาค”
กิตติกร โตใหญ่ ผู้จัดการศูนย์ให้บริการ SME ครบวงจร จังหวัดนครราชสีมา สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า “สสว. เดินหน้าจัดทำแผนปฏิบัติการส่งเสริม SME โดยมุ่งเน้นสร้างการเติบโตครอบคลุมเอสเอ็มอีทุกกลุ่ม และมุ่งเป้าในกลุ่มที่มีศักยภาพ เพื่อวางกรอบทิศทางการส่งเสริม SME ประจำปีของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญจะเป็นกรอบในการจัดทำข้อเสนอโครงการและงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐ ในการขับเคลื่อนการส่งเสริม SME ที่เหมาะสมและเพียงพอ
โครงการนี้ก็เป็นหนึ่งในโครงการที่ สสว. เล็งเห็นว่ามีศักยภาพ จึงได้มีการคัดเลือกเพื่อให้จัดทำโครงการที่จะขับเคลื่อนสตาร์ทอัพในภูมิภาคได้มีโอกาสได้เติบโต นอกจากนี้ สสว. ยังมีบริการดำเนินโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS หรือ (Business Development Service) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ให้ได้รับโอกาสในการเข้าถึงการบริการสนับสนุนด้านการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่ ที่ผู้ประกอบการ SME จะสามารถเลือกรับการบริการ หรือรับการพัฒนากับผู้ให้บริการทางธุรกิจ (Business Development Service Provider : BDSP) ในด้านที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจของตน โดย สสว. จะอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการพัฒนาให้แก่ผู้ประกอบการ SME แบบร่วมจ่าย (co-payment) ในสัดส่วนร้อยละ 50 ตามขนาดของธุรกิจ ซึ่งผู้ประกอบการ SME สามารถยื่นข้อเสนอเพื่อขอรับการบริการและการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ตามช่องทางนี้ได้อีกด้วย”
ดร.วิวัฒน์ นวลสิงห์ ผู้อำนวยการสถานพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการของนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี กล่าวว่า “มทส. เป็นมหาวิทยาลัยที่ส่งเสริมการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งส่งเสริมและพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการสำหรับนักศึกษา สร้างความตระหนักและแรงบันดาลใจด้านความเป็นผู้ประกอบการ การพัฒนาแนวคิด องค์ความรู้ และทักษะความเป็นผู้ประกอบการ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เป็นยุทธศาสตร์ของภูมิภาค และเป็นแหล่งพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นศูนย์กลางการถ่ายทอดเทคโนโลยี (technology transfer) รวมทั้งการส่งเสริมให้เกิดธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยี เพื่อเพิ่มมูลค่า (value add) ให้กับสินค้าและบริการ เพื่อให้งานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม ของ มทส. เกิดประโยชน์สูงสุดกับการพัฒนาพื้นที่ โดยเฉพาะในการพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษ NeEC”
ดร.นน อัครประเสริฐกุล ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส ฝ่ายส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กล่าวเสริมถึงศักยภาพของพื้นที่ ในการเป็นศูนย์กลางการพัฒนาทางด้านนวัตกรรมการเกษตรไม่เฉพาะของประเทศไทย แต่ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำแม่โขง โคราชมีความพร้อมทั้งเรื่องของ ทรัพยากรมนุษย์ เทคโนโลยี สภาพภูมิอากาศ รวมถึงความพร้อมของภาคเอกชนในการขับเคลื่อนความเป็นศูนย์กลางดังกล่าว ซึ่ง ดร. นน อัครประเสริฐกุล ซึ่งเป็นลูกหลานคนโคราชก็อยากที่จะกลับมาทำงานที่บ้านเกิดและช่วยการขับเคลื่อนระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษ NeEC อย่างเป็นรูปธรรม”
ดันไทยสู่ศูนย์กลางสตาร์ตอัพโลก
สายัณห์ ไวรางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แบ๊คสเตอร์ จำกัด เผยว่า หลักสูตรการระดมทุนและการบริหาร startup ด้านเกษตรและอาหารเพื่อสร้างมูลค่าสูงสุดและยั่งยืน จะเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนากำลังคน (Human Capital) ด้าน startup ด้านเกษตรและอาหารที่สำคัญ ที่จะผลักดันให้เกิด “โคราชสตาร์ทอัพซิตี้” ที่จะนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางสตาร์ตอัพระดับโลก (Global Startup Hub) เนื่องจากมีศักยภาพและความพร้อมในด้านโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรม และเครือข่ายต่าง ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.ปากช่อง ซึ่งมีอากาศและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่ startup ทั่วโลกจะมารวมกันที่โคราช
ดร. กำไร เบือนสันเทียะ ผู้อำนวยการหลักสูตรการระดมทุนและการบริหาร startup ด้านเกษตรและอาหารเพื่อสร้างมูลค่าสูงสุดและยั่งยืน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี กล่าวปิดท้ายการเสวนาว่า “ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (NeEC) เป็นฐานขับเคลื่อนที่สำคัญด้านเศรษฐกิจชีวภาพ ภายใต้โมเดล BCG ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบด้านทรัพยากรชีวภาพ เพื่อปลดล็อกการผลิต โดยเฉพาะภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมรูปแบบเดิม ที่“ทำมากถึงได้มาก” ไปสู่การผลิตแบบ “ทำน้อยแต่ได้มาก” ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาผสานกับองค์ความรู้ท้องถิ่น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้นตลอดห่วงโซ่การผลิต และยังเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดการสร้างมลภาวะ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน ซึ่งธุรกิจและอุตสาหกรรมเหล่านี้ต้องการสตาร์ทอัพมาเป็นพาร์ตเนอร์”
ดร.กำไรทิ้งท้ายว่า “โคราชเป็นเมืองที่มีความพร้อม มีอุตสาหกรรมเกษตรจำนวนมาก มีผู้ใหญ่ในจังหวัดให้การสนับสนุน เอกชนรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รวมทั้งเป็นเมืองแห่งการศึกษาและการเรียนรู้ หากมีการริเริ่ม “ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมสร้างความสำเร็จ” ไปด้วยกัน โดยระบบนิเวศของธุรกิจสตาร์ทอัพประกอบไปด้วย Accelerator, Back-office และ Capital จะช่วยเร่งการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพ ส่งผลให้โคราชมีศักยภาพในการปั้น startup ที่แข่งขันได้ในระดับโลก นอกจากนี้หากมีการบูรณาการผลักดันนโยบายการดึงดูดการทำธุรกิจและลงทุนจากนักลงทุนไทยและต่างชาติ “สร้างโคราชให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ NeEC โดยคนไทย เพื่อคนไทย” ที่จะผลักดัน “การส่งเสริม SME ในหมุดหมายที่ 7 ภายใต้แผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 : ไทยมี SMEs ที่เข้มแข็ง มีศักยภาพสูง และสามารถแข่งขันได้” ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้สตาร์ทอัพและธุรกิจไทยที่มาตั้งอยู่ที่โคราชให้มีมูลค่าสูงอย่างยั่งยืน”
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
SCGC x Colgate พัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ด้วยพลาสติกพิเศษจาก SCGC GREEN POLYMER
Naiin x Dek-D สร้างคอมมูนิตี้ เจาะกลุ่ม New Gen ชูคอนเซ็ปต์ “อ่านดี เรียนดี ชีวิตดี”