ความที่ไม่ต้องรับผิดชอบงานประจำแล้ว ทำให้มีโอกาสแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ จนหลงเข้ามาใน Social media ทำให้รู้ว่า โลกนี้ช่างกว้างใหญ่ยิ่งนัก
จากวันนั้น ที่ผมรู้จักแค่อีเมล์ กูเกิ้ล วันนี้ผมรู้จักไลน์ เฟซบุ๊ก (รวมถึงเมสเซนเจอร์) รู้จักอินสตาแกรม ยูทูป จนมาถึงทวิตเตอร์ บล็อกดิต และติ๊กต๊อก เมื่อเปิดไปดูข้อมูล Thai Social Media Behavior Stat & Insight 2023 ที่มีรายงานของ Thailand Digital Report บอกว่า คนไทยเราใช้เวลากับโซเชียลเหล่านี้ เฉลี่ยวันละ 2,59 ชั่วโมง และใช้โซเชียลเหล่านี้เฉลี่ย 7.1 แพลตฟอร์ม
ที่น่าสนใจคือเราใช้โทรศัพท์มือถือในการใช้โซเชียลเหล่านี้สูงถึง 96.2% และใช้จากเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือโน๊ตบุ๊คและแท็ปเล็ตน้อยที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจที่เรากลายเป็นสังคมมือถือไปแล้ว ไม่ว่าจะอยู่คนเดียวหรืออยู่ร่วมกับคนอื่น ไม่ว่าจะอยู่ในบ้าน หรือบนรถ แม้กระทั่งเวลาเดินอยู่บนท้องถนน
เหตุผลที่คนเราติดโซเชียล ในรายงานบอกว่า 57.2% ใช้เพื่อติดต่อเพื่อนฝูงหรือคนในครอบครัว อันดับสอง ติดตามข่าวสาร 38.5% ใช้เพื่อการฆ่าเวลาเป็นอันดับสาม 35.8% และอันดับสี่ได้แก่การสอดส่องความเคลื่อนไหวของผู้คนว่าสนใจเรื่องอะไรอยู่ และอันดับห้า เพื่อแสวงหาอะไรใหม่ ๆ ทำหรือซื้อประมาณ 33%
แต่เมื่อเราหันศึกษาสื่อโซเชียลที่คนไทยนิยมสูงสุด จะพบว่า เฟสบุ๊กกับติ๊กต๊อก ได้รับความนิยมสูงสุด (37.3%และ 21.3% ตามลำดับ) ที่น่าสนใจคือติ๊กต๊อก ที่มาใหม่สามารถแซงไลน์กับอินสตาแกรมได้
เพราะอะไร?
ผมเชื่อว่านอกจากจะเป็นสื่อที่เป็นทั้งผู้ให้และผู้รับแล้ว ยังสามารถแสดงความเป็นตัวตนหรือสร้างตัวตนได้ และการที่แสดงตัวตนหรือเป็นที่รู้จัก ทำให้กลายเป็นพื้นที่สร้างรายได้ได้เสียด้วย
ในทางสังคมมานุษยวิทยา พูดถึงความต้องการของมนุษย์นั้น นอกจากความต้องการปัจจัยพื้นฐาน และความต้องการความปลอดภัยแล้ว การต้องการความรักและการยอมรับของกลุ่ม จนได้รับการยกย่อง เป็นลำดับความสำคัญที่มนุษย์แสวงหา แล้วพื้นที่ไหนล่ะที่จะให้มนุษย์สร้างตัวตนได้ จนเป็นที่ยอมรับและได้รับการยกย่อง
วันนี้เราจึงมี Youtuber, Influencer, Content Creator และน่าจะมีคำเรียกหาอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อแสดงถึงความสามารถในการแสดงตัวตนได้
และเมื่อเราสามารถแสดงตัวตน แสดงความสามารถผ่านสื่อโซเชียลเหล่านี้ นอกจากจะทำให้สังคมรู้ว่าเรามีตัวตนแล้ว ยังมีรายได้เข้ามาให้อย่างงดงามเสียด้วย Business Insider ระบุว่า YouTuber ที่มีผู้ติดตามล้านคน สามารถสร้างรายได้ระหว่าง 14,600-54,600 ดอลลาร์หรือ ราว 50,000-1,900,000 บาทเลยทีเดียว เนื่องจากทาง YouTube สามารถหารายได้จากโฆษณา และแบ่งให้กับ Youtuber ที่สามารถเรียกคนเข้ามาดูได้ ขณะเดียวกันการเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง มีคนติดตามอยู่จำนวนมาก ก็จะมีเจ้าของสินค้า/บริการ มาติดต่อให้ช่วยโฆษณาหรือแนะนำสินค้า/บริการเหล่านั้น Influencer Marketing Outlook เผยว่า ค่าจ้างในการจ้างระดับเรือนหมื่นเลยทีเดียว ขึ้นอยู่จำนวนผู้ติดตาม
จึงไม่ต้องแปลกใจ ที่ใคร ๆ ก็อยากมีตัวตนในสังคมโซเชียล เพราะไม่ได้จำกัดเพศหรืออายุ การศึกษา ขึ้นอยู่กับไอเดียความสามารถ ไม่มีเกษียณ เหมือนเป็นอาชีพอิสระ หลายคนใช้เป็นช่องทางในการขายสินค้า/บริการ บางคนตั้งตัวเป็นอาจารย์สอนวิชาการใช้สื่อโซเชียล ขายกันเป็นหลักสูตรเลยทีเดียว ดารานักแสดงก็กระโจนเข้ามา โดยหวังว่าตนนั้นจะมีฐานะความมั่งคั่งที่เข้ามาในชั่วพริบตา โดยลืมไปว่ามีคนไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็น Born to be โดยมีคนอีกมากมายที่เป็นเพียงแค่ Like to be
นอกจากประเด็นที่ไมใช่ทุกคนจะก้าวมาเพื่อใช่แล้ว สังคมโซเชียลยังสร้างผลกระทบมากมาย ที่สำคัญคือจากนี้ไปโลกจะไม่มีความเป็นส่วนตัวอีกแล้ว นอกจากนั้น ผู้ท่องโลกสมัยใหม่ต้องใช้สติปัญญามากขึ้น เพื่อต่อสู้กับกลอุบายต่าง ๆ ที่เข้ามาชักจูง ให้เชื่อให้คล้อยตาม
หนทางสู่ความสำเร็จ หากไม่ได้ผ่านการทำงานหนัก จะไม่ได้ความมั่นคง ได้แต่ความมั่งคั่ง การทำงานหนัก ไม่ได้เป็นเรื่องการเสียเหงื่ออย่างเดียว แต่ระหว่างทางจะเป็นเรื่องการเรียนรู้ทั้งเรียนรู้ชีวิต เรียนรู้ตัวเอง ข้อสำคัญที่อยกจะบอกก็คือ
คุณคนนั้นน่ะ ไม่ว่าจะเป็น Born to be หรือ Like to be ต้องไม่ลืมที่จะวางแผนชีวิตให้กับตนเอง รายได้ที่มาเร็ว ไม่ได้สรุปว่าจะยั่งยืน ถ้าไม่วางแผนการใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็น 1.การใช้จ่ายในการดำรงชีวิต 2.ค่าใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินและ3.ค่าใช้จ่ายเพื่ออนาคต ถ้าคุณไม่เตรียมไว้ สุดท้ายชีวิตก็เป็นไม่ได้ทั้ง Born to be หรือ Like to be