ในเวลาเพียงแค่ 8 ปีที่ก่อตั้งขึ้น และเข้าซื้อ Musical.ly เมื่อ 3 ปีที่แล้ว Bytedance โซเชียลมีเดียแดนมังกร ภายใต้การนำของ ซีอีโอหนุ่ม “จาง ยีหมิน” ก็ทะยานขึ้นเป็นสตาร์ตอัพที่มีมูลค่าบริษัทมากที่สุดในโลก และไม่เพียงแค่นั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในบริษัทของโลกที่มีมูลค่ามากที่สุดบริษัทหนึ่งด้วยเช่นกัน
-New normal คนไทย 45% ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
-ลาซาด้า จัด Virtual Tour ช่วยเหลือช้างไทยและชุมชนผู้ปลูกกาแฟ
ภายใต้ Bytedance มีลูกแก้วทรงพลังอยู่ด้วยกัน 3 ลูกคือ ลูกแก้วลูกแรกคือ “Toutiao” แอปพลิเคชันข่าว ที่พลิกมิติฟีดข่าวในจีน ซึ่งเบียดคู่แข่งอย่างเฟซบุ๊กไปเลย ข้อมูลสถิติการใช้เวลาในแอปพลิเคชันมือถือของคนจีน เมื่อปี 2018 ปรากฎว่าคนจีนใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ๆ กับ “Toutiao” แต่ขณะที่ใช้เวลาดูเฟซบุ๊กประมาณ 50 นาที รองลงมาก็เป็นอินสตาแกรมประมาณครึ่งชั่วโมง คือ ใช้เวลามากกว่าดูเฟซบุ๊กกับอินสตาแกรมรวมกันเสียอีก
ลูกแก้วลูกที่สองคือ “Douyin” แอปพลิเคชันวิดีโอสั้นที่สั่นสะเทือนวงการโซเซียลมีเดีย คนจีนแทบทุกคนแทบจะต้องมี “Douyin” อยู่ในมือถือ และลูกแก้วลูกที่สาม คือ “TikTok” หรือฝาแฝดของ Douyin แต่เป็นสาย ฝ. ที่บุกตลาดต่างประเทศ และตีตลาดที่สหรัฐฯ แบบกระจุยกระจาย โดยยอดการดาวน์โหลด TikTok ทั่วโลก มีมากถึง 2 พันล้านครั้ง
ลูกแก้วทั้ง 3 ลูกของ Bytedance คงพอทำให้มองภาพออกว่าทำไมถึงทำให้ Bytedance ทรงพลัง…เพราะแค่เจาะตลาดจีน และตลาดสหรัฐฯ 2 ประเทศที่มีประชากรชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อสูง ก็ทำให้ Bytedance เบียดแซงโซเชี่ยลมีเดียเจ้าอื่น ๆ แบบไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรี
ความสำเร็จภายใน 3 ปีนี้ ไม่เพียงแพลตฟอร์มที่น่าสนใจ แต่ ByteDance ทุ่มเม็ดเงินมหาศาลเข้าไปในตลาด ตลอดในช่วงปี 2018 – 2019 Bytedance ใช้เงินวันละ 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประชาสัมพันธ์และโปรโมทเพื่อดูดนักสร้างวิดีโอคอนเทนต์ รวมถึงยูสเซอร์ด้วย และยังใช้เงินโฆษณากับ Google Ad เฉพาะในปี 2018 ถึง 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ยังยิง Ad ในเฟซบุ๊กด้วย ซึ่งเฉพาะในเดือนกันยายน 2018 เพียงเดือนเดียวมียอดคนเห็น Ad ของ TikTok ผ่านดีไวซ์ของแอปเปิ้ลในสหรัฐฯ ถึง 22%
Bytedance ลงทุนโฆษณา TikTok มหาศาลก็จริง แต่มาดูตัวเลขฝั่งรายรับบ้าง…
ปี 2018 Bytedate มีรายได้ 7.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพียงปีเดียวรายได้กระโดดกว่าเท่าตัวเป็น 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงไม่แปลกที่ Bytedance จะทุ่มเม็ดเงินลงทุนแบบไม่ยั้งกับ TikTok ซึ่งเฉพาะปีที่แล้ว TikTok มีรายได้ถึง 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
TikTok สร้างรายได้จากโฆษณาเช่นเดียวกับโซเชียลมีเดียอื่น โดยบริษัทไม่ว่าจะแบรนด์เล็กแบรด์ใหญ่ โปรโมทวิดีโอโฆษณา โดยจะโฆษณาจะขึ้นบนฟีดของคนดู ตามความชอบของแต่ละคน ซึ่ง TikTok มีอัลกอริธึมที่เก็บดาต้าของผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นจะเป็นการโฆษณาโดยไม่ต้องมาประเมินและสุ่มกลุ่มเป้าหมายเอง ไม่ต้องจ้างเอเจนซี่ มาวางแผนเรื่องกลุ่มเป้าหมาย แต่โฆษณาจะวิ่งไปหาคนที่ใช่เอง… แน่นอนว่าผลลัพธ์ต้องดีกว่า การโฆษณาโดยที่ต้องมาตั้งกลุ่มเป้าหมายเอง และก็ไม่แน่ว่าจะตรงกลุ่มเป้าหมายด้วย
โมเดลค่าโฆษณาของ TikTok
- Cost Per Click: เมื่อยูสเซอร์คลิกดู Ad แบรนด์หรือลูกค้าก็จะจ่ายค่าโฆษณานั้น ๆ
- Cost Per View: CPV หรือเรียกอีกอย่างว่า Cost Per Mile. โดยคิดค่าโฆษณาจากการมียอดวิว 1,000 ครั้ง
- Cost Per Action: อันนี้เป็นโมเดลสำหรับธุรกิจ กรณีที่ยูสเซอร์ดูโฆษณาจบแล้วเกิดการซื้อขาย สมัครใช้งาน สมัครสมาชิก หรือติดตั้งแอปพลิเคชัน
นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการสมัครสมาชิก ซึ่ง TikTok เตรียมส่งบริการ Music streaming สู่ตลาดอีก เหมือน Apple Music และ Spotify คือจ่ายเงินค่าบริการฟังเพลง ซึ่งจะเป็นขุมทรัพย์รายได้อีกทาง และอีกส่วนคือรายได้จากการระดมทุน หรือ Fundraising จากนักลงทุน ซึ่งที่ผ่านมา TikTok ระดมทุนได้มากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
จากเส้นทางธุรกิจและการเติบโตแบบก้าวกระโดดของ Bytedance และ TikTok มีการประเมินว่าหาก Bytedance หากเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ มูลค่าบริษัทจะทำทะยานไปถึง 1.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จากที่ขณะนี้ตัวเลขก็สูงถึง 1.05 – 1.1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ…
เรียกว่าหยุดไม่ได้จริง ๆ กับความแรงของ TikTok และดูเหมือนว่ากำลังจะกลืนกินโลกทั้งใบ…
