TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessกระแส “ปังชา” ทำโซเชียลระอุ พูดถึงกว่า 19,000 ข้อความ และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

กระแส “ปังชา” ทำโซเชียลระอุ พูดถึงกว่า 19,000 ข้อความ และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

จากกระแสที่ร้านอาหารชื่อดัง ออกมาบอกแจ้งว่าทางร้านได้มีการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาเครื่องหมายการค้ากับเมนู “ปังชา” และได้มีข่าวเรื่องการฟ้องร้องละเมิดลิขสิทธิ์กับร้านอาหารที่ใช้คำว่า ปังชา กว่า 102 ล้านบาท ทำให้แฮชแท็ก #ปังชา พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องบนทุกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในทันที นำไปสู่การถกเถียงกันว่า แท้จริงแล้วร้านอื่น ๆ สามารถใช้คำว่า ปังชา ได้หรือไม่ และเรื่องการฟ้องร้องสามารถทำได้หรือไม่

กระแส “ปังชา” ทำโซเชียลระอุ

บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงได้ทำการเก็บข้อมูลการพูดถึงกระแสปังชา ตั้งแต่ช่วงที่มีกระแส ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2566 ผ่านเครื่องมือ ZOCIAL EYE พบว่าบนโซเชียลกำลังพูดถึงเรื่องนี้มีมากกว่า 19,000 ข้อความ และยังคงมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในช่วงเวลาเพียงแค่ 5 วัน มีเอ็นเกจเมนต์มากกว่า 2  ล้านเอ็นเกจเมนต์ โดยในวันที่ 31 สิงหาคมเพียงแค่วันเดียว มีการพูดถึงสูงถึง 1.2 ล้านเอ็นเกจเมนต์เลยทีเดียว

ข้อความส่วนใหญ่เกิดขึ้นบน Facebook มากที่สุด (63.48%) ตามมาด้วย Twitter (29.78%) Youtube (5.03%) Instagram (0.45%) และอื่นๆ (1.26%) 

ความรู้สึกของชาวโซเชียลที่พูดถึงเรื่องนี้ได้แตกออกเป็นทั้งเชิงบวกและเชิงลบ ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลบน ZOCIAL EYE สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเด็นหลัก ดังนี้ 

  1. เสียงวิพากย์วิจารณ์การฟ้องร้อง – ชาวโซเชียลตั้งคำถามเกี่ยวกับจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาและเครื่องหมายการค้ากับเมนู “ปังชา” ในครั้งนี้ บ้างก็มองว่าไม่เป็นธรรมกับธุรกิจขนาดเล็ก และเปรียบเทียบกับธุรกิจใหญ่อื่นๆ ที่ชื่อแบรนด์ถูกใช้เป็นคำเรียกสามัญไปแล้วแต่ไม่มีการฟ้องร้องใดๆ รวมถึง บ้างก็แสดงออกว่าจะเลิกสนับสนุนเพราะรู้สึกไม่พอใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น อีกทั้ง ยังมีหลายโพสต์ที่ออกมาให้ความรู้เรื่องกฎหมายดังกล่าวว่ามีความซับซ้อน ไม่แปลกใจหากคนไทยจะสับสน โดยให้ความรู้ว่าแท้จริงแล้ว ปังชา ได้รับความคุ้มครองในด้านเครื่องหมายการค้า ส่วนคำว่า ปังชา Pang Cha ไม่สามารถจดทะเบียนได้เนื่องจากเป็นคำสามัญ หากองค์กรหรือภาคส่วนที่เกี่ยวข้อให้ความรู้ที่ถูกต้อง ก็จะสามารถลดข้อโต้แย้งบนโลกโซเชียลได้มากทีเดียว
  2. กระแสตีกลับ ‘โลโก้ลอกเลียนแบบ’ และความสับสนในแบรนด์ – จากกระแสที่เกิดขึ้น ได้มีนักออกแบบออกมาพูดถึงโลโก้ประกอบผลิตภัณฑ์เองก็มีความคล้ายคลึงกับลายเส้นหญิงชุดไทยนั่งพับเพียบ เกล้าผมมวยพันอก ทัดดอกไม้ ใส่สร้อยคอ ยื่นมือขวาเหยียดยาว ที่อยู่บนปฏิทินของอีกแบรนด์หนึ่งในปี 2550 เรียกได้ว่าเกิดการตั้งคำถามถึงเรื่องความเป็นต้นฉบับ (Originality) และถึงอย่างนั้นแบรนด์เองก็ถูกมองว่าได้ไปลอกเลียนแบบงานของคนอื่นมาเช่นกัน อีกทั้ง ยังมีประเด็นความสับสนในตัวแบรนด์ระหว่างร้าน ‘ลูกไก่ทอง’ ที่ถูกพูดถึง และร้าน ‘ไก่ทองออริจินัล’ ที่โดนผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวเพราะชื่อคล้ายคลึงกัน จนต้องมีประกาศออกมาว่าไม่มีความเกี่ยวข้องในการตัดสินใจและการดำเนินการใด ๆ ในทางธุรกิจทั้งสิ้น 
  3. ความหิวไม่เข้าใครออกใคร – ถึงแม้ดราม่าดังกล่าวจะเป็นที่ถกเถียงกันบนโซเชียลอย่างต่อเนื่อง แต่อีกมุมหนึ่งยังคงมีบางส่วนที่โพสต์ภาพปังชา รวมถึงอาหารและเครื่องดื่มที่มีความเกี่ยวข้อง ทั้งชาไทย น้ำแข็งไส และขนมปังปิ้ง การเห็นภาพขนมหวานยามดึกน่าจะทำให้คนเสพย์โซเชียลหิวขึ้นมาได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนก็ตาม คนไทยขอเลือกอิ่มท้องก่อนเป็นอันดับแรก!

การพูดถึงเรื่องนี้ยังคงสูงขึ้นอยางต่อเนื่อง คำอธิบายของร้านอาหารชื่อดังจะสามารถดับร้อนกระแสครั้งนี้ได้หรือไม่ ยังคงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องติดตามกันต่อไป 

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

3 กูรูชี้ ‘สมาร์ทโฮมโซลูชัน’ อนาคตการเติบโตตลาดอสังหาฯไทย

EduPLOYS ปรับกลยุทธ์ ทรานฟอร์มธุรกิจจากเกมกระดานเพื่อการศึกษา ก้าวสู่ผู้นำด้านนวัตกรรมบอร์ดเกม 

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ